1.เพิ่มราคา
แม้ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องอาจจะสวนทางกับกำลังซื้อที่ลดลง แต่หากทำได้ถูกต้องก็สามารถเพิ่มกำไรได้แม้ว่ายอดขายอาจจะตกลง วิธีการคือค่อยๆขึ้นราคาทีละน้อยแบบไม่ให้ลูกค้ารู้สึกตัว หรือปรับผลิตภัณฑ์ให้ดูดีขึ้น พยายามเน้นให้ลูกค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพ คุณค่าของผลิตภัณฑ์มากกว่าราคา หรือขึ้นราคาแล้วเพิ่มบริการพิเศษบางอย่างเข้าไปในราคาผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมสำรวจราคาของคู่แข่งด้วย ในบางกรณีที่ขึ้นราคาไม่ได้จริงๆ อาจจะคงราคาแต่ปรับขนาดของผลิตภัณฑ์ให้เล็กลง หรือปรับส่วนประกอบบางอย่าง
2.พยายามขายเพิ่มเติม
เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าอย่างหนึ่งแล้วพยายามขายสินค้าที่ใช้ร่วมกัน เช่น ลูกค้าซื้อรองเท้า ให้พยายามเสนอขาย ถุงเท้า หรือยาขัดรองเท้า เป็นต้น เทคนิคที่สำคัญคือ พยายามให้ลูกค้าเห็นว่าประหยัดกว่าหรือได้ประโยชน์กว่า ในการซื้อสินค้าสองอย่างพร้อมกัน
3. ทำรายการ Checklist
พนักงานขายควรทำ Checklist สินค้าที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน เช่น หากลูกค้าซื้อสีทาบ้าน แล้วควรเสนอขายแปรงทาสี ทินเนอร์ ฯลฯ เพื่อช่วยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายเพิ่ม
4.สอบถามลูกค้า
ในกรณีลูกค้าคิดไม่ออก พนักขายต้องทำตัวเป้นที่ปรึกษาสอบถามความต้องการของลูกค้า และเสนอขายสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านรูปแบบและราคา พนักงานขายต้องทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี รู้จักตั้งคำถามเพื่อให้ลูกค้าออกความเห็น บอกความต้องการ เพื่อสร้างโอกาสในการขาย
5.ให้ความช่วยเหลือเรื่องการผ่อนชำระ
ปัจจุบันมีบริษัทมากรายให้บริการเรื่องบัตรเครดิตหรือบัตรการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ท่านต้องติดต่อบริษัทเหล่านี้เอาไว้เพื่อช่วยในการปิดการขายในกรณีที่ลูกค้าต้องการซื้อจริงๆแต่ไม่สามารถชำระเงินก้อนได้ทั้งหมดในคราวเดียว ทั้งต้องประเมินยอดการผ่อนชำระให้เหมาะสมด้วย
6.จำหน่ายสินค้าที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้
กรณีนี้สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าลูกค้าไม่ซื้อที่ร้านของท่านก็หาซื้อที่ร้านอื่นๆลำบาก ถ้าใช้เทคนิคนี้ต้องไม่ง้อลูกค้าด้วยการลดราคาเป็นอันขาด เพราะเหตุผลที่ลูกค้ามาซื้อร้านเราเพราะหาซื้อที่อื่นไม่ได้ ที่สำคัญก่อนใช้เทคนิคนี้ต้องเลือกลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนและสำรวจตลาดสำรวจคู่แข่งให้ดีเสียก่อน
7.การจัดเรียงสินค้า
สินค้าต้องจัดเรียงอย่างเด่นชัด มีป้ายราคาหรือวัตถุส่งเสริมการขายชัดเจน สินค้าที่ขายดี ต้องวางในระดับสายตาที่หยิบได้สะดวก ควรมีสินค้าโปรโมชั่นเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้าน
8.Impulse Buys
เทคนิคนี้คือการจัดเรียงสินค้าที่ซื้อง่าย ราคาไม่แพง ตัดสินใจซื้อง่ายไว้ใกล้ๆ จุดชำระสินค้า เช่น ขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง ฯลฯ โดยทั่วไปในระหว่างที่ลูกค้ารอชำระเงินมักมองไปรอบๆซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าเหล่านี้หรือการจัดเรียงสินค้าที่ต้องใช้ด้วยกันไว้ใกล้กันก็เพิ่มโอกาสในการขายได้ เช่น กระบอกไฟฉาย และ ถ่านไฟฉาย
9.เสนอขายสินค้าเป็นชุดหรือขายจำนวนมาก
เช่นการขายเป็นแพ็กๆในราคาพิเศษ ที่สำคัญคือต้องให้ลูกค้าเห้นว่าถูกกว่าเมื่อซื้อจำนวนมากขึ้น และควรใช้กับสินค้าที่ต้องใช้ประจำ เช่น ผงซักฟอก น้ำอัดลม สบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ
10.ใช้ CRM ในการเพิ่มยอดขาย
การจดจำความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ทักทายลูกค้าด้วยชื่อและตำแหน่งที่ถูกต้อง จัดเตรียมที่ลูกค้าซื้อประจำให้พร้อม ความประทับที่เกิดกับลูกค้าจะทำให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นและซื้อบ่อยๆขึ้น จนเกิดเป็นลูกค้าขาประจำในที่สุด
11.ฝึกอบรมพนักงานขายให้เข้าใจงานขายและลูกค้าตัวอย่างแท้จริง
มีความเป็นมืออาชีพในสินค้าที่ขาย รู้จริงเรื่องของสินค้าที่เสนอขาย มีความอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขาย
12.ให้บริการพิเศษหรือรางวัลพิเศษเมื่อลูกค้าซ้อถึงเป้าที่กำหนด
เช่น ให้บริการส่งถึงบ้าน หรือแถมของแถม หรือสินค้าเพิ่มเติม ฯลฯ ที่สำคัญต้องแสดงออกในลักษณะที่ทำให้ด้วยความเต็มใจและขอบคุณลูกค้าอย่างยิ่งที่ช่วยซื้อเพิ่ม ควรพูดให้ลักษณะสนอแนะ เช่น หากลูกค้าช่วยซื้อเพิ่มอีกเท่านั้นเท่านี้ ก็จะสัมมนาคุณด้วยสินค้าพิเศษหรือบริการพิเศษ เป็นต้น
13.ตั้งเป้ายอดขายให้พนักงานแต่ละคน
โดยมีรางวัลพิเศษเป็นตัวกระตุ้น แต่ไม่ควรตั้งเป้าสูงจนเกินความสามารถพนักงานหรือความเป็นจริง และควรตั้งเป้าสำหรับทีมขายด้วย เพราะหากพนักงานขายไม่สามารถทำได้ตามเป้าในการขายรายบุคคล ยังสามารถช่วยทีมให้ถึงเป้าและได้รับส่วนแบ่งได้บ้าง
14.รายการส่งเสริมการขายต่างๆ
เช่น การแจกของแถมตามจำนวนซื้อที่กำหนด การให้ส่วนลด ซื้อ1 แถม 1 หรือซื้อ 2 แถม 1 หรือซื้อสินค้าแรกราคาเต็มแล้วสินค้าชิ้นต่อไปในราคาพิเศษ หรือซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งแล้วให้คูปองจับฉลากส่วนลดในการซื้อสินค้าอื่นๆ ต่อไป ที่สำคัญต้องคำนึงถึงผลลัพธ์รายการส่งเสริมการขายนั้นๆ ว่าคุ้มทุน ได้ยอดขาย ได้กำไร ตามที่ต้องการหรือเปล่า
15.การส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ
เช่น ถ้าทำธุรกิจอู่รถยนต์อาจจะทำการส่งเสริมการขายร่วมกับกิจการล้างรถยนต์ เป็นต้น
————————————————————————————————————————————-
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนที่อยากจะกระตุ้นให้ท่านที่ใช้ความคิด อย่ายอมแพ้ หมดอาลัยตายอยากไปกับปัญหาเศรษฐกิจ อย่างที่เขาว่ากันว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ อย่างน้อยก็โอกาสให้คิดมากขึ้น