เตรียมเฮ! องค์กรส่วนใหญ่งดงานสังสรรค์ โดยนายจ้างกว่า 77% เตรียมขึ้นเงินเดือนในปี 64


การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ได้แค่เปลี่ยนแปลงแค่ในโลกของการทำธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิถีการทำงานตามองค์กรที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราเห็นภาพของการทำงานแบบ Work Form Home หรือการประชุมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เหล่านี้เป็นมาตรการป้องกันการติดเชื้อ ลดการสัมผัส ลดการเผชิญหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการทำงานในอนาคตข้างหน้าไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเสมอไป

Jobthai ผู้ให้บริการหางาน สมัครงานออนไลน์อันดับ 1 ของประเทศไทย ทำการสำรวจข้อมูลความคิดเห็นในเรื่อง “โลกการทำงานที่เปลี่ยนไปในยุค Post COVID-19 Pandemic จากคนทำงานทั่วประเทศจำนวน 7,548 คน รวมถึงสำรวจความคิดเห็นขององค์กรทั่วประเทศจำนวน 1,019 องค์กร พบว่าช่วงมาตรการล็อกดาวน์มีผู้ได้ทำงานจากที่บ้าน คิดเป็น 34.1% ส่วนผู้ที่ไม่ได้ทำงานที่บ้าน คิดเป็น 65.9%

ผู้ที่ได้ทำงานที่บ้าน ระบุว่าการได้ทำงานจากที่พักทำให้มีเวลาอยู่ร่วมกับครอบครัวมากขึ้น ตลอดจนความยืดหยุ่นในการทำงาน มีเวลาทำงานมากขึ้นกว่าอยู่ที่ออฟฟิศ สามารถบริหารจัดการทำงานได้ดีกว่า รวมถึงหลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองภายในองค์กรได้

ในด้านการบริการจัดการขององค์กร ด้วยผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนสวัสดิการทั้งที่ถูกเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น อนุญาตให้ทำงานที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาออฟฟิศ, เพิ่มเวลาการทำงานให้มีความยืดหยุ่น, ให้สวัสดิการเงินกู้ยืม

อย่างไรก็ตาม ยังมีในส่วนของสวัสดิการที่ถูกยกเลิกเช่นกัน ได้แก่ กิจกรรมสันทนาการขององค์กร เช่น งานกีฬาสี, งานเลี้ยงสังสรรค์, ท่องเที่ยวประจำปี, โบนัส, เงินรางวัลประจำปี/เงินรางวัลพนักงานดีเด่น เป็นต้น

อีกทั้ง ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องของการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานในปี 2564 พบว่าองค์กรกว่า 77% เตรียมปรับขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนพนักงาน โดย 48.2% มีแผนปรับขึ้นเงินเดือนตามโครงสร้างปกติ, 28.9% มีแผนปรับเงินเดือน แต่จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าปกติ, 18.1% ไม่มีแผนปรับเงินเดือน, 3.2% ยังไม่ได้ข้อสรุปนโยบาย และ 1.6% ปรับลดเงินเดือนของพนักงานลง

แต่เรื่องที่ต้องจับตามองของการทำงานเป็นอย่างมาก คือพนักงานกว่า 81% เตรียมมองหางานใหม่ในปีหน้า แบ่งเป็น ผู้ที่หางานอย่างจริงจัง 26.4%, ไม่ได้หางานจริงจัง แต่เปิดโอกาสสำหรับงานใหม่ 55.4% และกลุ่มที่จะไม่หางานใหม่ มีเพียง 18.2% โดยสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้คนอยากเปลี่ยนงาน คือไม่พึงพอใจเรื่องเงินเดือน รองลงมา คือไม่มีความก้าวหน้าในสายงาน, ไม่พึงพอใจเรื่องสวัสดิการ, ไม่พึงพอใจเรื่องวัฒนธรรม/สภาพแวดล้อมขององค์ และงานที่ทำไม่มีความท้าทาย