ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
“เงินทุน” ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการทำธุรกิจ เพราะถ้าไม่มี “เงิน” กระบวนการต่าง ๆ ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าแฟรนไชส์, ค่าก่อสร้าง, ค่าพนักงาน, ค่าน้ำ-ค่าไฟ เหล่านี้ต้องใช้เงินทั้งหมด
Introverts เรามักได้ยินคำนี้อยู่เสมอ มองเผิน ๆ คนประเภทนี้แม้จะเป็นคนพูดน้อย ไม่ชอบเข้าสังคม แต่รู้หรือไม่? ถ้าวัดในเรื่องของการทำธุรกิจแล้วพวกเขามักจะทำได้ดีกว่าคน Extrovert
เราเคยได้ยินว่า “หากคุณไม่เสี่ยง คุณจะไม่ได้อะไรเลย” เช่นเดียวกับการทำธุรกิจจะเห็นว่าคนที่ประสบความสำเร็จมักมีนิสัยกล้าได้ กล้าเสีย กล้าเสี่ยงที่จะเดิมพัน และพวกเขาไม่กลัวที่จะผิดพลาด หรือล้มเหลวแต่อย่างใด
ทำไมคนรวยถึงชอบ “ตีกอล์ฟ” เรามักเห็นและติดตาเป็นภาพจำไปแล้วว่า “กอล์ฟ” เป็นกีฬาของคนรวย-คนทำธุรกิจไปแล้ว กลายเป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนดังในช่วงวันพักผ่อน
พูดถึงเป็นอย่างมากว่าจะเข้ามาแทนที่คน เข้ามาแย่งตำแหน่งงาน หากมนุษย์ไม่มีปรับตัว เพิ่มทักษะให้กับตัวเอง แต่อีกด้านหนึ่ง ใช่ว่าเรื่องนี้จะเลวร้ายเสมอไป เพราะหากมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์ และทำงานร่วมกันกับ AI ก็จะเป็นตัวช่วยชั้นยอดกับสิ่งที่ทำอยู่
เรามักจะได้ยินอยู่เสมอว่า “คอนเนกชัน” เป็นเรื่องสำคัญของการทำธุรกิจ และเป็นบันไดปีนไปสู่ความสำเร็จ แต่ปัญหาย่อมมีสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่ลงสนามนี้เป็นครั้งแรก ด้วยความที่ไม่รู้จักใครเลย จะมีวิธสร้าง “คอนเนกชัน” ในรูปแบบอะไร ที่ไหนบ้าง เรามาหาคำตอบกัน
หากตั้งคำถามว่า คุณจะพบอะไรอยู่ข้างเตียงของคนที่ประสบความสำเร็จ คำตอบคือ “หนังสือ”
การยึดติดอยู่ในกรอบเดิมอาจเป็นเชือกฉุดรั้งไม่ให้ธุรกิจของเราไม่ไปไหน กลับกันหากเราลองทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ปรับสภาพแวดล้อม อาจจะทำเกิดแรงบันดาลใจ เพิ่มไฟให้กับตัวเองในการเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะไอเดียการตลาดที่เปิดโอกาสให้เราได้ความคิด ความเป็นตัวเองลงไป
การทำธุรกิจต้องมีกฎเหล็กที่ต้องยึดมั่นเป็นแนวทาง เรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่ามีหลายตำราให้เลือกเดิน แต่ smartsme มีมานำเสนอเหมือนกันกับ 9 กฎเหล็กทำธุรกิจก้าวหน้า ให้ได้มาถึงความสำเร็จแบบง่ายๆ
การทำธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง ไม่มีใครการันตีได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อม ปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในและภายนอก แต่ถ้าหากผู้ประกอบการลองคิดในมุมที่เลวร้ายที่นั่นคือ “ธุรกิจใกล้เจ๊ง” จินตนาการไปก่อนก็จะช่วยในการหาแนวทาง เตรียมตัวว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้พ้นสถานการณ์ที่ไปให้ได้
การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ทุกคนทุกคนที่จะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ แต่ความกล้าที่จะเริ่มต้นก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเป็นไปได้
ลูกค้าแต่ละรายล้วนมีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน หากยกเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ขึ้นมาเมื่อเราไปซื้อสินค้า หรือใช้บริการอะไรสักอย่าง แล้วพบว่าร้านที่ไปนั้นเต็มไปด้วยลูกค้าจำนวนมาก และพนักงานอาจดูแลไม่ทั่วถึง คุณจะตัดสินใจทำอย่างไร?
การถือกองทุนรวมควรพิจารณาตามวัตถุประสงค์และความต้องการการเงินของแต่ละบุคคลหรือหน่วยงาน โดยทั่วไปแล้วมีข้อควรพิจารณาดังนี้
การที่ SME จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ดีนั้นเกิดจากหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาและเตรียมตัวให้พร้อมดังนี้ การจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลทางการเงิน SME ควรเตรียมเอกสารทางธุรกิจที่เป็นระเบียบและครบถ้วน เช่น รายงานการเงิน, แผนธุรกิจ, และรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการหรือกิจกรรมที่ต้องการเงินทุน เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการพิจารณาขอสินเชื่อหรือการลงทุนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว การค้นหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมมีหลายทางที่ SME สามารถหาเงินทุนได้ เช่น สินเชื่อธุรกิจ: บางครั้งธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นๆ อาจมอบสินเชื่อให้กับ SME ที่มีฐานะการเงินที่ดีพร้อมที่จะเปิดให้สินเชื่อแก่กิจการขนาดเล็กและกลาง การลงทุนจากนักลงทุน: การสะสมทุนจากนักลงทุนส่วนบุคคล, นักลงทุนระดับหนึ่ง, หรือนักลงทุนกลุ่มต่างๆ เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจของ SME การใช้บริการ Crowdfunding: โดยใช้แพลตฟอร์มการเงินทางการกุศลออนไลน์เพื่อระดมทุนจากประชาชนหรือนักลงทุนทั่วไป การสนับสนุนจากรัฐบาล: รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาลหรือองค์กรที่สนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจ การสร้างความน่าเชื่อถือและความสามารถในการจัดการ SME ควรมีบันทึกธุรกิจที่ดีและประสบความสำเร็จในการจัดการธุรกิจ รวมถึงความรู้และความสามารถในการทำธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับเงินทุนจากแหล่งต่างๆ เช่นเดียวกับการควบคุมความเสี่ยงและการวางแผนทางการเงิน SME ควรมีการวางแผนการเงินที่ดีและการควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนหรือสถาบันการเงินมองเห็นว่าธุรกิจมีความมั่นคงและมีศักยภาพในการกำไร สุดท้ายการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SME นั้นมีหลายทางเลือก การเลือกและการปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของธุรกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ SME สามารถขยายธุรกิจและเติบโตได้ในระยะยาว เรื่องที่เกี่ยวข้อง 3 วิธีโน้มน้าวใจที่มักใช้ได้ผล เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ นำมาปรับใช้เจรจาธุรกิจ
การที่เราไปสมัครงาน ณ องค์กรใดองค์กรหนึ่ง ความแตกต่างที่จะได้ถูกรับเลือก หรือถูกปฏิเสธให้เข้าทำงานอาจขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้ดีเพียงใด “การสื่อสาร” จึงกลายเป็นท็อปทักษะที่ต้องการในตัวของพนักงาน เช่นเดียวกับทักษะการปรับตัวทางด้านอารมณ์ก็เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของนายจ้างในหลากหลายอุตสาหกรรมตามการวิจัยใหม่จาก LinkedIn ตามรายงานทักษะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดประจำปี 2024 ของ LinkedIn พิจารณาจากทักษะที่ต้องการมากที่สุดในการรับสมัครงานของนายจ้างบนแพลตฟอร์ม รวมถึงจำนวนสมาชิกที่ได้รับการว่าจ้างตามทักษะนี้ สำหรับ 10 ทักษะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของนายจ้าง มีดังต่อไปนี้ 1.การสื่อสาร2.บริการลูกค้า3.ความเป็นผู้นำ4.การจัดการโครงการ5.การจัดการ6.วิเคราะห์7.ทีมเวิร์ค8.การขาย9.การแก้ไขปัญหา10.การค้นคว้า Catherine Fisher ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพของ LinkedIn กล่าวว่า “ทักษะการสื่อสาร” เป็นหนึ่งในเรื่องที่นายจ้างต้องการเป็นอย่างมาก โดยเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการถ่ายทอดซึ่งมีความเกี่ยวข้องเกือบทุกงาน และอุตสาหกรรม การสื่อสารที่ดีเยี่ยมในสถานที่ทำงาน คือผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของ AI, การทำงานระยะไกล และแบบผสมผสาน ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารของพนักงานลดลง ไม่เหมือนกับในอดีต ด้าน Aneesh Raman รองประธาน LinkedIn กล่าวว่านายจ้างต้องการจ้างพนักงานที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยหัวใจสำคัญของการจัดการเปลี่ยนแปลงคือการสร้างกล้ามเนื้อหางความสามารถในการปรับตัว ที่มา: cnbc
การเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้ประกอบการ ความพร้อมถือเป็นสิ่งสำคัญมากหากคิดจะมาลงสนามนี้ โดยความพร้อมที่ว่ามีทั้งเรื่องของ เงินทุน, บุคลากร, คอเนกชั่น เช่นเดียวกับสถานที่ทำงาน หรือออฟฟิศก็เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ หลายคนอยากมีออฟฟิศที่มีความหรูหรา มีความทันสมัย เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับองค์กร ทั้งพนักงาน และคู่ค้าที่มาเจรจาธุรกิจ แต่แท้จริงแล้วการทำธุรกิจมีอะไรมากกว่านั้น และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าจึงเป็นทางเลือกแรก ๆ ที่ต้องทำก่อน สำหรับ Lori Greiner นักลงทุนในรายการ Shark Tank เจ้าของฉายา “ราชินีแห่ง QVC” บอกว่าเธอไม่ได้ซื้อของฟุ่มเฟือยแม้แต่ชิ้นเดียวจนกระทั่งทำธุรกิจเดินทางเข้ามาสู่ปีที่ 4 โดยการประหยัดเป็นสิ่งที่ควรทำแต่เนิ่น ๆ แม้ว่าสินค้าหรือบริการจะได้รับความนิยม มีรายได้ไหลเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ตาม และจงภูมิใจในความจริงที่ว่า คุณสามารถดำเนินธุรกิจด้วยงบประมาณที่จำกัด คุณจะประทับใจกับสิ่งเหล่านี้ Lori Greiner แนะนำ 4 วิธีอันชาญฉลาดเมื่อเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรก ต้องทำอย่างไร ซึ่งเป็นแนวทางของผู้ประกอบการที่อยู่ในสถานะนี้เป็นอย่างดี 1.ลืมออฟฟิศที่หรูหราไปได้เลย หลายธุรกิจมักทำงานจากที่พักอาศัย เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเงิน เว้นแต่ว่าต้องใช้จริง ๆ Greiner ทำงานจากที่บ้านเป็นระยะเวลา 5 ปี […]
การทำงานในบริษัทย่อมเจอคนมากหน้าหลายตา แต่ละคนล้วนมีพื้นฐาน ที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน ดังนั้น การมาอยู่รวมกันในองค์กรจำเป็นต้องเคารพซึ่งกันและกัน สร้างบรรยากาศทำงานให้เป็นไปอย่างราบรื่นให้ทุก ๆ วันที่ตื่นขึ้นมาอยากจะมาทำงาน แน่นอนว่าทุกคนต้องปรับตัวเข้าหากัน โดยการวางตัวถือว่ามีส่วนสำคัญมาก เพราะการที่ทำให้เพื่อนร่วมงานเคารพ นับถือจะสร้างเกราะป้องกันในการทำงาน เนื่องจากได้รับการยอมรับจากผู้อื่น Smartsme จะพามาดู 10 เรื่องวางตัวอย่างไรให้เป็นที่เคารพ เป็นคนที่ใครๆ อยากเข้าใกล้ ร่วมทำงานด้วย 1.กล้าพูด หากคุณเห็นพฤติกรรมที่ไม่น่าเคารพ ดูแล้วไม่ดี และบ่อนทำลายสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้พูดออกมา เพราะทุกคนสมควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ ความเสมอภาค เท่าเทียมกัน 2.รอยยิ้ม การเห็นอกเห็นใจ และเกรงใจผู้อื่น ควรฝึกทำสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ รวมถึงการยิ้มให้เป็นกิจวัตร การทักทายผู้อื่นเมื่อมาถึงสถานที่ทำงาน เหล่าแสดงถึงความสุภาพ ความเมตตาเป็นการสร้างบรรยากาศในที่ทำงานให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เกร็งจนเกินไป 3.พูด “ขอบคุณ” มันอาจดูเป็นเรื่องสามัญสำนึก แต่ผู้คนจำนวนมากลืมจะกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” หรือไม่พูดถึงออกมาด้วยความจริงใจ การพูดขอบคุณบ่อย ๆ จะทำให้ผู้อื่นรู้ว่าคุณชื่นชมการกระทำของพวกเขา ให้กำลังใจเพื่อแสดงให้เห็นคุณค่าของการมีส่วนร่วมของทีม 4.รู้จักกาลเทศะ หากคุณทำงานในสถานที่แบบเปิด หรืออยู่ในห้องที่มีเพื่อนพนักงานอยู่เป็นจำนวนมาก ควรระมัดระวังเรื่องของการใช้เสียง เช่น การพูดคุยโทรศัพท์ลองเช็กระดับเสียงว่าไม่ดังจนเกินไปที่จะรบกวนผู้อื่น […]
การเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเปรียบเสมือนกับการเลือกสินค้าที่ผู้ซื้อต้องรู้รายละเอียดของสินค้า รู้ความต้องการของตัวเองคืออะไร เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ด้วยความที่กองทุนรวมมีให้เลือกมากมาย สิ่งสำคัญที่จะนำมาประกอบการตัดสินใจ คือธุรกิจที่อยู่ในกองทุนรวมนั้น ที่ต้องวิเคราะห์ตั้งแต่อดีตดูผลตอบแทนย้อนหลัง ตลอดจนเรื่องในอนาคตว่าธุรกิจหมวด/อุตสาหกรรมที่ลงทุนไปนั้นในอีกสัก 3-5 ปีข้างจะเป็นอย่างไร ยังคงได้รับความนิยมจากผู้คนหรือไม่ เมื่อพิจารณาถึงธุรกิจที่มีแนวโน้มไปได้ด้วยดี และมีความน่าสนใจเหมาะแก่การลงทุน มองได้ดังต่อไปนี้ เทคโนโลยี ยุคนี้เป็นเรื่องของเทคโนโลยี แน่นอนว่าเทคโนโลยีมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริษัทเทคโนโลยี เช่น Facebook, Google แพลตฟอร์มเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือจะเป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และระบบคลาวด์ ก็เป็นส่วนสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลของยุคนี้ นอกจากนี้ เราอาจยังรวมไปถึงเทคโนโลยีฟินเทค, นวัตกรรมด้านการชำระเงิน, บล็อกเชน ตลอดจน internet of thing ที่มาแรงในยุคนี้ โดยอาจจะต้องมองไปที่กองทุนรวมที่ลงทุนในบริษัทต่างประเทศ ธนาคาร หากธนาคารล้ม ประเทศก็อยู่ไม่ได้ ที่ผ่านมาเราแทบไม่เคยเห็นธนาคารขาดทุน มีแต่กำไรลดลงจากเดิม แต่กำไรที่ได้เป็นตัวเลขระดับมหาศาลอยู่ดี ดังนั้นกองทุนรวมหุ้นธุรกิจธนาคารจึงมีความน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะให้ผลตอบแทนดีเยี่ยม ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ย, การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, การชำระหนี้ของลูกหนี้ โดยผู้ลงทุนต้องนำเรื่องเหล่านี้มาวิเคราะห์ให้ดีเสียก่อน พลังงาน หากผู้ลงทุนยังคิดไม่ออกว่ามีธุรกิจอะไรที่น่าสนใจ ให้ลองคิดว่าในชีวิตประจำวันผู้คนจำเป็นต้องใช้อะไรบ้าง […]
การพูดคุยกับคู่สนทนา ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอยู่สถานะอะไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือการโน้มน้าวใจเพื่อให้ได้ตามสิ่งที่เราต้องการ โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่วิธีการต้องรู้จังหวะว่าในแต่ละช่วงเวลาต้องทำอย่างไร จากการศึกษาศาสตร์แห่งการโน้มน้าวใจมาหลายทศวรรษ ทำให้ค้นพบสิง่ใหม่กับการให้ความสำคัญกับการตัดสินใจเหล่านี้เมื่อใด และนี่คือ 3 วิธีสำคัญในการกำหนดเวลาเพื่อเพิ่มโอกาสการโน้มน้าวใจเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ 1.รู้ว่าเมื่อใดคุณควร (และไม่ควร) ไปก่อน หากคุณต้องไปทำอะไรสักอย่าง เช่น สมัครงาน, ดีลงานธุรกิจ การไปตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้ถูกจดจำได้ง่ายขึ้น แต่หากมีคู่แข่งจำนวนมาก มีผลการศึกษาตั้งแต่การแข่งขันร้องเพลง, สเก็ต ไปจนถึงการแข่งขันชิมไวน์ แสดงให้เห็นว่า ด้วยจำนวนคู่แข่งที่มากมาย ผู้ที่อยู่ในลำดับท้าย ๆ มักจะได้รับการประเมินในระดับสูงกว่า ส่วนหนึ่งมาจากความสดใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะจดจำข้อมูลที่นำเสนอล่าสุดได้ดี แต่หากเกณฑ์การคัดเลือกไม่ชัดเจน ก็ไม่ควรเร่งรีบเจรจา แต่ให้พูดคุยกันไปก่อนเพื่อดูท่าทีว่าคู่สนทนามีความชื่นชอบอย่างไร แล้วค่อย ๆ ใส่ข้อเสนอลงไป ซึ่งจะช่วยทำให้ง่ายขึ้น 2.แจ้งข่าวร้ายก่อน เราเคยได้ยินประโยคที่ว่า “มีข่าวดีกับข่าวร้ายมาแจ้ง จะฟังข่าวไหนก่อน” บางคนอาจจะตอบว่าให้บอกข่าวดีก่อนดูจะเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะการรู้ข่าวร้ายอาจจะเป็นเรื่องไม่สบายใจ แต่ผลการวิจัยพบว่า 4 ใน 5 คน ชอบฟังข่าวร้ายก่อน เพราะข่าวร้ายจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจ เนื่องจากได้รู้ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และจะได้หาวิธีแก้ปัญหา […]
เรื่องของ “การเงิน” เรียกได้ว่าไม่มีสอนในบทเรียนของการศึกษา แต่รู้หรือไม่ว่านี่คือเรื่องสำคัญกับชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก บางคนหาเงินมาได้มากมาย แต่บริหารไม่เป็น สุดท้ายเงินไม่พอใช้ หรือถึงขั้นเป็นหนี้เป็นสินในที่สุด เพราะไม่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องของการเงินมากพอ หนึ่งเรื่องพื้นฐานที่คนมักจะสอนกันมาคือ เมื่อทำงานมีเงินเดือน ก็ควรหมั่นเก็บออมไว้เผื่อวันข้างหน้า แน่นอนว่านี่คือการปลูกฝังที่ดี แต่หากเรามีเป้าหมายที่จะไปให้ถึงการออมอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก นั่นคือ “กองทุนรวม” ที่เหมาะกับพนักงานเงินเดือนไปจนถึงคนทำธุรกิจ กองทุนรวม คืออะไร หากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ของกองทุนรวม คือการนำทุน (เงิน) ของแต่ละคนมารวมกันจนได้เงินเป็นก้อนใหญ่ โดยมีผู้จัดการกองทุนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทำหน้าที่บริหาร แบ่งสรรปันสวนเงินไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนนั้น ซึ่งข้อดีคือผู้ซื้อกองทุนไม่ต้องมานั่งดูการลงทุนว่าจะเอาไปลงทุนอะไร เพราะมีคนดูแลผลประโยชน์ให้ผู้ซื้ออยู่แล้ว ประเภทกองทุนรวม เราเคยได้ยินว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เช่นเดียวกับ “กองทุนรวม” ที่มีความเสี่ยงเหมือน โดยแบ่งออกเป็น 8 ระดับ ซึ่งผู้ที่สนใจก็ต้องศึกษาเรื่องนี้เป็นอันดับแรก ความเสี่ยง 8 ระดับของกองทุนรวม มีดังต่อไปนี้ระดับ 1 กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ: เงินฝาก ตราสารหนี้ ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 3 เดือนระดับ […]
“ความสำเร็จ” กับ “ความล้มเหลว” เป็นสองทางแยกที่มีความเสี่ยงพอ ๆ กัน เพราะบางทีสิ่งที่เราเลือก สิ่งที่เราตัดสินใจก็อาจนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการกับผลลัพธ์ที่ไม่อยากจะได้ เช่นเดียวกับการทำธุรกิจคงไม่มีใครที่ลงมือแล้วต้องไม่เจอกับความผิดหวัง โดยเรื่องนี้ผู้เป็นไลฟ์โค้ชทางธุรกิจอย่าง Marlo Lyons ได้ให้คำแนะนำว่าทัศนคติคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่เมื่อคิดจะเดิมพัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกสิ่ง ซึ่งเราสามารถมีความคิดเชิงบวกเพื่อนำพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้ นี่คือ 3 เทคนิคของ Lyons ที่แนะนำให้กับผู้ประกอบการที่จะเข้ามาเดินบนเส้นทางนักธุรกิจ 1.เริ่มต้นในเรื่องที่เชี่ยวชาญ อาจจะเป็นเรื่องยากหากจะบอกว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในเรื่องอะไรบ้าง แต่ให้เลือกทักษะที่จะสามารถพัฒนาพัฒนาได้ด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นมาก่อน แต่ปัจจุบันก็มีแพลตฟอร์มให้เรียนรู้ และทำตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ Lyons แนะนำว่าแพลตฟอร์มอย่าง Upwork และ Fiverr เป็นวิธีอันยอดเยี่ยมในการสร้างช่องทางในการเปิดตัวธุรกิจขนาดเล็กของตัวเอง บางทีการทำธุรกิจไม่ควรคิดถึงผลกำไรมาเป็นอันดับแรก แต่ควรสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้าจนเกิดการบอกต่อน่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญกว่า 2.ตั้งเป้าหมายชัดเจน เมื่อลงสนามการทำธุรกิจแล้ว อย่าคิดว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย Lyons บอกว่า เราควรกำหนดสิ่งที่ต้องการอยากให้ธุรกิจเป็น และเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่จะต้องเดินไปให้ถึงผ่านการวางแผน ซึ่งคนทำจะต้องเอาจริงเอาจัง และเมื่อธุรกิจเดินหน้าก็ควรมีการกำหนดเป้าหมายทั้งรายปี และรายไตรมาส โดยทุกไตรมาส จะต้องบอกว่าจะทำเรื่องอะไรให้สำเร็จ แยกย่อยเป็นรายสัปดาห์ รวมถึงเขียนรายละเอียดสิ่งที่ผิดพลาด ทำไม่สำเร็จ พร้อมกับบอกวิธีที่จะทำอย่างไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม 3.อย่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เราต้องยอมรับก่อนว่าไม่มีใครรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการสร้างธุรกิจ ดังนั้น สบายใจได้ว่าเราไม่มีคำตอบทั้งหมด […]
แน่นอนว่าเมื่อใครก็ตามที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้ประกอบการ ย่อมอยากให้ธุรกิจที่ทำอยู่สามารถดำเนินการได้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเดินทางมาถึงทางตัน และต้องปิดตัวไปในที่สุด โดยเรื่องนี้การสร้างแนวคิด หรือหลักการให้กับธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นคำตอบในเรื่องนี้ ตามรายงานแนวโน้มความยั่งยืนปี 2023 ของ Alibaba พบว่า 73% ของผู้บริโภคจาก14 ตลาด ในทวีปยุโรป, เอเชีย และตะวันออกกลาง มีความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับผลสำรวจ Global Consumer Insights Pulse Survey ประจำปี 2023 ระบุว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืน การยึดมั่นในเรื่องของความยั่งยืนไม่ได้เป็นประโยชน์กับสภาพแวดล้อม และเศรษฐกิจท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลเชิงบวกให้กับแบรนด์อีกด้วย ดังนั้น เรามาดูกลยุทธ์ทางธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่คนเป็นผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ ผ่านวิธีการเหล่านี้ 1.เพิ่มความโปร่งใส่ให้ผลิตภัณฑ์ ใช้ทุกโอกาสเพื่อเน้นย้ำถึงคุณภาพที่ยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ ทั้งจากการโฆษณา การขาย โดยการใส่คำว่า “ธรรมชาติ” และ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ดูโดดเด่นขึ้นมา แทนที่คุณจะพึ่งพาคำนี้ให้ทำงาน ผลิตภัณฑ์ของคุณเองก็ต้องตอบโจทย์เป็นไปอย่างที่พูดจริง ๆ ด้วย ผู้ซื้อมักจะชื่นชมผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่ เช่น การย่อยสลายได้เอง รวมถึงการแบ่งปันข้อเท็จจริง และรอบคอบ เหล่านี้จะสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจ […]
ครอบครัวถือเป็นสถาบันหลักสำคัญในการสั่งสอนลูกว่าจะเป็นคนอย่างไร โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินว่าควรทำอย่างไรกับลูกของเรา และเรื่องไหนที่ไม่ควรทำกับลูกของเรา เมื่อเราพิจารณาตามหนังสือ “Raising an Entrepreneur” ที่สัมภาษณ์ 70 ครอบครัวเกี่ยวกับการเลี้ยงดูที่ทำให้ลูกเติบโตมาประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมายทำตามความฝัน ซึ่งการสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้พูดคุยกับครอบครัวที่มีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของชาติพันธุ์, เศรษฐกิจสังคม และศาสนา บทสรุปมี 4 เรื่องด้วยกันที่คนเป็นผู้ปกครองที่เป็นบุคคลที่ฉลาด สร้างแรงขับเคลื่อน และเป็นผู้ประกอบการไม่เคยทำกับลูก ๆ เมื่อยังเป็นเด็ก 1.พวกเขาไม่คิดว่างานอดิเรกของลูกเป็นการเสียเวลา กีฬา, วิดีโอเกม, การโต้วาที, ดนตรี เหล่านี้เป็นความหลงใหลนอกห้องเรียน ดังนั้นคนเป็นพ่อแม่ไม่เคยมองข้าม เพราะรู้ดีว่าเป็นความกระตือรือร้นทางจิตใจ โดย Radha Agrawal ผู้ก่อตั้ง Daybreaker ซึ่งเป็นชุมชนการเต้นในช่วงเช้าที่มีสมาชิกมากกว่า 500,000 คน ใน 30 เมืองทั่วโลก เล่าย้อนหลังกับในช่วงวัยเด็กว่า เธอกับน้องสาวชื่นชอบฟุตบอลตั้งแต่ตอนอายุ 5 ขวบ ซึ่งแม่ก็สนับสนุนเรื่องนี้เรื่อยมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย จนได้รับสมญานามว่า “Legendary Soccer Twins” แม้ว่าปัจจุบันอาชีพที่ทำจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟุตบอล แต่การเล่นกีฬาก็ได้ฝึกความอดทน และความยืดหยุ่นอย่างมาก ตลอดจนความมีระเบียบวินัย การทำงานร่วมกันเป็นทีม […]
ทุกคนมักคิด และถูกปลูกฝังมาตลอดว่าให้ทำงานหนักเข้าไว้ แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่นี่อันเป็นความเชื่อที่ผิดก็ได้ หากเราตั้งข้อสงสัยว่า “ความหมายการทำงานหนักที่แท้จริงคืออะไร?” ทำไมผู้คนต่างทำตาม และดิ้นรนให้เกิดขึ้นจริง แต่แท้จริงหากไม่รู้แก่นแท้อย่างแท้จริง การกระทำที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่า ดังนั้น เรามาพิจารณากันดูว่าเพราะอะไร การทำงานหนักไม่ได้การันตีความสำเร็จเสมอไป 1.เพราะการทำงานอย่างชาญฉลาดมีประโยชน์มากกว่าการทำงานหนัก การทำงานหนักอาจทำให้เสียเวลา โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้รับผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โดย Chris Leavitt เจ้าพ่อด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าการทำงานที่ชาญฉลาดคือกลยุทธ์เชิงรุกในการสร้างความเป็นมืออาชีพ ยกตัวอย่างตอนที่เริ่มทำงานแรก ๆ เขารู้ดีว่าเวลาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้ และผู้คนต่างใช้ไปอย่างสิ้นเปลือง การทำงานอย่างชาญฉลาดทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยไม่เสียเวลา, ไม่ประนีประนอม หรือเสียผลกำไรแต่อย่างใด 2.เพราะคุณต้องการสนับสนุน การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเป็นสิ่งสำคัญ ไม่มีใครอยู่ได้โดยไม่มีสังคม โดย Richard Branson นักธุรกิจชื่อดัง กล่าวว่าความสำเร็จในธุรกิจเกิดจากการสร้างคอนเน็คชัน และเขารู้ดีว่าตัวเองสามารถสิ่งดี ๆ ได้มากมาย หากไม่มีการสนับสนุนจากผู้คนที่ช่วยผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ถ้าหากคุณมัวแต่นั่งทำงานหนัก บางทีก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร และอาจจะพลาดโอกาสดี ๆ ไปเลยก็ได้ 3.เพราะคุณต้องเอาชนะความกลัว ความกลัวสามารถเป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อความสำเร็จ แล้วคุณจะหลีกเลี่ยงมันอย่างไรที่จะเอาชนะ โดย Barbara Corcoran เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ เล่าว่าตอนที่เธอยังเด็ก เธอกลัวที่จะพูดในที่สาธารณะ […]
“ความสำเร็จ” เป็นเส้นทางมุ่งหวังที่ใครหลายคนอยากจะทำให้ได้สักครั้งกับเรื่องราวที่ตั้งเป้าหมายไว้ในชีวิต เพราะมันคือความคุ้มค่ากับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความพยายาม องค์ประกอบพื้นฐานประการหนึ่ง และมักถูกประเมินต่ำเกินไป นั่นคือ “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” เพราะเป็นคำที่ถูกพูดบ่อยมากจนเบื่อหู และมองว่าหากมั่นใจมากจนเกินไปจะกลายเป็นการหลงตัวเองไปในที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่า “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาแล้วมากมาย เราจะมาหาคำตอบกัน เพราะเหตุใด “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” ถึงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ และคุณจะมีวิธีปลูกฝังกรอบความคิดที่สำคัญนี้ได้อย่างไร ต้องบอกก่อนว่าชีวิตเต็มไปด้วยความท้าทาย, อุปสรรค และความพ่ายแพ้ หากปราศจากความเชื่อมั่นในตัวเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นดูจะผ่านไปได้ยาก เพราะเรายอมแพ้ไปแล้ว ในทางกลับกัน การเชื่อมั่นในตัวเองจะสร้างความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจที่พร้อมเผชิญเรื่องราวที่อยู่ข้างหน้า เมื่อคุณเชื่อมั่นในความสามารถ คุณก็สามารถหาแนวทางแก้ปัญหา และอดทนกับช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ นอกจากนี้ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณออกจาก comfort zone ไม่ว่าจะเป็น การเริ่มต้นธุรกิจ, การหาอาชีพใหม่ ๆ, การจัดการกับเป้าหมายส่วนตัว โดยความเชื่อมั่นในตนเองจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญ เพราะเมื่อคุณมีสิ่งนี้คุณก็จะมีโอกาสมากขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จได้ อีกทั้ง ความเชื่อมั่นในตนเองจะเป็นเกราะป้องกันความสงสัยในตนเอง และความกลัวที่จะล้มเหลว ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้คุณสามารถฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ และเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณ โดยคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมักจะมองความล้มเหลวเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่ามากกว่าที่จะมองว่าเป็นความล้มเหลว ที่เป็นตัวบ่งชี้คุณค่าของคุณ เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในระยะยาว เพราะความพ่ายแพ้เป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายความเชื่อมั่นยังเป็นแม่เหล็ก เมื่อคุณเชื่อมั่นในตัวเอง คุณแสดงความรู้สึกถึงความสามารถ และดึงดูดโอกาสด้านบวกเข้ามา รวมถึงการสนับสนุนจากผู้อื่น เพราะคนมีแนวโน้มที่จะลงทุน […]
“เงิน” ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และทุกคนอยากมีสิ่งนี้อยู่กับตัวเองให้มากที่สุด แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิ่งนี้เหมือนกันหมด บางคนต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา และบางคนยังติดอยู่กับความเชื่อลบ ๆ หมดไอเดียกับการดึงดูดเงินเข้ามาหาตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังตามหาคำตอบเรื่องนี้อยู่ นี่คือ 10 ขั้นตอนอันทรงพลังที่จะดึงดูดเงินเข้าหาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเริ่มทำตามสิ่งนี้ 1.หยุดความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับการเงิน โปรดจำไว้เสมอว่า “เงินไม่ใช่รากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด แต่การไม่มีเงินเป็นบ่อเกิดของความชั่วร้ายทั้งหมด” และสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการดึงดูดเงินของผู้คน คือความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับเงิน ลองคิดดูว่าเมื่อคุณมีมุมมองที่ไม่ดี แล้วสิ่ง ๆ นั้นจะอยู่กับตัวคุณได้ตลอดไปหรือ? แม้จะมีรายได้มากสักเท่าไหร่ สุดท้ายเงินก็หลุดจากตัวคุณไปอยู่ดี 2.สร้างความคิดเชิงบวกดึงดูดเงิน กฎของแรงดึงดูดคือ “ความคิดจะกลายเป็นสิ่งของ” ดังนั้น พลังในการดึงดูดเงินของคุณขึ้นอยู่กับความเชื่อว่าคุณมีความคิดที่จะหาเงินขึ้นมาได้ และต้องคิดในเชิงบวกอยู่เสมอ เช่น ฉันต้องหาเงินได้, โอกาสหาเงินอยู่รอบตัวฉัน โดยการสร้างทัศนคติเชิงบวกจะเป็นจิตวิทยา สร้างพลังขับเคลื่อนที่จะทำให้สำเร็จ 3.คุณคู่ควรกับการดึงดูดเงิน ผู้คนส่วนใหญ่มักมีความคิดเสมอว่าเราไม่เหมาะสมกับสิ่งนี้ และมีคนอื่น ๆ ที่เหมาะสมกว่า แม้จะมีความฝันยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็มีความรู้สึกว่าไม่สมควรได้รับ ทั้งที่ความเป็นจริงคุณมีศักยภาพที่จะทำเรื่องนี้ได้ แต่หากคุณเปลี่ยนความคิดว่าสิ่งนี้คู่ควรกับฉัน ก็จะทำให้เกิดหนทางใหม่ ๆ สร้างแสงสว่างให้กับตนเอง เพราะจักรวาลมีเส้นทางของมัน เมื่อคุณชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการ และรู้สึกว่าสมควรได้รับ กฎแรงดึงดูดจะทำงานเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา 4.รักบิลค่าใช้จ่าย คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว […]
การทำธุรกิจหลายคนมักมองว่าต้องมีทีมงานที่คอยดูแลในแต่ละแผนก ทำหน้าที่ในแต่ละส่วน ซึ่งอาจต้องใช้ทรัพยากรบุคคลจำนวนมาก แต่อีกมุมหนึ่งก็มีผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจเพียงลำพัง หรือมีพนักงานจำนวนไม่มาก แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ วิธีอะไรที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้ก้าวไปถึงจุดนั้นได้ Smartsme จะพามาดู 5 วิธีสร้างธุรกิจให้มีรายได้สูงด้วยตัวคนเดียว ว่ามีอะไรบ้าง 1.ปรากฏตัวเพื่อธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ ผู้ประกอบการเหล่านี้มักจะมีความทุ่มเท พยายามอย่างต่อเนื่อง และลงมือทำอย่างจริงจัง แน่นอนว่าไม่มีใครที่อยู่เฉย ๆ แล้วจะได้เงินมา แต่ต้องมาจากน้ำพักน้ำแรง เปรียบเสมือนกับการออกกำลังกายที่ต้องทำสัปดาห์ละ 3 ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ 2.ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เป็นอย่างมาก การทำธุรกิจต้องมีพาร์ทเนอร์ เพราะจะเป็นบันไดก้าวกระโดดที่ทำให้ธุรกิจเติบโต ดังนั้น อย่ามานั่งบ่นว่าทำไมต้องออกไปเจอผู้คนจำนวนมาก เพราะเป็นสิ่งต้องทำ และยอมรับความจริงในเรื่องนี้การทำธุรกิจเพียงลำพังต้องมีคนคอยช่วยเหลือ มีความคิดในลักษณะเดียวกัน สามารถแลกเปลี่ยนไอเดียระหว่างกันได้ เหล่านี้จะนำมาสู่โอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจต่อไป 3.อ่านมาก ๆ ผู้ประกอบการที่ทำรายได้ดี มักเป็นผู้ที่ชอบอ่านหนังสือ หรือบ่อยครั้งจะมีหนังสือเสียงคอยเปิดฟังระหว่างเดินทาง โดยการอ่านหนังสือจะทำให้เกิดความรู้ เปิดโลกใหม่ ๆ ตลอดจนเกิดไอเดียที่สามารถนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้ในธุรกิจที่ทำอยู่ นอกจากนี้ คุณยังเรียนรู้ความผิดพลาดของคนอื่น ๆ ที่นำมาเป็นบทเรียนได้อีกด้วย 4.อย่าทำเองทั้งหมด ด้วยการทำธุรกิจตัวคนเดียวย่อมมีข้อจำกัด แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อเราทำทุกอย่างมาถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็ควรกระจายงานออกไป […]
การใช้คนดัง หรือบุคคลที่เป็นเซเลปที่คนทั่วไปรู้จักมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้า ถือว่าเป็นทางลัดทางกลยุทธ์ที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักกับแบรนด์ของผู้ประกอบการมากขึ้น เพราะคนเหล่านี้สามารถเพิ่มเสน่ห์ สร้างความน่าเชื่อถือ และมีอิทธิพลต่อแคมเปญที่เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เหรียญย่อมมีสองด้าน เพราะอีกมุมหนึ่งก็มีความเสี่ยงได้เช่นกัน หากวางแผนทำการตลาดผิดพลาดย่อมมีความเสี่ยงที่มาสามารถคาดเดาได้เช่นกัน Smartsme จะพามาดูข้อดี-ข้อเสีย การใช้คนดัง-เซเลปทำการตลาด ว่าเป็นอย่างไร ทำไมแบรนด์ต้องใช้คนดังทำการตลาด ยกระดับแบรนด์ผ่านการพิสูจน์ทางสังคม เมื่อคนดังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ผ่านการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ และถูกโฆษณาเผยแพร่ผ่านช่องทางการขาย จะเป็นการสร้างอิมแพคเกิดขึ้นในวงการ คิดภาพง่าย ๆ หากนักกีฬาที่มีชื่อเสียงใส่เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์กีฬาแบรนด์หนึ่ง ก็จะมีแนวโน้มที่แฟนคลับที่ชื่นชอบนักกีฬาคนนั้นจะซื้อสินค้า สร้างการรับรู้ในระยะยาว การจ้างคนดังสามารถเพิ่มยอดขายได้ แต่คุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่การมองผลประโยชน์ในระยะยาว ซึ่งการมีคนดังจะเป็นตรารับรองที่ช่วยยืนยันแบรนด์นั้น ๆ ได้เป็นระยะเวลายาวนาน กรณีตัวอย่าง เมื่อ Nike คว้านักบาสเกตบอลหน้าใหม่อย่าง Michael Jordan หลังจากนั้น Nike กลายเป็นผู้ริเริ่ม และผู้เชี่ยวชาญการผลิตรองเท้าวิ่ง ต่อยอดไปสู่รองเท้าผ้าใบที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล เปลี่ยนภาพลักษณ์ เราอยากให้แบรนด์เป็นอย่างไร สามารถสื่อสารผ่านตัวคนดังได้ เพราะนี่ตัวตน บุคลิกของแบรนด์อย่างแท้จริง เมื่อผู้บริโภคมองเห็นพรีเซ็นเตอร์คนนี้ ภาพของแบรนด์สินค้าก็ตามมาเอง เหมือนเป็นของคู่กัน เปิดตลาดใหม่ คนดัง-เซเลป พวกนี้มีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว […]
แน่นอนว่าทุกไม่มีอะไรจะอยู่กับเราได้ตลอดไป เช่นเดียวกับการรักษาพนักงานดี ๆ เอาไว้ให้อยู่ได้นานที่สุด แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้น หลายองค์กรส่วนใหญ่มักทำผิดพลาดในเรื่องนี้ เมื่อทำผิดพลาดพนักงานที่ดีก็จะโบกมือลาคุณไปเอง เพราะพวกเขามีทางเลือกที่ดีกว่า การสูญเสียพนักงานดี ๆ ไป อาจจะไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ขาดบุคลากรชั้นยอดไปเท่านั้น ไม่ใช่การลาออกเพียงครั้งเดียวทุกอย่างจบ แต่ยังมีผลกระทบตามมา ไม่ว่าจะเป็น เรื่องจุดชนวนให้พนักงานคนอื่น ๆ หมดไฟที่จะทำงาน ไม่พร้อม ไม่อยากที่จะทำงานต่อไป แล้วเรื่องอะไรที่เป็นข้อผิดพลาดขององค์กรที่ต้องเสียพนักงานดี ๆ ไป มาดูกัน 1.สร้างกฏที่ไม่เข้าท่า องค์กรต้องมีกฎ เพื่อให้ทุกคนปฏิบัติตามสร้างความเป็นระเบียบ ให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม อย่างไรก็ตาม การสร้างกฏที่ดีนั้น ต้องให้พนักงานมีส่วนร่วม ถามความคิดเห็น โดยกฎที่ดีต้องสร้างแรงจูงใจที่จะให้พนักงานปฏิบัติตาม และไม่จำเป็นต้องมีมากเกินไป แค่ 2-3 ข้อก็พอแล้ว 2.ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะใช้ได้ผลในสถานศึกษา แต่ถ้าเป็นสถานที่ทำงานก็ควรมีฟังก์ชันที่แตกต่างออกไป การปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่มีใครได้อภิสิทธิ์มากกว่าใคร เหล่านี้จะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับพนักงาน และอยากจะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีให้กับองค์กร 3.ไม่มีรางวัลความสำเร็จ การทำงานทุกคนย่อมอยากได้คำชื่นชมจากการทำงานหนัก และทุ่มเทอย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นการให้รางวัลแก่ความสำเร็จก็จะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่อยากจะทำงานต่อไป โดยหัวหน้าจำเป็นต้องสื่อสารกับพนักงานเพื่อค้นหาว่าอะไรทำให้พวกเขารู้สึกดี 4.ไม่สนใจใคร ผู้คนมากกว่าครึ่งที่ลาออกจากงานเพราะความสัมพันธ์กับเจ้านาย บริษัทที่ชาญฉลาดต้องแน่ใจว่าคนเป็นหัวหน้าต้องรู้วิธีสร้างสมดุลระหว่างความเป็นมืออาชีพกับความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่แค่คิดแต่เรื่องงานเพียงอย่างเดียว หัวหน้าที่ไม่ใส่ใจจริง ๆ […]
เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น พนักงานบริษัท ไปจนถึงธุรกิจส่วนตัว อยากมีความสมดุลในการใช้ชีวิต ที่การทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวมีสัดส่วนพอดี ไม่เหลื่อมล้ำมากจนเกินไป เพราะหากส่วนใดส่วนหนึ่งมีไม่สมดุลกัน ปัญหาที่ตามมาคือเราจะใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุขนั่นเอง “Work-Life Balance” คือเรื่องที่ถูกพูดถึงที่มองถึงความสมดุลระหว่างการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัว ทำให้เป็นเป้าหมายของคนยุคนี้ที่จะทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นกับตัวเองให้ได้ เนื่องจากแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่แตกต่างกันกันออกไป หากมัวแต่ทำงานหนักมากจนเกิด ผลกระทบที่ตามมาคือ ไม่ได้ใช้ชีวิต, สุขภาพจิตเสีย, ร่างกายทรุดโทรม สุดท้ายสิ่งที่ตามมากลับเป็นต้องมานั่งดูแลตัวเอง ดังนั้น Smartsme จะมาทำความเข้าใจกับ 6 วิธี ดึงสติให้ใช้ชีวิตแบบ “Work-Life Balance” เพื่อค้นหาความสุขเล็ก ๆ ให้กับตัวเองรับมือกับชีวิตในแต่ละวันที่มีแต่ความวุ่นวาย 1.ต่อต้านการเสียเวลา และรบกวน เราถูกโฆษณาเข้าหาแบบจู่โจมมากกว่า 5,000 ครั้งต่อวัน ไม่ว่าจะเป็น การแจ้งข่าว, ดีลชอปปิ้ง และฟีดบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาหยิบสมาร์ทโฟนเปิดหน้าจอขึ้นมา อยากให้ลองคิดดูว่าเมื่อคุณเห็นจำนวนข้อความมาก ๆ ใน 5 นาทีแรกของวัน และพิจารณาโฆษณาเหล่านี้มีคุณค่าต่อชีวิตการทำงานหรือไม่ ลองปิดกั้นสิ่งเหล่านี้ พร้อมทั้งปิดแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนของคุณ และคุณจะประหลาดใจอย่างมาก เพราะจะได้ค้นพบเวลาที่ช่วยให้โฟกัสงานที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ หากมีสิ่งที่ต้องตัดสินใจสองเรื่อง เช่น […]
สตาร์ทอัพ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ความอยากอยู่ที่การเริ่มต้นว่าจะทำให้ดีออกมามากน้อยแค่ไหน หากเตรียมตัวมาดีทุกด้าน แน่นอนว่าผลลัพธ์ย่อมออกมาดี แต่หากไม่มีความพร้อมจุดจบคงหนีไม่พ้นความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม เมื่อดูในส่วนของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จที่สามารถสร้างธุรกิจให้มีมูลค่าผ่านไอเดีย ทำให้เป็นกรณีศึกษาชั้นดีว่าพวกเขาใช้วิธีการอย่างไรถึงประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือก และนี่คือ 5 สิ่งเรียนรู้ที่เหล่าสตาร์ทอัพมักทำกัน 1.ทีมที่ดีที่สุดคือความหลากหลาย นวัตกรรมเกิดจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เมื่อดูเหล่าสตาร์ทอัพ และทีมงานที่คิดค้นสิ่งแปลกใหม่ขึ้นมา จะเห็นได้ว่าความหลากหลายเป็นองค์ประกอบพื้นฐานทั่วไป ทีมที่มีความหลากหลายไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียว คุณยังคงต้องการสิ่งอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ความหลากหลายเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยผลลัพธ์จะมีความแตกต่าง เมื่อเรามีเพื่อนร่วมงานที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ มีความเก่งในแต่ละด้านอยู่ในธุรกิจ หากทีมประกอบด้วยผู้ก่อตั้งด้านเทคนิคเท่านั้น เชื่อเลยว่าคุณช่วงเวลาที่ยากลำบากในการสร้างธุรกิจ กลับกันควรสร้างทีมที่มีความหลากหลายทั้งในเรื่องมุมมอง, ภูมิหลัง, ทักษะที่หลากหลายที่จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ 2.ที่ปรึกษาซื้อเวลาและประสบการณ์ ที่ปรึกษาจะช่วยประหยัดเวลาให้กับคุณ คุณสามารถเก่งด้านการตลาดและการขายได้ในระยะเวลาประมาณ 10 ปี แต่เมื่อคุณมีที่ปรึกษาด้านการตลาดที่ยอดเยี่ยมก็จะสอนเทคนิคการค้าที่ไม่มีในหนังสือที่คุณอ่านได้ ช่วยลดเวลาการเรียนรู้ และความเจ็บปวดจากข้อผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว ปัญหาของที่ปรึกษาคือคนเก่ง ๆ มักหายาก หากคุณเจอแล้ว พวกเขาก็จะเป็นคนที่โน้มน้าวใจยากเช่นกัน ดังนั้นคุณต้องเสนอตัวเอง แนวทางที่ดีที่สุดคือการคิดจากมุมมองของพวกเขา เช่น เรื่องเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจ, ศักยภาพในการเรียนรู้เพิ่มเติมเฉพาะกลุ่ม หรือต้องการส่งต่อให้ชุมชนอย่างไร เหล่านี้ต้องหาเหตุผล และแรงผลักดันที่จะโน้มน้าวใจให้พวกเขามาเป็นที่ปรึกษาให้ได้ 3.เลือกผู้ร่วมก่อตั้งที่เหมาะสม หลายทีมผิดใจกันเพราะว่าสมาชิกไม่พูดถึงความต้องการของตนเอง เพราะเขินอายที่จะพูดเรื่องเหล่านี้ออกไป และกลายเป็นปัญหาสะสมที่ยากเกินจะแก้ไข […]
ในโลกนี้ ผู้คนล้วนมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน ตลอดจนการใช้เงินที่ไม่เหมือนกัน แต่เราเคยสงสัยพร้อมกับตั้งคำถามว่า บุคคลที่ร่ำรวย ประสบความสำเร็จ พวกเขามีวิธีการใช้จ่ายอย่างไรในแต่ละวัน Trey Lockerbie ซีอีโอและเจ้าของรายการพอดแคสต์ “We Study Billionaires” ได้สัมภาษณ์มหาเศรษฐี 25 คน และมากกว่า 100 คนที่สร้างฐานะขึ้นมาจนเป็นเศรษฐี รวมถึงนักลงทุนที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น Howard Marks และ Cathie Woods สิ่งที่เรียนรู้จากการศึกษา นั่นคือคนรวยพวกเขาไม่มีความคิดเรื่องลอตเตอรี่ หรือความเชื่อที่ว่าทางลัดนำไปสู่ความมั่งคั่งต้องอาศัยการเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง และนี่คือนิสัย 3 ข้อ ที่มหาเศรษฐีเป็นกัน และใคร ๆ ก็สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ 1.คนรวยจะไม่ทำอะไรด้วยความกลัว หรือมีแรงกระตุ้น คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินมากที่สุด จะมีความหลงใหลในการไขปริศนา และพวกเขาก็จะปฏิบัติกับตลาดหุ้นในลักษณะเดียวกัน การสัมภาษณ์ Howard Marks มหาเศรษฐี ผู้ร่วมก่อตั้ง Oaktree Capital Management กล่าวว่ามีการพูดคุยถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสภาวะถดถอย และการแพร่ระบาด แทนที่จะตัดสินใจด้วยความกลัว […]
การทำงาน ไม่ว่าจะในบริษัท ธุรกิจ หรือองค์กร ทุกคนย่อมต้องการความสบายใจ ไม่มีใครอยากเจอเจ้านายที่น่ากลัว เช่นเดียวกับผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ บางครั้งอาจมีนิสัย หรือพฤติกรรมที่ใครเจอแล้วก็ไม่อยากร่วมงานด้วย แต่เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ หากคุณได้สำรวจตัวเอง ปรับปรุง เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ Bill George ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสจาก Harvard Business School และอดีตซีอีโอผู้ก่อตั้ง Medtronic บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์ที่ใช้เวลาเกือบ 20 ปี ศึกษาความล้มเหลวของผู้นำในที่ทำงานที่ไม่มีพนักงานคนไหนอยากร่วมงานด้วย แม้คุณจะเก่ง ฉลาด มีชื่อเสียง มีเงินทอง มีอำนาจมากแค่ไหนก็ตาม แต่หากมีพฤติกรรมเข้าข่าย สุดท้ายคุณจะถูกปล่อยให้อยู่อย่างเดียวดายในที่สุด นี่คือผลการศึกษาของ Bill George ที่ระบุว่าเจ้านายประเภทไหนที่ไม่มีใครอยากร่วมทำงานด้วย 1.วาดฝันสวยหรู เจ้านายลักษณะนี้มักดิ้นรนเพื่อให้องค์กรก้าวขึ้นไปในระดับ Top ด้วยการสร้างเสน่ห์ และไอเดียเลิศหรู แต่เมื่อไปถึงจุดที่ต้องการแล้ว พวกเขาจะไม่รู้ว่าการเป็นผู้นำที่ดีต้องทำอย่างไร เพราะว่าขาดความตระหนักรู้ในตัวเอง โดยเจ้านายนรูปแบบนี้จะไม่มีการแสดงลักษณะนิสัย, การกระทำ, ความรู้สึกของตนเองอย่างถูกต้อง สุดท้ายคนที่ร่วมงานด้วยจะมองภาพลักษณ์ในมุมลบ วิธีแก้ไข คือการตระหนักรู้ตัวเองว่าสิ่งที่ทำแบบไหนถูก แบบไหนผิด บางทีสิ่งที่ทำอาจช่วยเหลือ หรือทำร้ายพนักงาน ตัวอย่างผู้นำประเภทนี้อย่าง Neumann […]
การทำธุรกิจหลายคนอาจจะมองเรื่อง “รายได้” และ “กำไร” ทำอย่างไรก็ได้ให้สินค้า หรือบริการที่มีอยู่ขายออก ได้รับความนิยมจากลูกค้า พร้อมกับสร้างภาพความฝันขึ้นมาว่าธุรกิจที่ทำอยู่จะเติบโต ร้านค้าใหญ่ ๆ มีสาขาตามสถานที่ต่าง ๆ แต่เมื่อเราโฟกัสกับเรื่อง “เงิน” มากจนเกินไป อาจกลายเป็นความเครียดที่ย้อนมาทำร้ายตัวคุณเอง ไม่สนุกกับธุรกิจที่ทำอยู่ เป็นเพราะอะไร เรามาหาคำตอบกัน คิดเรื่อง “เงิน” มากไปทำให้ละเลยคุณภาพ การขายสินค้า หรือบริการ แน่นอนว่าเป้าหมายแรกคือการขายสิ่งที่มีอยู่เหล่านั้นออกไปให้ได้ เพื่อให้ได้เงินมาให้มากที่สุด แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น เราจะมองข้ามเรื่องนี้ไป เพราะจะคิดแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้รายได้ยังเท่าเดิม แม้สถานการณ์ หรือบริบท ณ ขนาดนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม สุดท้ายสินค้าที่เคยรักษาคุณภาพ กลายเป็นไร้คุณภาพ เมื่อลูกค้ารู้ธุรกิจของคุณเป็นอันจบกัน คิดเรื่อง “เงิน” มากไปจะนำมาสู่การเอาเปรียบลูกค้า การทำธุรกิจที่ดีคือการรักษาลูกค้าเดิมให้กลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง ดังนั้น สิ่งที่จะจูงใจคงหนีไม่พ้นการทำการตลาด เช่น จัดโปรโมชัน, มอบส่วนลด, สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก เหล่านี้เป็นการแสดงถึงความเอาใจใส่ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า แต่ถ้าคุณไม่มีอะไรให้กลับไปเลย เป็นลูกค้าที่เป็นผู้ซื้อฝ่ายเดียว ย่อมจะถูกมองว่าเป็นการเอาเปรียบ เพราะคุณคิดที่จะได้เพียงอย่างเดียว คิดเรื่อง “เงิน” มากไปกดดันพนักงานทำให้ไม่มีความสุข […]
การเล่นเกม หากเป็นเมื่อก่อน ผู้คนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นการใช้เวลาที่เปล่าประโยชน์ ไม่ได้อะไรกลับคืนมา แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงการเล่นเกมถูกเปลี่ยนสถานะแปรเปลี่ยนเป็นอาชีพ สร้างมูลค่าโดยเฉพาะวงการ E-sport ที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำตามทัวร์นาเมนต์การแข่งขันต่าง ๆ และยังมีการบรรจุอยู่ในมหกรรมกีฬาสำคัญของทวีปอย่างเอเชียนเกมส์ ไม่เพียงเท่านั้น การเล่นเกมยังช่วยเพิ่มทักษะในสถานที่ทำงานได้อีกด้วย โดยปัจจุบันมีคนเล่นเกมมากกว่า 3 พันล้านคน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นคนเนิร์ด และขี้เกียจ แต่อย่างใด แล้วข้อดีของการเล่นเกมมีอะไรบ้าง เรามาหาคำตอบกัน ทักษะการเล่นเกมสามารถถ่ายทอดได้ Françoise LeGoues อดีตรองประธานฝ่ายนวัตกรรม IBM กล่าวกับ Wall Street Journal ในปี 2014 ว่าคนเล่นเกมสามารถเจริญเติบโตได้ในที่ทำงาน รวมถึงการทำงานร่วมกับคนอื่น ทั้งในเรื่องการสร้างกลยุทธ์ การสร้างทีม การแบ่งปันความรู้ และการแก้ไขปัญหาจากระยะไกล สาเหตุที่เป็นแบบนั้น เพราะการเล่นเกมโดยเฉพาะออนไลน์ เหล่าเกมเมอร์ต้องสื่อสารระหว่างกัน และร่วมกันทำภารกิจกับผู้อื่นเพื่อให้สำเร็จไปตามเป้าหมาย เหล่านี้จะกลายเป็นทักษะชั้นดีที่นำกลับไปใช้ในการทำงาน ตลอดจนนิสัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงออก, การแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น, การเปิดรับฟังความคิดเห็น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัย โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปเฝ้าดูนักศึกษาธุรกิจ 40 คน เล่นเกมวางกลยุทธ์ Civilization […]
“จิตวิทยา” สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการขายสินค้าได้เป็นอย่างดี หากพนักงานรู้วิธีการทำอย่างไรที่จะแนะนำสินค้าให้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า และรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาโดยไม่ต้องกังวล ย่อมเป็นโอกาสที่นำมาไปสู่หนทางปิดการขายได้ เพราะการขายไม่ใช่สักแต่ขายเพียงอย่างเดียว เพราะการทำแบบนั้นเปรียบเสมือนการยัดเหยียดมากจนเกินไปจนท้ายที่สุดลูกค้าก็จะมองภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปในทิศทางลบ แต่การขายที่ดีต้องเข้าใจความรู้สึกของลูกค้า เนื่องจากการขายเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ที่เกิดจากสถานการณ์ ความสัมพันธ์ ระหว่างลูกค้า-ผลิตภัณฑ์-พนักงานขาย Smartsme จะพามาดูกลยุทธ์การขายตามหลักจิตวิทยาที่ดีที่สุด เพื่อประสิทธิภาพให้กับกระบวนการขายสินค้าของธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ความอยากรู้อยากเห็นเป็นแรงจูงใจอันทรงพลังของผู้คนส่วนใหญ่ เพราะว่าเมื่อคุณเพิ่มลงไปในคอนเทนต์มันจะกลายเป็นการกระตุกต่อมความคันที่อยากจะหาคำตอบ วิธีเดียวที่จะทำให้พวกเขาหายคันคือทำอะไรบางอย่าง เช่น การเข้าร่วมรายการหรือการซื้อผลิตภัณฑ์ หรือการทดลองใช้ ทำอย่างไรก็ได้ให้คนอยากรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ผ่านอีเมล, บล็อก, สื่อสังคมออนไลน์ ผ่านการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ การวัดผลว่าจะสำเร็จหรือไม่ คือลูกค้าเข้าใจเนื้อหาของคุณที่สื่อสารออกไป และตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณในที่สุด หากไม่ซื้อสินค้าคุณจะสูญเสีย แม้แต่ผู้ซื้อและลูกค้ายังประสบปัญหาในการปฏิเสธโอกาสที่ดี โดยเฉพาะสถานการณ์ที่พวกเขากำลังคิดถึงสิ่งที่กำลังจะสูญเสียหากปฏิเสธข้อเสนอ คุณสามารถคว้าโอกาสที่จะสูญเสียได้โดยการวางกรอบข้อเสนอของคุณให้ลูกค้ารู้สึกพลาดหากไม่ซื้อสินค้า และลองอธิบายเพิ่มเติมว่าจะมีเรื่องอะไรที่ต้องพลาดหากไม่ซื้อสินค้าในครั้งนี้ แสดงความเชี่ยวชาญเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ยิ่งคุณมีอำนาจเท่าไหร่ ยิ่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ดังนั้น คุณควรจะมีข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการแบบครบถ้วน ถ้ายังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ อธิบายให้เห็นภาพเข้าใจง่าย คือคุณควรอยู่ในฐานะที่สามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัย เมื่อลูกค้าเข้ามาสอบถาม หากคุณตอบไม่ได้ ลูกค้าก็จะรู้สึกไม่แน่ใจที่จะซื้อสินค้าคของคุณ แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ คุณสามารถสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ และบริการผ่านพลังของการพิสูจน์ทางสังคม เช่น การรีวิวจากคนซื้อ โดยคนส่วนใหญ่ไว้วางใจผู้บริโภครายอื่น และเชื่อในผลิตภัณฑ์ที่ถูกรับรอง […]
ความคิดสร้างสรรค์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเรื่องของการทำงาน การทำธุรกิจ หากใครมีหัวในเรื่องนี้ย่อมสร้างความได้เปรียบ เพราะจะทำให้สิ่งที่ทำอยู่มีความแปลกใหม่ เกิดความน่าสนใจ ผลลัพธ์ที่ตามมาเกิดความดึงดูดให้ผู้คนสนใจ ติดตามเรื่องนั้น ๆ แต่หากเราไม่มีหัวทางด้านนี้เลย จะกลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้หรือไม่ คำตอบเรื่องนี้บอกได้เลยว่า “ทำได้” หากรู้วิธีการฝึกฝน และทำเป็นประจำจนเกิดความเคยชิน สำหรับวิธีฝึกเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์อย่างรวดเร็ว จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย 1.เขียนบันทึกในช่วงเช้า แทบทุกวันเรามักหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ต้องทำ โฟกัสไปกับวิธีการว่าจะทำอย่างให้สิ่งที่ทำลุล่วง สำเร็จไปได้ด้วยดี ซึ่งนำมาสู่ความเครียด สูญเสียความเป็นตัวตน ไม่เป็นตัวของตัวเอง คิดอะไรก็ไม่ออก อย่างไรก็ตาม วิธีที่จะทำให้ตัวเรามีสมาธิได้ คือการเขียนบันทึก ตามรายงานการศึกษาของศาสตราจารย์ Teresa Amabile ของ Harvard Business School พบว่าการจดบันทึกเป็นประจำช่วยให้คุณค้นพบมุมมองของตัวเองอีกครั้ง และมีประสิทธิผลมากขึ้น ดังนั้น ก่อนที่คุณจะกระโดดเข้าไปอยู่ในโลกการทำงาน ให้เผื่อเวลาสัก 10 นาที แล้วหยิบสมุดบันทึกมาเขียนเกี่ยวกับความคิดส่วนตัวของคุณซึ่งไม่จำเป็นต้องสมเหตุสมผล การเขียนแบบอิสระจะช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณไหลลื่น ขณะเดียวกันก็บังคับให้คุณใส่ความคิดลงในข้อความที่เขียนไปด้วย โดยอาจจะกำหนดประเด็นขึ้นมา เช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันกำลังดิ้นรนกับเรื่อง…., ถ้ามีเวลามากขึ้นในวันนี้ ฉันจะใช้ไปกับ…., วันนี้ฉันจะหลีกเลี่ยงกับเรื่อง…. 2.เรียนหลักสูตรความคิดสร้างสรรค์ หากคุณเป็นคนที่ชอบให้คนอื่นแนะนำ […]
ความเป็นผู้นำมีความสำคัญในการทำธุรกิจ สิ่งที่สังเกตเห็นจากพวกเขาได้อย่างชัดเจน คือการมีสติ และมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในอุตสาหกรรม เปลี่ยนแปลงจากการทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ เป็นการทำอะไรใหม่ ๆ ที่มากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม บริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปคนเป็น “ผู้นำ” จำเป็นต้องพัฒนาตัวเอง มีกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตให้กับองค์กร หรือธุรกิจที่ทำอยู่ ผ่าน 4 กลยุทธ์ ดังต่อไปนี้ 1.แก้ปัญหาอย่างแท้จริงโดยคำนึงถึงความยั่งยืน การทำธุรกิจ สิ่งที่ต้องเจออย่างแน่นอนคือ “ปัญหา” ที่ไม่อาจหนีพ้นได้ เมื่อ “ปัญหา”เกิดขึ้นแล้วคนเป็นผู้นำก็ไม่ควรบ่ายเบี่ยงที่จะเผชิญ แต่ควรแก้ปัญหานั้นแบบทันท่วงทีอย่างแท้จริง และควรวางแนวทางไว้เพื่อความยั่งยืนในอนาคต เช่น หากปัญหานี้เกิดจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ข้อดีของวิธีนี้จะช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลากับปัญหาเดิม ๆ เพราะมีแนวทางที่จะแก้ไขอยู่แล้วนั่นเอง 2.ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแก้ปัญหาที่มีมายาวนาน เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปข้างหน้า และมีประสิทธิภาพทำได้หลายอย่าง บางธุรกิจนำเทคโนโลยีมาสร้างผลกระทบเชิงบวก ตลอดจนการสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อลูกค้า และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ หากผู้นำมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับการทำงานก็จะช่วยแบ่งเบาภาระ เพิ่มศักยภาพของการทำงานให้ดียิ่งขึ้น 3.มีเป้าหมาย แม้ว่าจะมีความท้าทาย การตั้งเป้าหมายในการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่บางครั้งการตั้งเป้าหมายที่มีความท้าทาย แม้ว่าจะพบกับความล้มเหลว แต่ก็เป็นประสบการณ์ชั้นดีเพื่อเช็กตัวเองหรือสิ่งที่ทำอยู่ว่ามีความผิดพลาด และครั้งต่อไปจะต้องปรับปรุงตรงไหน จะได้ดีขึ้นกว่าเดิม บางทีการเป็นผู้นำองค์กรหรือธุรกิจในเวอร์ชันที่ดีที่สุดอาจเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปให้ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี […]