ฟิลิปปินส์ออกกฎคุมหวาน น้ำตาลนำเข้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศุลกากร

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา รายงานว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป ผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำตาลและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากน้ำตาลในฟิลิปปินส์ จะต้องผ่านกระบวนการชำระค่าธรรมเนียมพิธีการศุลกากรและการอนุมัติจากสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาล (Sugar Regulatory Administration: SRA) ก่อนที่จะวางจำหน่ายในตลาดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

นาย Pablo Luis Azcona ผู้บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SRA ระบุว่า คำสั่ง Sugar Order (SO) 6 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีระยะเวลาเตรียมตัวหนึ่งเดือนหลังจากการลงทะเบียนอย่างเป็นทางการในสำนักงานทะเบียนการบริหารแห่งชาติ (ONAR) และศูนย์กฎหมายมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ (UP Law Center) เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา

คำสั่งดังกล่าวครอบคลุมสินค้าที่อยู่ภายใต้พิกัดศุลกากร

• น้ำตาลทราย (ซูโครส) น้ำเชื่อม และน้ำตาลพิเศษ
• น้ำตาลชนิดอื่น เช่น แล็กโทส กลูโคส มอลโตส น้ำผึ้ง และคาราเมล
• สินค้าที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ เช่น หมากฝรั่งและไวท์ช็อกโกแลตที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้

อัตราค่าธรรมเนียมพิธีการศุลกากรถูกกำหนดไว้ที่ 3 เปโซต่อถุงขนาด 50 กิโลกรัม หรือ 60 เปโซต่อตัน ซึ่งต่ำกว่าข้อเสนอเบื้องต้นที่เคยตั้งไว้ที่ 10 เปโซต่อถุง หรือ 200 เปโซต่อตันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ผู้นำเข้ามีระยะเวลา 6 เดือนในการปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ มิฉะนั้นจะเผชิญกับบทลงโทษและมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดโดยกรมศุลกากร

เป้าหมายของมาตรการ
มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดผลกระทบของการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำตาลที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำตาลในประเทศ ซึ่งได้รับการเรียกร้องจากกลุ่มเกษตรกรและผู้ผลิตท้องถิ่นที่ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐให้เกิดความเป็นธรรมในตลาด นอกจากนี้ยังช่วยให้ SRA สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำตาลในประเทศ เพื่อการวางแผนและพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและแนวโน้มในอนาคต

• ลดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม: ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ผลิตน้ำตาลในประเทศสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดท้องถิ่น
• สนับสนุนการผลิตในประเทศ: เป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำตาลภายในประเทศ ลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ
• ตอบสนองเทรนด์สุขภาพ: ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการผลิตภัณฑ์ให้พลังงานต่ำและดีต่อสุขภาพ ตลาดผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำตาลในฟิลิปปินส์จึงมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการควบคุมและปรับสมดุลตลาดน้ำตาลที่เปราะบาง รวมถึงการเตรียมตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้บริโภค หากสามารถนำข้อมูลที่รวบรวมมาวิเคราะห์และวางแผนพัฒนาวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ทดแทนในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟิลิปปินส์อาจกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำตาลในภูมิภาคในอนาคต

ตลาดผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำตาลยังคงเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะเมื่อกระแสรักสุขภาพและความยั่งยืนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลก การปรับตัวอย่างทันท่วงทีของผู้ผลิตและนักลงทุนในตลาดนี้จึงถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว