หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว 4.8 ริกเตอร์ ทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ ในช่วงวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา Kerry Colley เหลือบมองกราฟิกดีไซเนอร์ในทีมงานแล้วพูดว่า “คิดว่าเราจะสร้างเสื้อยืดจากสิ่งนี้ได้ไหม”

Colley ใช้เวลา 15 นาที ออกแบบเสื้อ และนำมาแขวนไว้ที่ร้านขายเสื้อผ้าในย่านอัปเปอร์เวสต์ไซด์ของนิวยอร์ก โดยไม่มีการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย และตั้งราคาไว้ที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 366 บาท) แบบไม่คาดหวังที่จะทำกำไรมากนัก

ในไม่ช้า ร้านขายเสื้อของเขามีลูกค้า 70 รายรอต่อแถวเป็นเวลา 2 ชั่วโมง เข้ามาดูเสื้อที่มีทั้งสีแดง สีเทา และสีน้ำเงิน พร้อมกับสกรีนข้อความว่า “I Survived The NYC Earthquake” โดย Colley เล่าว่ามีลูกค้ามาบอกว่ามีผู้เข้าชมเสื้อเกือบ 2 ล้านครั้งบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X และผลลัพธ์ที่ได้ร้านของเขามีรายได้สูงสุดเท่าที่เคยมีมา เสื้อยืดแผ่นดินไหวขายได้ประมาณ 1,000 ตัว ภายใน 21 ชั่วโมง ทำเงินมากกว่า 9,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 358,000 บาท)

สำหรับ Colley เปิดร้านขายเสื้อเมื่อปี 2019 หลังจากออกจากงานในตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารของ JPMorgan Chase แต่การมาทำธุรกิจนี้ทำให้เขาต้องเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ แบบที่ไม่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็น งานที่ยุ่งมากจนพนักงานไม่มีเวลาออกแบบเสื้อรายใหม่ ๆ หรือจะเป็นวันหยุดที่ไม่สามารถกำหนดได้

ย้อนกลับไปก่อนที่ Colley จะมาเปิดร้านขายเสื้อยืด เจ้าตัวใช้เวลา 2 ทศวรรษครึ่งในการทำงานด้านการธนาคาร แต่เมื่อทำงานที่ JPMorgan Chase เป็นระยะเวลาประมาณ 12 ปี เขารู้สึกเบื่อหน่าย และโค้ชด้านธุรกิจแนะนำให้เขาผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการ

ต่อจากนั้น Colley ได้พบกับผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์ ซึ่งเสนอแนะถึงแนวคิด 2-3 ข้อ ก่อนที่จะมาจบที่ Big Frog ที่มีสาขามากกว่า 75 แห่ง ในสหรัฐฯ โดยเจ้าของบริษัทบอกกับเขาว่าแบรนด์ไม่รู้จะทำการตลาดในนิวยอร์กอย่างไร ซึ่งกลายเป็นโอกาสที่จะทำให้ Colley มีอิสระในการบริหารร้านตามแบบฉบับของตัวเอง

Colley ทำงานในร้านทั้งแบบฟูลไทม์ และพาร์ทไทม์ คิดเป็น 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยรายได้ส่วนใหญ่ของร้านมาจากกิจกรรมระหว่างธุรกิจกับธุรกิจในท้องถิ่น

“ผมได้เรียนรู้มากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ตอนนี้มีความสุขอย่างแท้จริงกับประสบการณ์ที่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เลือกแฟรนไชส์นี้ คุณได้มีความคิดสร้างสรรค์ ได้ทำงานกับคนทุกประเภท” Colley กล่าว

แม้ว่าเสื้อสกรีนแผ่นดินไหวจะได้รับความนิยม แต่ยังคงราคาขายตัวละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่าราคา Big Frog ทั่วไปที่ขายราคา 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ

“เราไม่ต้องการสร้างรายได้หลายล้านบาท เราไม่ได้ต้องการอะไรเลย เราทำเพราะมันสนุกดี” Colley

ที่มา: CNBC, apnews