How-To

9 เรื่องดีที่ควรทำหลังปีใหม่

เตรียมนับถอยหลังขึ้นปีใหม่กันแล้ว เพราะอีกไม่นานก็จะผ่านปี 2562 ไปแล้ว เราก็เลยจะมาแนะนำทุกท่านให้ลองทำ 9 เรื่องดี ๆ ก่อนสิ้นปี ที่ทำแล้วชีวิตจะ “ดี” ต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงแน่นอน 9 เรื่องดีที่ควรทำก่อนสิ้นปี 1. รีวิวตนเอง ถือโอกาสทบทวนตัวเอง ตลอดปีที่ผ่านมาได้ทำอะไรไว้บ้าง สำเร็จหรือครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้วหรือยัง และสิ่งที่ยังไม่ได้ลงมือทำ มีปัญหาติดขัดหรืออุปสรรคอะไรบ้าง เพื่อนำมาแก้ไขและเตรียมพร้อมกับการตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง 2. เอาของที่ไม่ใช้ทิ้ง ลองเดินให้รอบบ้าน ดูว่ามีสิ่งของที่พังชำรุด ซ่อมไม่ได้แล้วก็ให้ทิ้งไป อย่าเก็บไว้เพราะเสียดาย เพราะนอกจากจะรกบ้านแล้ว บางคนก็ถือกันว่าจะทำให้ชีวิตสะดุดติดขัดเพราะมีของชำรุดอยู่ในบ้าน แล้วก็ถือโอกาสทำความสะอาดที่พักอาศัยไปในตัวเลย 3. เคลียร์งานรอบตัว การงานที่คั่งค้างอยู่ก็เคลียร์ให้เสร็จก่อนสิ้นปี พร้อมกันนี้ก็ทำความสะอาดโต๊ะทำงานด้วย อะไรที่รกรุงรังก็ทิ้งไปถือโอกาสปรับฮวงจุ้ย เพื่อเติมไฟในเรื่องการทำงานในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง และเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ ด้วย 4. ตรวจสุขภาพประจำปี ก่อนจะเริ่มต้นปีใหม่ ก็ถือโอกาสตรวจสอบสุขภาพตัวเองกันหน่อย เพื่อประเมินสภาพร่างกายว่ายังแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ หรือหากมีปัญหาจะได้รีบแก้ไขได้ทันเวลา ซึ่งการตรวจสุขภาพครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้ว่าต้องดูแลสุขภาพตนเองอย่างไรในปีต่อไป 5. สร้างบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา เพื่อเพิ่มความรักความผูกพันในครอบครัวด้วยการหาโมเมนต์ของกิจกรรมที่น่าประทับใจ เช่น หาร้านอาหารสุดหรูเพื่อรับประทานอาหารแบบสวีทกับคู่รัก ชวนครอบครัวไปรับประทานอาหารมื้อพิเศษด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา […]

แนวทางใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเสริมแกร่งโลจิสติกส์

เมื่อธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน แต่ละองค์กรในสนามแข่งขันนี้จึงต้องคิดว่าจะปรับตัวอย่างไรเพื่อให้เกิดคุณค่าสูงสุดแก่ลูกค้า, พนักงาน, องค์กร และสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน เอสซีจี โลจิสติกส์ เป็นหนึ่งในองค์กรที่เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว จึงเร่งปรับตัวในหลายด้านโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงาน สร้างประโยชน์ให้ลูกค้า และเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้น สำหรับการทำงานของเอสซีจี โลจิสติกส์ นั้น เดิมจำเป็นต้องใช้จำนวนพนักงานมากเพื่อติดต่อกับลูกค้า ช่วยค้นหาข้อมูลของสินค้า และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับลูกค้า การทำงานแต่ละครั้งจึงใช้เวลานาน และเสี่ยงต่อการที่ข้อมูลจะผิดพลาดสูง อีกทั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบส่วนกลางก็ค่อนข้างยาก การนำเทคโนโลยีแต่ละอย่างมาค่อย ๆ ปรับใช้ในการทำงานจึงสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ แชทบอท (Chatbot) หนึ่งในเทคโนโลยีที่นำมาใช้คือ แชทบอท (Chatbot) หรือโปรแกรมโต้ตอบอัตโนมัติ “ทัคคุง” ทำให้จากปกติที่ลูกค้าต้องโทรศัพท์หาคอลล์เซ็นเตอร์ เพื่อติดตามสถานะสินค้าของตนเองที่ทำการขนส่งว่าจะมีการจัดส่งเมื่อใดและจัดส่งถึงที่ใดแล้ว มาเป็นการที่ลูกค้าสามารถคุยกับแชทบอทได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) และสามารถทราบคำตอบต่าง ๆ ได้ทันทีจากการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) ที่สำคัญ “ทัคคุง” ยังฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะระบบมี Machine Learning ที่สามารถเรียนรู้แนวโน้มความต้องการของลูกค้า และสามารถนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าอาจจะชอบในอนาคตได้ Robotic Process […]

สมัครงานกับ Tesla วุฒิการศึกษาไม่ใช่เรื่องจำเป็น

Elon Musk กล่าวว่าคุณไม่จำเป็นต้องเรียนจนจบระดับปริญญาตรี เพื่อมาสมัครงานที่ Tesla ก็ได้ ขอเพียงแค่คุณมีสิ่งที่เราต้องการแค่นั้นเอง เมื่อ Elon Musk ถูกถามเกี่ยวกับข้อความเรื่องวุฒิการศึกษาที่เขาทวีตไปเมื่อสัปดาห์ก่อน คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือ “ใช่ ไม่จำเป็นต้องมีแม้แต่ปริญญาของมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่วุฒิการศึกษาของโรงเรียนมัธยม ถ้าใครบางคนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่นั่นอาจเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถในสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป ถ้าคุณเจอกับคนอย่าง Bill Gates, Larry Ellison และ Steve Jobs คนเหล่านี้ ไม่มีใครจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเลย แต่ถ้าเจอคนเหล่านี้คุณจะไม่คว้าพวกเขามาร่วมงานหรือ” แทนที่จะมองหาปริญญาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ Elon Musk กลับมองหาสิ่งที่เรียกว่า “หลักฐานของความสามารถพิเศษ” ในตัวคนที่มาสมัครงานกับเขา “หากมีประวัติความสำเร็จที่โดดเด่นเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต” ดังนั้นในการสัมภาษณ์ผู้สมัครงานเขาจะขอให้ผู้สมัครทำการสรุปถึงอาชีพของพวกเขา และให้อธิบายว่าพวกเขาแก้ไขปัญหาที่ยากที่สุดที่พวกเขาต้องเผชิญได้อย่างไร ทั้งหมดนี้เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ถูกสัมภาษณ์ไม่ได้รับเครดิตจากผลงานของคนอื่น Musk จะถามเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียด หากไม่ใช่คนที่เก่งจริง ๆ ก็จะไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ อ้างอิง: https://www.businessinsider.com/elon-musk-no-college-degree-needed-to-work-at-tesla-2019-12

อดีตวิศวกรสิ่งแวดล้อมในโรงงานขยะ ก้าวพ้นความจนสู่ความมั่งคั่ง ผ่านแนวคิด ‘บันได 7 ขั้น’

ไม่ว่าใคร ก็คงไม่อยากเผชิญกับความจน เพราะทุกชีวิตที่ดิ้นรนเพื่ออยู่รอดในทุก ๆ วัน ก็หวังจะได้รับความสะดวกสบายและมีชีวิตที่ดีด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งหากวันนี้คุณกำลังรู้สึกอยากได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ เพื่อให้ชีวิตพร้อมสู้กับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา เรามีหนังสือดี ๆ ที่เชื่อว่าจะจุดไฟให้คุณลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง มาฝากกัน ….คำว่า ‘จน’ คงเป็นคำวิเศษณ์ ที่หลายคนคงรู้จักและสนิทสนมกับมันดี เพราะคำ ๆ นี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกขัดสน, อัตคัด, ขาดแคลน, ฝืดเคือง, ไม่พอ จนไปถึงองศาที่ติดลบสุดขั้ว อย่างความรู้สึก ‘ไร้ค่า’ และเมื่อวังวนความรู้สึกเหล่านี้ถูกทับถมมากขึ้น จนก่อตัวเป็นกำแพงที่ไร้ทางออก จากจุดเริ่มต้นที่ความ ‘จน’ ถูกนิยามอยู่แต่ในแง่ของเงินทอง ก็จะลุกลามไปยังความจนรูปแบบอื่นๆ ที่หลายคนมองไม่เห็นอีกด้วย “ขยะยังมีค่ามากกว่าผม” คำพูดของอดีตวิศวกรสิ่งแวดล้อมในโรงงานขยะ ผู้ที่ควรจะใช้ชีวิตบนเส้นขนานห่างจากความ ‘จน’ มากกว่าใคร กลับถูกดึงเข้าสู่วังวนของความจนอย่างไม่รู้ตัว ทำให้ความรู้สึกไร้ค่าค่อยๆ กัดกินพื้นที่ในใจไปทีละน้อย และไม่ว่าจะสรรหาความท้าทายใหม่มากแค่ไหน ก็ต้องจบลงที่ทางตัน เดินย้อนกลับมาในวังวนที่จนตลอดชาติเช่นเดิม นุกูล ลักขณานุกุล หรือ อาจารย์บี๊ คืออดีตวิศวกรคนนั้น สิ่งแรกที่อาจารย์บี๊ทำ หลังรับรู้ถึงความ ‘จน’ ที่เข้ามาในชีวิตตัวเอง […]

เมื่อมีพนักงานจบไม่ตรงสายมาสมัคร จะรับดีหรือไม่ ใช้ปัจจัยอะไรตัดสิน

เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจมานานมักจะได้เจอกับผู้สมัครงานที่จบไม่ตรงสาย แต่อยากจะทำงานกับคุณไม่น้อย บางคนจบบัญชี แต่มาสมัครกราฟิก หรือบางคนจบการตลาด แต่มาสมัครคอนเทนต์ ซึ่งการย้ายสายงานมันมีให้เห็นได้ตลอดในวงการธุรกิจ เพียงแต่ว่าคุณเองจะมองเรื่องนี้ยังไงมากกว่า บางคนมองว่าต้องจบตรงสายเท่านั้นถึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องสอนงานเยอะ เก่งได้เลย ช่วยงานได้ทันที ซึ่งนั่นก็ไม่ผิด เพียงแต่มันอาจเป็นการปิดกั้นเกินไป จนทำให้คุณพลาดคนที่มีฝีมือดีไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งไม่แน่ว่าถ้าคุณรับคนที่จบไม่ตรงสายเข้ามา แล้วเขาทำงานได้เก่ง ช่วยงานคุณได้จริง คุณอาจจะได้คนที่มี Multiple Skills มาไว้ในครอบครองเลยก็ได้ ซึ่งเป็นคนที่มีทักษะหลากหลายแบบที่ทุกองค์กรต้องการ ดังนั้นก่อนจะปฏิเสธคนจบไม่ตรงสายไป ขอให้คุณพิจารณาใหม่ โดยอิงจาก 5 ข้อนี้เป็นหลัก ถ้ามีครบเมื่อไหร่ ต่อให้ไม่ตรงสายก็ควรรับเข้าทำงานกับคุณ 1. มีเหตุผลในการย้ายสายงานที่ดี การที่อยู่ ๆ คนคนหนึ่งจะสามารถตัดสินใจย้ายสายงานมาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด หรือไม่มีความรู้จริงๆ ได้นั้นเป็นเรื่องยาก นอกเสียจากว่าจะหนีความไม่เก่งในสายงานเก่าของตัวเอง เพื่อมาหวังพึ่งพาการทำงานที่สบายและไม่ต้องใช้ทักษะมากกว่า ซึ่งถ้าคุณถามหาเหตุผลในการย้ายสายงาน แล้วผู้สมัครมีคำตอบรองรับที่ดี มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ เช่น ชอบในสายงานใหม่มากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า เคยทำนู่นทำนี่มาก่อน ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่ไม่ควรปิดกั้น 2. มีใบรับรอง หรือผลงานความสำเร็จต่าง ๆ ของสายงานใหม่ คนบางคนอาจจะค้นพบตัวเองช้าไป แต่เมื่อเขาค้นพบแล้ว กลับกลายเป็นว่าเขาทำมันได้ดีกว่าสิ่งที่เขาทำมาตลอดชีวิตเสียอีก […]

ซีอีโอของไมโครซอฟท์กับแนวคิดเรื่อง Work-Life Balance

กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เมื่อไมโครซอฟท์ที่ญี่ปุ่นดำเนินการทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 40% แต่มีสิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือเมื่อกลับไปถาม Satya Nadella ซีอีโอของไมโครซอฟท์เกี่ยวกับเรื่อง Work-Life Balance เขากลับมีแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร ในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานของเขา แทนที่เขาจะแยกเรื่องของงานกับชีวิตออกจากกัน Nadella คิดว่ามันควรจะเป็นเรื่องที่เข้ากันได้อย่าง “กลมกลืน” เขากล่าวว่า ทุกคนเอาแต่คิดที่จะสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตของตัวเองกับหน้าที่การงานอยู่เสมอ เมื่อใช้คำว่า “สมดุล” ก็แสดงว่าจะต้องมีการวัดที่เข้มงวดว่าจะต้องทำงานกี่ชั่วโมง ใช้ชีวิตส่วนตัวกี่ชั่วโมง ซึ่งในชีวิตจริงคนเรามักจะทำแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นที่มาของคำว่าไม่สมดุล สำหรับตัวเขาเองแล้วเรื่องนี้เขามองว่าน่าจะใช้คำว่า “กลมกลืน” มากกว่า เพราะถ้าเราทำให้ชีวิตกับงานกลมกลืนเข้าด้วยกันได้แล้ว ทุกอย่างจะออกมาดี เราสามารถสร้างงานที่เต็มไปด้วยความหมายของชีวิตของเราไปพร้อม ๆ กันได้ Nadella มีลูกสามคน ลูกชายของเขาคนที่ชื่อเซนมีความพิการอย่างรุนแรง ส่งผลให้ตัว Nadella เองทำการทุ่มเทเพื่อค้นหาวิธีการด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือให้ผู้คนมองเห็นและพูดได้ ในเดือนพฤษภาคมปี 2018 เขาประกาศความคิดริเริ่มของไมโครซอฟท์กับโครงการมูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI สำหรับผู้พิการ นี่เป็นหนึ่งตัวอย่างของคำว่ากลมกลืน หากเราทำให้ชีวิตกับการทำงานกลมกลืนเข้าด้วยกันแล้ว ทุกอย่างที่เราทำมันจะมีความหมาย เมื่อมันมีความหมายเราก็จะยอมทำทุกอย่างให้สำเร็จ โดยไม่ได้แยกงานและชีวิตออกจากกัน นี่เป็นการสร้างสมดุลในแบบของ […]

ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง ด้วย 6 Skills ที่จะทำให้คุณเป็น “หัวหน้า” ที่เก่งจริงๆ

ผู้ประกอบการทุกคนย่อมมีอีโก้อยู่ในตัว คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเจ๋งที่สุด ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีที่คุณมีความมั่นใจในตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าที่จะเริ่มต้นทำสิ่งต่าง ๆ หรือเปิดธุรกิจขึ้นมาได้ แต่การที่อีโก้คุณมากเกินไปก็อาจจะบังตาให้คุณมองไม่เห็นข้อเสียของตัวเอง บางเรื่องคุณอาจจะไม่ได้เก่งที่สุด ตรงนี้ต้องยอมรับ เพราะคนทุกคนไม่มีทางเก่งทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว เราจึงต้องจ้างพนักงานมาช่วยบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ แทนเรา ดังนั้นบางสิ่งคุณอาจทำได้ไม่ดีกว่าเขาก็ไม่เป็นไร สำคัญที่สุดคือ คุณต้องไม่หยุดพัฒนา และต้องรับฟังเหตุผลของคนรอบข้าง เพื่อไม่ให้คนอื่นมองว่าคุณเป็นหัวหน้าที่ไร้ความสามารถ และนี่คือ 6 ทักษะที่จะช่วยปกปิดจุดอ่อนในการเป็นหัวหน้าของคุณได้ ทำแล้วจะมีแต่คนรักและนับถือคุณ 1. ช่วยเหลือคนอื่นให้เป็นนิสัย ถึงแม้ว่าการช่วยเหลือในแต่ละครั้งมันจะไม่ได้เกิดประโยชน์กับคุณโดยตรงก็ไม่เป็นไร ขอให้คุณช่วยเหลือเขาต่อไปโดยเฉพาะคนรอบตัว ซึ่งการที่คุณช่วยเหลือพนักงาน ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน โดยไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง และอยู่นอกเหนือขอบเขตของการทำงาน จะยิ่งทำให้คนเหล่านั้นมองคุณในแง่ดี รู้สึกดีกับคุณ ซึ่งมันจะส่งผลดีในการทำธุรกิจได้ในระยะยาวแน่นอน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่จะช่วยเหลือคุณได้ในอนาคตแบบไม่ต้องสงสัยเลย 2. รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อน หรือข้อเสียอะไร การที่คุณไม่รู้ตัวว่ามีจุดอ่อนอะไร มีแต่จะทำให้คุณถอยหลังลงคลองไปมากขึ้น และคนประเภทนี้ลูกน้องและคนรอบตัวจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยยากมาก ดังนั้นให้คุณสอบถามจากคนใกล้ตัว หรือลิสต์ข้อเสียของตัวเองที่คุณรู้เอาไว้ จากนั้นนำมาพัฒนา ปรับปรุงให้ดีขึ้น ค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด ทีละหน่อย สุดท้ายเมื่อข้อเสียของคุณถูกกลบไปจนหมด คุณจะกลายเป็นคนที่มีประสิทธิภาพและใคร ๆ ต่างก็รักแน่นอน […]

รู้ได้ทันทีว่าคนนี้มีของ คนแบบไหนที่คุณไม่ควรต่อเงินเดือนตอนสัมภาษณ์

แน่นอนว่าในฐานะผู้ประกอบการ เราก็อยากจะได้คนที่มีฝีมือดีที่สุดมาอยู่ในองค์กร ด้วยอัตราค่าจ้างที่ต่ำที่สุดที่เขาจะรับได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเวลาประกาศรับสมัครพนักงานสักคน คุณเองก็จะเขียนฐานเงินเดือนไว้ชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่เงินเดือนที่คุณจะให้แบบ 100% แต่คุณต้องสังเกตความสามารถ ความเข้ากันดีกับคนในองค์กร การตอบคำถาม การนำเสนอตัวเอง และปัจจัยต่างๆ อีกมากมาย ที่จะบอกว่าเขาคุ้มค่ากับเงินเดือนที่คุณเสนอ หรือที่เขาต้องการ สิ่งที่ตามมาจากการสังเกตเมื่อตอนสัมภาษณ์คือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะขอต่อรองเงินเดือนกับพนักงานที่สมัครเข้ามา เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายในบริษัทให้มากที่สุด แต่นั่นกลับเป็นดาบสองคม เพราะคนที่คุณกำลังสัมภาษณ์นี้เขาอาจจะสามารถช่วยเหลือองค์กรคุณให้มีประสิทธิภาพขึ้น ทำให้งานออกมาดีก็ได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีการต่อรองเงินเดือนเกิดขึ้น เขาก็อาจจะไม่สนใจ และย้ายไปสมัครที่อื่นทันที นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ถ้าคุณกำลังรับสมัครพนักงานสักคน และเขาคนนั้นเข้าตาคุณมาก อยากได้มาร่วมงานด้วย คุณต้องสังเกตข้อสำคัญเหล่านี้ให้ดี ถ้ามี 4 ข้อนี้เมื่อไหร่ ห้ามต่อเงินเดือนเด็ดขาด 1. พนักงานที่มีทางเลือก หลังจากสัมภาษณ์แล้วคุณอยากจะได้คนคนนี้มาทำงานมาก แต่ไม่มั่นใจว่าจะต่อเงินเดือนเขาดีหรือไม่ ให้ดูก่อนว่าเขามีทางเลือกไหม คุณสมบัติแบบนี้มีคนต้องการตัวอีกรึเปล่า อาจจะสอบถามว่าเขาได้ไปสัมภาษณ์ที่ไหนมาบ้างหรือไม่ ตรง ๆ ไปเลย จะช่วยให้รับรู้ได้ว่าคุณควรจะปฏิบัติกับเขายังไง คนที่มีทางเลือกจะไม่ง้อบริษัทคุณแน่นอน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนทำงานส่วนใหญ่ก็คือเรื่องของเงินเดือน ดังนั้นถ้ามั่นใจว่าคนนี้โอเค คุณต้องการเขา แต่เขามีทางเลือกให้ไป อย่าได้ต่อเงินเดือนเขาเด็ดขาด 2. พนักงานที่มีเหตุผลในการขอ เมื่อคุณสัมภาษณ์มาได้ที่แล้ว และกำลังเข้าสู่ประเด็นเรื่องเงินเดือน พนักงานที่คุณต้องการตัวตรงหน้า […]

ทำธุรกิจอย่าลืมคิด Business Model นี่คือสิ่งที่จะ Disrupt ทุกคนได้ไม่ใช่แค่ Technology

ในวงการธุรกิจเราจะได้ยินคำว่า Disrupt กันอย่างหนาหู นั่นคือ การที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ หรือธุรกิจส่วนมากในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ถูกธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาตีตลาด ซึ่งการ Disrupt นี้ไม่จำเป็นต้องมาจากเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมแค่เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ สามารถล้มยักษ์ได้แบบไม่มีใครคาดคิด นั่นเป็นเพราะ Business Model ที่ดี ซึ่งจุดนี้หลาย ๆ คนกลับหลงลืมไป และมองภาพกว้าง วาดฝันแต่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ซึ่งนั่นเป็นวิธีคิดที่ผิด เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการแข่งขันและเอาชนะใครสักคนด้วยเทคโนโลยี เมื่อนั้นเท่ากับคุณกำลังแข่งกับเขาเรื่องต้นทุน และถ้าต้องเจอกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีสายป่านยาว ก็ไม่พ้นที่จะต้องยอมแพ้ในที่สุด แต่ถ้าคุณลงแข่งในสนามแห่ง Business Model ต่อให้เงินทุนไม่หนาพอ ก็สามารถล้มล้างธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ Business Model คืออะไร Business Model เป็นแบบจำลองธุรกิจที่จะสร้างขึ้นมาให้เห็นภาพรวมธุรกิจเราแบบครบถ้วนทุกมุม ทำให้เราสามารถวางธุรกิจต่าง ออกมาได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น เป็นเหมือนการวิเคราะห์ความเป็นไปของธุรกิจแบบง่าย ๆ ซึ่งจะมีหัวข้อหลัก ๆ ให้ได้ร่วมระดมสมอง หรือ Brain Storm ให้เห็นภาพรวมไปพร้อม ๆ กัน คือ 1. […]

เผยชุดคำถามที่ Google ใช้คัดเลือกผู้นำที่ดี โดยใช้เวลาสัมภาษณ์ไม่ถึง 5 นาที

บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักจะมีผู้นำที่ยอดเยี่ยม มีพรสวรรค์ เพื่อดึงดูดให้ให้คนอยากเข้ามาทำงานกับองค์กร พอ ๆ กับการพัฒนาศักยภาพของพนักงานที่มีอยู่ แต่ด้วยคุณสมบัติของความเป็นผู้นำนั้นมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่คิด จึงทำให้ต้องพิถีพิถันในการค้นหาเป็นอย่างมากว่าคนที่องค์กรตัดสินใจเลือกเข้ามาจะมีความเป็นผู้นำที่ดี เช่นเดียวกับ Google ที่ทำการศึกษาพฤติกรรมของผู้นำที่ยอดเยี่ยมจนได้ออกมาเป็นคำถามในการคัดเลือกผู้สมัคร ดังต่อไปนี้ คำถามประเมินความเป็นผู้นำของ Google 1.ข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้ฉันปรับปรุงการทำงาน2.ผู้จัดการต้องไม่บริหารงานแบบจุลภาค เพราะงานย่อย ๆ สามารถมอบให้คนอื่นทำแทนได้3.ผู้จัดการต้องตระหนักว่าฉันคือบุคคลหนึ่ง4.การแสดงออกของผู้จัดการแสดงให้เห็นว่าฉันมีคุณค่ากับสิ่งที่นำเสนอไป5.ผู้จัดการต้องโฟกัสการทำงานเป็นทีมเพื่อมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์6.ผู้จัดการต้องแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับจากหัวหน้าอยู่เสมอ7.ผู้จัดการต้องไถ่ถามการทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาไปในอีก 6 เดือนข้างหน้า8.ผู้จัดการต้องสื่อสารเป้าหมายของทีมให้ชัดเจน9.ผู้จัดการต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคต่าง ๆ เช่น การเขียนโค้ด, การขายในโลกธุรกิจ และการบัญชี 10.ฉันจะแนะนำผู้จัดการ Google ให้พนักงานคนอื่นได้รู้จัก11.ฉันพอใจกับต่อประสิทธิภาพโดยรวมของผู้จัดการ ต่อจากนั้นพนักงานของ Google จะถูกถามที่ 2 คำถาม 12.คุณจะแนะนำผู้จัดการของคุณให้ทำอะไรบ้าง13.คุณอยากให้ผู้จัดการของคุณเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง นอกเหนือทักษะ ความรู้ในการทำงานที่ยอดเยี่ยมแล้ว Google ยังมองว่าคนเป็นผู้นำที่ดีนั้นจะต้องช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ จากการใช้ทักษะการสื่อสาร, การมอบหมายงาน และการสร้างความอิสระให้กับพนักงาน เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน โดยตัวอย่างในคำถามที่ 2 ที่ถามว่า ทีมจะมีการจัดการแบบจุลภาคหรือไม่? ซึ่งแน่นอนว่าทุกงานล้วนมีแนวทางปฏิบัติที่ดี ดังนั้นผู้นำที่ดีจึงนำไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ แต่ด้านของพนักงานมองว่าพวกเขาจะมีความพึงพอใจมากก็ต่อเมื่อรู้สึกถึงการมีส่วนร่วม และมีความอิสระกับงานที่ทำ ทั้งนี้ ชุดคำถามของ Google จะไม่ค่อยเน้นในเรื่องการวัดความรู้ […]

7 ข้อห้ามทางการเงินของมหาเศรษฐีตัวจริง ลองทำตามรับรองชีวิตดีขึ้น

เวลาถามบรรดาคนมหาเศรษฐีตัวจริงเกี่ยวกับเรื่องเงิน ก็มักจะได้รับคำตอบคล้ายๆ กันคือ พวกเขารู้ว่าเงินของพวกเขาอยู่ที่ไหน และเขาไม่ควรทำอะไรกับมัน หากคุณอยากรวยการเรียนรู้จากคนที่ร่ำรวยที่สุด อย่าง Bill Gates กับ Warren Buffett น่าจะพอเป็นแนวทางในการใช้เงินของเราได้ไม่น้อย 7 ข้อห้ามทางการเงินของมหาเศรษฐี 1.อย่ายอมเสียเงินค่าธรรมเนียม คนรวยรู้ว่าค่าธรรมเนียมเป็นการเสียเงินที่แย่ที่สุด ดังนั้นแนวทางที่ถูกต้องคือการชำระค่าใช้จ่ายให้ตรงเวลา พวกเขาใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของบริการ autopay เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายล่าช้าสำหรับทุกอย่างตั้งแต่ค่าสาธารณูปโภคไปจนถึงสินเชื่อบัตรเครดิต 2.อย่าทำให้เครดิตเสีย เครดิตของคุณมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของคุณ เครดิตที่ดีสามารถสร้างรายได้ให้คุณจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และช่วยให้คุณประหยัดเงินหลายพันดอลลาร์ในช่วงระยะเวลาที่ใช้สินเชื่อ หากเครดิตของคุณไม่ดีอาจทำให้คุณไม่ได้รับเงินกู้ในจำนวนที่คุณต้องการ 3.อย่าใช้จ่ายเรื่องฟุ่มเฟือย เราจะเห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะจ่ายเงินสดจำนวนมากกับเรื่องไร้สาระ แต่ผู้ที่ฉลาดหลักแหลมจะประหยัดจนน่าตกใจ คุณรู้ไหมว่า Bill Gates สวมนาฬิการาคา 10 เหรียญ ในขณะที่ Warren Buffett กินอาหารเช้าแบบเดียวกันที่แมคโดนัลด์ทุกวัน แต่ละมื้อไม่เคยเกิน 3.17 เหรียญ ส่วน Mark Zuckerberg ยังคงขับ Volkswagen แบบเกียร์ธรรมดา 4.อย่าตกเป็นทาสการตลาด การตลาดมีให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ผู้คนมากมายหลีกเลี่ยงการตกหลุมเหล่านั้น อย่าทำการซื้อสินค้าที่คุณไม่อยากได้จริงๆ เพียงเพราะมันราคาถูก แต่ให้ซื้อสินค้าที่คุณต้องการอย่างแท้จริงในราคาที่สมเหตุผลแทน เพราะบางครั้งการตัดสินใจซื้อของราคาถูกอาจจะสร้างความเสียหายมากกว่าที่คุณคิด […]

หนังสือยอดเยี่ยมแห่งปีสำหรับผู้ประกอบการ

เหล่านี้คือหนังสือที่ผู้ประกอบการต้องอ่าน เพราะมันคือหนังสือที่ไม่เน้นเรื่องราวเครียด ๆ ของธุรกิจ มันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีความทันสมัย เหมาะสำหรับการพื้นฟูจิตใจให้พร้อมสำหรับการทำธุรกิจในปีต่อไป Alchemy: The Dark Art and Curious Science of Creating Magic in Brands, Business, and Life เขียนโดย Rory Sutherland Rory Sutherland รองประธานผู้เป็นตำนานของ Ogilvy ใช้ประสบการณ์หลายสิบปีของเขา ในการแยกพฤติกรรมการใช้จ่ายของมนุษย์ในวิธีที่สนุกสนานอย่างเมามัน การเล่นแร่แปรธาตุผสมผสานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์กับเรื่องราวที่สนุกสนานและกรณีศึกษาของแคมเปญที่ AmEx, Microsoft และบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ นำมาใช้ นี่คือหนังสือที่ต้องอ่านสำหรับผู้ประกอบการที่หวังว่าจะเชื่อมต่อกับผู้คน Very Modern Mantras: Daily Affirmations for Daily Aggravations เขียนโดย Dan Zevin หากบัญชี Instagram ของคนอื่นทำให้คุณคิดว่าขนมหวานที่พวกเขาโพสต์แท้จริงแล้วคือยาพิษ นี่อาจเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคุณ นักเขียนอารมณ์ขันที่ล้ำสมัยอย่าง Dan […]

นำเสนองานแบบไหนให้ลูกค้าตอบ “ตกลง” ทุกจ็อบ

สิ่งที่ยากที่สุดในการทำธุรกิจแบบที่คุณต้องเข้าไปคุย หรือเสนองานกับลูกค้านั่นคือ การนำเสนองานยังไงก็ได้ให้ลูกค้าเกิดความสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธุรกิจที่ต้องติดต่อกับลูกค้าโดยตรงนี้จะเป็นธุรกิจแบบ B2B เป็นหลัก เพราะคุณต้องเข้าไปเสนองาน เสนอแนวคิด เพื่อแข่งกับคู่แข่งอีกมากมาย แต่ถ้าได้ลูกค้ามาสักคน เค้าจะใช้บริการกับคุณอย่างยาวนานและคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแน่นอน เพราะฉะนั้นคุณเองในฐานะนักขาย ผู้ประกอบการ หรือฝ่ายการตลาดก็ตาม ต้องเรียนรู้ทักษะการนำเสนออย่างตรงเป้าเหล่านี้เอาไว้ เพื่อจะช่วยปิดการขายและมัดใจให้ลูกค้าตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ฟังทุกอย่างที่ลูกค้าพูดแบบตั้งใจ อันดับแรกก่อนคุณจะขายสินค้าใดได้ คุณต้องทำความเข้าใจลูกค้าก่อนว่า เค้าต้องการอะไร โดยการเป็นผู้ฟังนั้น ก่อนจะฟังได้ คุณต้องเป็นคนถามก่อน และต้องเป็นคำถามที่มีประโยชน์เท่านั้น พยายามจับใจความคำตอบที่ลูกค้าบอกออกมา จดทุกอย่างที่ลูกค้าพูดและคุณคิดว่าจำเป็นลงไป จากนั้นให้เอาข้อมูลเหล่านั้นกลับมาถามซ้ำอีกครั้งเพื่อลงลึกรายละเอียดและเข้าใจความต้องการลูกค้ามากขึ้น นำเสนอข้อมูลที่มีจุดร่วมกันระหว่างคุณกับเขา หลังจากลูกค้าบอกความต้องการของตัวเองออกมาจนหมด คุณก็แค่มองหาว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร และสิ่งที่คุณช่วยเขาได้คืออะไร นำจุดร่วมกันระหว่างสองสิ่งนี้มานำเสนอลูกค้าอย่างแม่นยำ ตรงประเด็น พร้อมบอกเล่าถึงระบบการทำงานของคุณเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าคุณมีบริการอะไรเสริมบ้าง ที่อาจจะเป็นประโยชน์กับเขาได้ ตรงนี้เป็นทักษะที่คุณต้องฝึกในการสร้างไหวพริบให้สามารถมองจุดร่วมให้ออกได้ในทันที โดยอาจจะเริ่มจากการทำการบ้านมาก่อน เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าทำธุรกิจลักษณะไหน และความต้องการของเขาที่คุณจะช่วยได้คืออะไร มีตัวเลขช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือ และความเป็นมืออาชีพ สำหรับการจะนำเสนองานให้ลูกค้าตอบตกลง หรือกล้าจะใช้บริการกับคุณ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือ ความน่าเชื่อถือ ถ้าคุณแสดงตัวเองให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นจริง คุณก็ชนะ แต่การพูดออกมาเฉยๆ โดยไม่มีเหตุผลรองรับย่อมไม่ทำให้ลูกค้าประทับใจ ดังนั้นคุณต้องมีการนำเสนอข้อมูลแบบสอดแทรกตัวเลขเข้าไป นำข้อมูลเชิงตัวเลขมาเสนอ ทั้งการเอา % มาพูด เอาความคุ้มค่าที่วัดผลได้มาบอก […]

7 เทคนิคเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ให้ใคร ๆ รัก ทำธุรกิจอะไรก็สบายขึ้นเยอะ

เข้าสู่ปีใหม่หลาย ๆ คนก็อยากจะพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ บางคนตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะทำตัวเองให้ดีขึ้น ทำธุรกิจให้ดีขึ้น พัฒนาตัวเองในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ซึ่งถ้าคุณเองเป็นหนึ่งในคนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิม ปีใหม่นี้เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยเป็นการเริ่มต้นที่ดีให้คุณมีกำลังใจ และพัฒนาตัวเองได้ในแบบที่คุณควรจะเป็น มาเรียนรู้กันเถอะว่า การเป็นหัวหน้า หรือผู้ประกอบการที่ดีให้มีแต่คนรักนั้นควรจะมีคุณสมบัติใดบ้าง ค่อย ๆ ปรับตัวกันไปวันละนิด ทำอย่างต่อเนื่อง 21 วัน คุณจะติดนิสัยเหล่านั้น และมันจะกลายเป็นตัวตนของคุณจริง ๆ ไปในที่สุด 1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน อันดับแรกคุณต้องกำหนดก่อนว่าคุณอยากจะเป็นแบบไหน อยากมีนิสัยยังไง อยากเก่งอะไร การที่คุณพูดปากเปล่าว่าอยากเป็นคนที่ดีขึ้นไม่ช่วยให้การเปลี่ยนแปลงได้ผล สำคัญที่สุดคือต้องมองเห็นภาพของตัวคุณเองในอนาคตอย่างชัดเจน อาจเอารูปของคนที่คุณต้องการเป็น หรือ Idol ที่คุณชื่นชอบมาแปะและลิสต์ว่ามีส่วนไหนที่คุณต้องเพิ่มเติมบ้าง จะช่วยให้การพัฒนาตัวเองตรงจุดมากขึ้น 2. อย่ามัวรอทุกอย่างให้พร้อม หลาย ๆ คนอยากจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ แต่มักจะรอให้ทุกอย่างพร้อมก่อน ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นก็อาจจะสายเกินไป หรือเวลานั้นอาจไม่มาถึงจริง ๆ สักที ดังนั้นอย่าพยายามรอในสิ่งที่คุณก็ยังไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เป้าหมายที่คุณวางเอาไว้ นึกขึ้นได้ก็รีบลงมือทำเลยดีที่สุด เพราะต่อให้คุณรอไป ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลง ยิ่งถ้าคุณไม่ลงมือทำ ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่จะต้องเพิ่มเติมคืออะไร […]

7 วิธีเปลี่ยนนิสัยทางการเงิน แล้วจะมีเงินเหลือใช้

หลายคนคงคิดเหมือนกันว่า ก่อนจะ “รวย” ต้องมีเงิน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิด แต่บรรดาคนรวยทั้งหลายทั้งในและต่างประเทศ พวกเขาไม่ได้เริ่มจากการมีเงินอยู่ก่อนแล้ว แต่พวกเขาเริ่มต้นจากการหามาด้วยตัวเอง แต่พวกเขาจะมีนิสัยทางการเงินที่แตกต่างไปจากพวกเรา ซึ่งนิสัยเหล่านี้ก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่คุณหรือใครก็ทำได้ 7 นิสัยทางการเงินที่ดี 1. ทำใจให้เต็มโดยไม่ต้องใช้เงินเติม จริงอยู่ที่คนเราจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองมีความสุข แต่ถ้าสิ่งที่ทำไม่สามารถถมใจให้เต็ม หรือไม่สามารถทำให้มีความสุขจากภายในได้ เราก็มักจะต้องใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือบริการ มาเติมเต็มอยู่ร่ำไปเมื่อเงินหมดความสุขก็หายไปด้วย ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ ทำใจให้เต็มโดยไม่ต้องใช้เงินเติม ทำตัวเองให้มีความสุขจากข้างใน ทำตัวเองให้มีความสุข ไม่ต้องเอาตัวเราไปแขวนไว้กับสิ่งของหรือการตอบสนองของคนอื่น ถ้าทำได้แบบนี้เราก็จะมีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องใช้เงินมากมาย ทำให้เรามีเงินเก็บเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น 2. มีวินัยต่อตนเอง การมีวินัยกับตัวเองในเรื่องอื่น ๆ จะเสริมให้เรามีวินัยเรื่องการเงินเพิ่มขึ้น ถ้าเรารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองและคนอื่นได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ เช่น ตื่นเช้าทุกวัน ไปตรงตามเวลานัด ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะมีวินัยเรื่องการเงิน เพราะเราซื่อสัตย์ต่อตัวเอง 3. ตั้งเป้าหมาย คนที่มีเงินเก็บเงินหลักล้านหรือคนที่มีธุรกิจร้อยล้านในช่วงที่อายุยังน้อย ส่วนใหญ่ทุกคนมีเป้าหมาย เพราะการตั้งเป้าจะทำให้เราสามารถเขียนแผนออกมาได้ เป้าหมายยิ่งชัดแผนก็ยิ่งละเอียด เมื่อแผนละเอียดเราก็สามารถทำตามแผนได้ง่าย สุดท้ายแม้ว่าเราจะไปไม่ถึงดวงจันทร์ แต่เราก็จะได้อยู่ท่ามกลางดวงดาว 4. ไม่มี ไม่ยืม […]

วิธีขายสินค้าหรู ดูแพง ให้ลูกค้าอยากใช้บริการ

การทำธุรกิจจะมีการกำหนดรูปลักษณ์ของลูกค้าแบบสมมุติขึ้นมาเสมอ เป็นเหมือนโมเดลให้คุณทราบว่าธุรกิจคุณกลุ่มเป้าหมายจะเป็นคนแบบไหน ประมาณไหน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณขายสินค้าที่แพง กลุ่มเป้าหมายย่อมไม่ใช่คนทั่วไป และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะมีธุรกิจมากมายที่จับกลุ่มตลาดลูกค้ากระเป๋าหนัก และขายสินค้าที่แพงกว่าคุณมาก ซึ่งก็ยังมีคนที่แย่งกันรุมซื้อสินค้าของเขาอยู่ดี ยกตัวอย่างเช่น ทำไมแอปเปิลถึงขายได้ทั้ง ๆ ที่สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ตในมือนั้นแพงกว่าแบรนด์อื่น ๆ เกือบเท่าตัว ทำไมสตาร์บัคส์ถึงขายดี ทั้งที่ยังมีร้านกาแฟมากมายในเมืองไทย ที่ราคาถูกกว่ากันมาก และให้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน สำหรับคนที่ต้องการทานเพื่อให้ตาสว่าง หรือทำไมรถยนต์ฝั่งยุโรปถึงมีราคาขายที่แพงมากกว่ารถยนต์จากฝั่งญี่ปุ่น ในขณะที่ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ กลับให้มาน้อยกว่าด้วยซ้ำไป สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะราคาไม่ใช่ตัววัดผลทั้งหมด แบรนด์ดังเหล่านี้คิดมาแล้วเป็นอย่างดีว่าเขาจะทำการตลาดแบบไหน ให้พบเจอกับกลุ่มเป้าหมายที่เขาต้องการ และแน่นอนมันไม่ใช่การตลาดลดราคาอย่างที่แบรนด์ทั่วไปใช้กัน ดังนั้นถ้าคุณคิดจะขายของแพงกว่าคนอื่น นี่คือกลยุทธ์ที่จะทำให้คุณขายได้ และมีคนแย่งกันซื้อด้วย 1. ขายของแบบ Limited อะไรก็ตามที่เป็นของมีจำนวนจำกัด หรือหายาก ผลิตแล้วก็หมดไป มีแค่ครั้งเดียว หรือน้อยชิ้นสุดๆ นั่นจะกลายเป็นของที่คุณสามารถขายแพงแบบมีราคาได้ทันที และมีคนแย่งกันซื้อเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันสิ่งเหล่านั้นต้องมาพร้อมความหรูหรา และคุณภาพอย่างแท้จริงด้วย อย่างเช่นแบรนด์ Supreme ซึ่งขายสินค้าแฟชั่นที่มีราคาสูงมาก เนื่องจากเขาจะผลิตสินค้าขึ้นมาน้อยชิ้น เพื่อให้เกิดมูลค่าทางจิตใจ คนที่ได้ครอบครองจะเกิดประสบการณ์ที่รู้สึกดี และรู้สึกว่าราคานี้คุ้มค่าแล้ว 2. ใช้วัสดุที่มีคุณภาพแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เรื่องของวัสดุ วัตถุดิบ และการออกแบบเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับราคาที่พุ่งสูงขึ้น […]

องค์กรควรตระหนัก! งานวิจัยชี้พนักงานไม่ดีเพียงแค่คนเดียว สามารถทำทีมพังพินาศได้

หลายคนคงเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง” ซึ่งหมายถึงคนไม่ดีเพียงคนเดียวสามารถทำลายหมู่คณะให้พังลงได้ เช่นเดียวกับการทำงานในภาคส่วนของธุรกิจ หรือองค์กรที่คนไม่ดีเพียงแค่คนเดียวก็ทำลายทุกสิ่งที่สร้างมาทั้งหมดได้เหมือนกัน มีงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน Havard Business Review ซึ่งทำการศึกษาพฤติกรรมฉ้อโกงของพนักงาน ระบุว่าพนักงานที่มีความซื่อสัตย์ต่อองค์กรมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นคนไม่ซื่อ หากได้รู้จัก หรือทำงานร่วมกับบุคคลที่มีความประพฤติไม่น่าไว้วางใจ อีกทั้ง ในหมู่ของการทำงานร่วมงานกันดูเหมือนว่าพนักงานจะเรียนรู้พฤติกรรมไม่ดีได้รวดเร็วกว่าการเรียนรู้ถึงพฤติกรรมดี โดยงานวิจัยชิ้นนี้ต้องการนำเสนอในเรื่องพฤติกรรมที่ไม่ดี สามารถติดต่อกันได้อย่างไร ซึ่งทำการเก็บกลุ่มตัวอย่างถึงผลกระทบของพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของที่ปรึกษาด้านการเงินของสาขาที่มีการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ในการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยยังรวบรวมข้อมูลถึงข้อบังคับของที่ปรึกษาทางด้านการเงิน รวมถึงการกำหนดโทษความผิดที่มาจากการร้องเรียนของลูกค้า โดยผลลัพธ์ระบุว่า ที่ปรึกษาทางด้านการเงินร้อยละ 37 มีแนวโน้มกระทำความผิด หากพวกเขาพบกับเพื่อนร่วมงานใหม่มีประวัติความประพฤติที่ไม่ดีมาก่อน ดังนั้น นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนได้ว่า หากพนักงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีคนประพฤติไม่ดี ย่อมมีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อธุรกิจ และองค์กร ที่อาจจะเกิดเรื่องไม่ดี ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานที่ควรจะเป็น

5 วิธีมองโลกสวย สร้างทัศนคติที่ดีในการทำงาน

ในสังคมของการทำงาน ด้วยผู้คนที่มากหน้าหลายตาในแต่ละแผนก สิ่งสำคัญอย่างการสร้างบรรยากาศที่ดีนับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ที่ดีย่อมทำให้งานสามารถเดินหน้าไปได้อย่างลุล่วง ซึ่งการทำให้ภาพรวมออกมาได้ดีก็มักมีแรงขับเล็ก ๆ อย่างตัวเราเองที่ควรสร้างทัศนคติที่ดีออกมาด้วยเช่นกัน และนี่คือ 5 วิธีสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงาน ประเมินตัวเองเสมอ แต่อย่าตำหนิตัวเอง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น สิ่งที่ควรไตร่ตรองให้ดีคือ เราทำสถานการณ์ตรงหน้าอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้ายังให้เราแก้ไขปัญหาให้พร้อมเดินหน้าไปได้ จากนั้นจึงทบทวนว่าจะมีแผนรองรับเพื่อลดความผิดพลาดในครั้งต่อ ๆ ไปอย่างไร ที่สำคัญคืออย่ามัวแต่โทษหรือตำหนิตัวเองจนไม่มีกะจิตกะใจจะไปต่อ ทางที่ดีคือให้เราให้กำลังใจตัวเอง หยุดวิจารณ์คนอื่น แต่ใช้ความเข้าใจทดแทน ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาด ฉะนั้นอย่าใช้วิธีพิพากษวิจารณ์หรือใช้อารมณ์ส่วนตัวตัดสินใคร แต่ควรเปลี่ยนเป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำความเข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้เกิดความผิดพลาด เมื่อเข้าใจแล้วก็ค่อย ๆ กันคิดหาทางออก จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาความสัมพันธ์ของคนในองค์กร อย่าเก็บเรื่องน่าหงุดหงิดเล็ก ๆ มารบกวนใจ ปล่อยวาง คือ ทางออก ในแต่ะวันเรามีเรื่องที่ต้องขบคิดและวางแผนมากพอแล้ว การเก็บเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือคำพูดที่ทำให้ไม่สบายใจมาคิดไปซะหมดอาจจะทำให้เราเป็นทุกข์ เต็มไปด้วยความสับสน คิดเรื่องร้ายวนเวียนในหัวจนกลายเป็นคนมองทุกอย่างในแง่ลบ ลองปรับความคิดของคุณใหม่ สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วปล่อยความคิดโฟกัสที่เป้าหมายเพียงอย่างเดียว เรื่องไม่ดีที่ผ่านเข้ามาในไม่ช้ามันจะผ่านไป ไม่ยึดติดกับปัญหา จะช่วยให้จิตใจคุณผ่อนคลายและพร้อมรับปัญหาในวันต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง ลดความวิตกด้วยการผ่อนคลาย หากความเครียดทำให้คุณไม่สบายใจ ลองลดความกังวลของคุณด้วยการรีแลกซ์ ผ่อนคลายไปกับการทำในสิ่งที่ชอบแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ จะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้น […]

ทำตัวง่าย ๆ เข้าไว้ นี่คือ 5 อุปนิสัย ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

แน่นอนว่า ใครก็อยากหาเงินได้เยอะ ๆ ขณะเดียวกันการทำตัวสบาย ๆ ต้องมาพร้อมด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการทำงานควบคู่กันไปด้วย แล้วจะทำอย่างไรให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราได้บ้าง มาดูกัน 1. ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับแสงธรรมชาติ คือตื่นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และเข้านอนหลังพระอาทิตย์ตก (ไม่นอนดึก) 2. นั่งสมาธิ การทำสมาธิก่อนเริ่มกิจกรรมอื่น ๆ ในทุกเช้า จะช่วยให้เราโฟกัสกับการทำงานทีละอย่างได้มากขึ้น ซึ่งการโฟกัสนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานด้วย 3. ลดจำนวนการตัดสินใจ คล้ายสตีฟ จอบส์และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่ลดการตัดสินใจเรื่องชุดที่จะใส่ในแต่ละวันออกไป โดยการใส่ชุดที่เหมือนกันทุกวัน 4. ลงมือทำในสิ่งที่ยาก หรือสิ่งที่ไม่อยากทำที่สุดเป็นอันดับแรก หากอยากรู้รายละเอียดนิสัยนี้ แนะนำให้อ่านหนังสือ “กินกบตัวนั้นซะ” 5. วางแผนก่อนนอน ว่าพรุ่งนี้เราต้องลงมือทำอะไรบ้าง Source : http://www.lifehack.org/312332/7-morning-habits-increase-your-productivity-for-the-day

ไขข้อข้องใจ ใครที่เข้าข่าย สถานะ “บุคคลล้มละลาย” กันบ้าง

ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองในยุคสมัยต่าง ๆ ตามแต่ช่วงเวลา หลาย ๆ อาจประสบปัญหาทางธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ลูกค้าน้อยลง มีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายแต่ละเดือนมากขึ้น เป็นหนี้เป็นสินเพรากู้ยืมมา บางคนถึงกับต้องกลายเป็น “บุคคลล้มละลาย” เลยทีเดียว แต่แบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็น บุคคลล้มละลาย เราจะคุณพาไปทำความรู้จักกัน ในการดำเนิน “คดีล้มละลาย” นั้น เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะต้องนำสืบให้ศาลเชื่อว่าลูกหนี้เป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว กล่าวคือ ลูกหนี้มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินหรือมีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ดังนั้นผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือจดทะเบียนนิติบุคลจะทราบได้อย่างไรว่าตนเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งมีข้อกำหนดดังนี้ 1. โอนหรือส่งมอบทรัพย์สินของตนไปโดยการแสดงเจตนาลวง 2. ได้รับหนังสือทวงถามจากเจ้าหนี้ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน และลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ 3. ถูกยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี หรือไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ 4.แถลงต่อศาลในคดีใด ๆ ว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าศาลเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ ศาลมีอำนาจสั่งให้ยกเลิกการล้มละลาย และจะสั่งให้ลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของตน หรือจะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้

5 ขั้นตอนของการเปลี่ยนไอเดียทางความคิดให้กลายเป็นของจริงทางธุรกิจ

คุณเคยมีไอเดียสุดยอดสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ใช่แล้วการนำสิ่งที่อยู่ในความคิดให้ออกมาสู่ชีวิตจริงไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ความรักความอดทนและที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในทำงาน สิ่งที่เรากำลังจะบอกต่อจากนี้คือขั้นตอนพื้นฐานที่จะช่วยทำให้ไอเดียของคุณกลายเป็นธุรกิจจริงขึ้นมาได้ 1. ไอเดียนั้นต้องทำการแก้ปัญหาอะไรสักอย่าง เริ่มต้นจากข้อนี้เลย ก่อนอื่นคุณต้องตอบให้ได้ว่าไอเดียของคุณนั้นสามารถแก้ไขปัญหาอะไรของใครได้บ้าง อาจจะเริ่มจากปัญหาที่คุณเคยเจอก็ได้ เพราะเชื่อว่าจะต้องมีคนที่เคยเจอปัญหาคล้ายกับคุณเหมือนกัน แต่ถ้าหากว่ามันไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องใดได้เลย คงต้องย้อนกลับไปคิดกันใหม่ตั้งแต่ต้น 2. คุณต้องรู้จักตลาดที่คุณต้องการ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณจะไม่สามารถแจ้งเกิดได้แน่ถ้ามันไม่มีตลาดรองรับ คุณต้องคิดให้ได้ก่อนว่าตลาดสำหรับธุรกิจของคุณนั้นมันเป็นสำหรับคนในวงกว้าง หรือเหมาะสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม เพราะหลังจากที่คุณกำหนดตลาดได้ คุณก็จะรู้ว่าต้องใช้วิธีไหนในการเข้าทำตลาดเป้าหมายของคุณ 3. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ ไอเดียของสินค้าและบริการของคุณ เหมาะสำหรับใตร คุณต้องระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุ, เพศ, การศึกษา และอื่น ๆ ก่อนจะทำสินค้าและบริการออกมามันต้องถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะใช้งานสินค้านี้คือใคร เพราะถ้ากำหนดไม่ได้แสดงว่ามันไม่เหมาะกับใครเลย ทำออกมาก็ขายไม่ได้ 4. ทดสอบแนวความคิดของคุณ เมื่อรู้แล้วว่ากำลังจะทำอะไรออกมา เพื่อทำตลาดแบบไหน มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ก็เริ่มลงมือทำสินค้าและบริการตัวต้นแบบ แล้วเลือกทดสอบกับกลุ่มเป้าหมาย ขั้นตอนนี้จะเช็คได้แทบจะทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไอเดียสินค้าตอบโจทย์ได้จริงหรือไม่ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายถูกต้องหรือไม่ หากทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดเลย ก็ยังนำข้อมูลกลับมาปรับปรุงทุกเรื่องได้ 5. เริ่มลงมือทำ เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คุณกังวลมากที่สุด แต่ถ้าไม่เริ่มลงมือทำคุณจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากการคิดซึ่งสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว ต่อให้ผ่านไปอีก 10 ปี มันก็ยังอยู่ที่เดิม ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ ลองเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นธุรกิจต้นแบบแล้วทดสอบในวงจำกัด […]

สรุปจบครบสูตร “ดึงธุรกิจคุณสู่ดาว” ด้วยเทคนิคที่นักการตลาดขั้นเทพเขาใช้กัน

การตลาดนับเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจเลยก็ได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่สินค้าดี แต่ไม่มีคนพบเห็น เมื่อนั้นก็ไม่มีทางที่คุณจะประสบความสำเร็จได้ ซึ่งเครื่องมือการตลาดออนไลน์ในยุคนี้มีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมไปถึงการยิงแอดสู่กลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด แต่ในทางกลับกันคุณเองก็ไม่ควรทำสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีซ้ำ ๆ หรือโฆษณา โปรโมตไปโดยยังไม่มีแผนที่รัดกุม เพราะนั่นจะนำคุณไปสู่การเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ การทำโฆษณา การตลาดออนไลน์ที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ การลงทุนให้น้อยที่สุด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดังนั้นการวางแผน และเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองเหล่านี้ จะช่วยคุณประหยัดต้นทุน และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ทำการตลาดเพื่ออะไร เหตุผลสำคัญที่คุณต้องทำการตลาดนั่นเพราะ สินค้าของคุณ ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ต้องอาศัยการโน้มน้าวใจให้ผู้คนตกหลุมรักและอยากใช้บริการอยู่ดี เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจคุณจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่พึ่งพาการตลาด ซึ่งการตลาดจะช่วยให้คุณมองเห็นรูปแบบธุรกิจ และกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้อย่างชัดเจน และรู้ว่าอนาคตข้างหน้าคุณต้องทำอย่างไรต่อไป สามารถวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นด้วยการสำรวจตัวเอง เครื่องมือการตลาดที่นักการตลาดทุกยุคทุกสมัยยังคงใช้งานกัน และเกิดประสิทธิภาพอย่างสูง นั่นคือ เครื่องมือ SWOT ANALYSIS หรือการวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของตัวเอง ซึ่งคุณจะไม่มีทางพัฒนาสินค้า หรือทำการตลาดได้อย่างดีเลย ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเด่นอะไร ด้อยตรงไหน รวมถึงโอกาสในการพัฒนาต่อไปเป็นยังไงSWOT คือการมองหา จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจทั้งหมด ซึ่งจะช่วยปิดจุดอ่อนเสริมจุดด้อยให้คุณได้อย่างมากทีเดียว จุดแข็ง : ปัจจัยที่เป็นข้อดีขององค์กร ความสามารถที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง […]

ซีอีโอ Uber แนะเด็กรุ่นใหม่ควรเลือกเรียนสาขาอะไร หากอยากมีเงินเดือนดี ๆ

ทุกวันนี้ด้วยโลกที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน จนส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานของใครหลายคน นำมาสู่ความกังวลของเด็กที่กำลังเรียนอยู่ว่า สาขาหรือวิชาที่เรียนอยู่ตอนนี้ เมื่อจบการศึกษาจะมีงานทำหรือไม่ ภายในงาน Economic Club ณ เมืองนิวยอร์ค Dara Khosrowshahi ซีอีโอของ Uber ในวัย 50 ปีกล่าวให้คำแนะนำแก่นักเรียนที่กำลังเรียนจบมัธยมปลาย และก้าวเข้าศึกษาต่อในรั้วมหาวิทยาลัย ว่าสาขาที่เด็กรุ่นใหม่ควรเรียน คือ CIS (คอมพิวเตอร์สารสนเทศ) และวิศวกรรมศาสตร์ โดย Dara Khosrowshahi เคยศึกษาสาขาวิศวกรรมศาสตร์ที่ Brown University ซึ่งเขาแนะนำว่าไม่ว่านักเรียนจะเลือกประกอบอาชีพวิศวกรหรือไม่ ก็ควรเลือกเรียนสาขาวิศวกรรมศาสตร์ เพราะว่าสาขานี้จะช่วยทำให้ผู้เรียนรู้จักวิธีการแก้ปัญหา “ถึงแม้ว่าผมจะไปศึกษาต่อทางด้านการเงิน แต่วิศวกรรมศาสตร์ก็สอนให้รู้ถึงวิธีการแก้ปัญหา และทำอย่างไรให้สร้างกลับมาอีกครั้ง ซึ่งผมคิดว่าวิศวกรรมศาสตร์สามารถช่วยได้ ไม่ใช่เพียงแค่อาชีพเฉพาะทาง แต่ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตอีกด้วย” ซีอีโอของ Uber ยังเล่าต่อว่าวิศวกรรมศาสตร์เข้ามาช่วยในชีวิตการทำงานที่ Uber รวมถึง Expedia ว่า ปัญหาทางธุรกิจ, ปัญหาทางสังคม ที่มีความซับซ้อนจะถูกแยกออกมาเป็นส่วน ๆ แล้วสร้างขึ้นมาตามแนวคิดของวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ Dara Khosrowshahi ถือว่าเป็นซีอีโอของ Uber ที่ต้องมารับช่วงต่อกับปัญหามากมายที่รอให้มีการแก้ไข […]

ปี 2020 อยากมีเพจร้านบ้าง ทำช้าไปแต่อยากได้ไลก์เยอะๆ 10 เคล็ดลับนี้ช่วยได้

ยุคนี้ยุคทองของออนไลน์ หากตอนนี้คุณยังไม่มีเพจเลย และคิดว่ารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว มาดูเทคนิคการเพิ่มยอดไลก์ให้เยอะ ๆ แต่ไม่เสี่ยงโดนเฟซบุ๊กแบนเพราะทำผิดกฎกันดีกว่า 1. โปรโมตผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เริ่มจากการเอาเฟซบุ๊กของตัวคุณเองแชร์เพจของคุณหลังจากสร้างเสร็จ และกดชวนเพื่อนให้มาไลค์ กลุ่มคนไลค์กลุ่มแรกนี้เองที่จะเป็นฐานให้เพจของคุณเติบโตขึ้นไปในเวลาอันรวดเร็ว ใครเพื่อนเยอะยิ่งดี 2. ใช้รูปโปรไฟล์ที่จดจำง่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพโปรไฟล์ หรือภาพ Cover หน้าปกเพจเฟซบุ๊ก ให้ใช้ที่จดจำง่าย เป็นเอกลักษณ์ อ่านง่าย เข้าใจง่าย มีความชัดเจน และสื่อถึงตัวตนของแบรนด์คุณอย่างแท้จริง 3. ทำคอนเทนต์ให้ดี ตรงจุดนี้จะช่วยให้เพจของคุณมียอดไลก์ได้มาก ถ้าคอนเทนต์คุณดีจริง เพราะจะเกิดการแชร์ การบอกต่อในวงกว้าง และไม่ต้องเสียเงินสักบาทคนก็พร้อมจะกดไลก์ให้แน่นอน 4. ใส่ข้อมูลส่วนตัว เพราะการใส่ข้อมูลส่วนตัวลงไปในเพจของคุณทั้งหมด จะช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักคุณมากขึ้น และเรียกยอดไลก์ได้ไม่ยาก แต่คุณต้องเขียนให้สั้น กระชับ และสรุปทุกอย่างให้เข้าใจด้วยว่าเพจคุณมีเนื้อหาโทนไหน เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแบบใดนั่นเอง 5. โพสต์สม่ำเสมอ 70/20/10 กฎ 70/20/10 นั่นคือ ให้เราโพสต์สิ่งที่เป็นประโยชน์ 70% โพสต์แชร์คอนเทนต์ 20% และโพสต์ขายสินค้า 10% ซึ่งจะส่งผลดีต่อแบรนด์และทำให้ลูกค้าประทับใจ อยากกดไลก์ กดแชร์เพจคุณ […]

เริ่มทำเพจ Facebook ปี 2020 ยังไงให้มีคนติดตามหลักหมื่น

ทุกวันนี้คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างง่ายดายมาก เพียงมีอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์เครื่องนึง และแอปเฟซบุ๊ก คุณก็สามารถเป็นเจ้าของพื้นที่สาธารณะได้ภายใน 5 นาที ซึ่งเพจเฟซบุ๊กนี้เองที่จะเป็นช่องทางการขายสินค้าให้กับคุณ ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องเช่าที่ หรือเสียค่าเช่าหน้าร้านแต่อย่างใด แต่ในความง่ายตรงนี้ก็มีความยากซ่อนอยู่เช่นกัน เพราะเพจเฟซบุ๊กส่วนใหญ่ ถ้าคุณจะนำมาใช้เพื่อขายสินค้าและบริการ สิ่งสำคัญมากที่สุดเลยก็คือ “ยอดไลก์” ยิ่งยอดไลก์เพจของคุณเยอะเท่าไหร่ ยิ่งการันตีความน่าเชื่อถือได้มากเท่านั้น เพราะแปลว่าเพจของคุณมีประสิทธิภาพจนคนชื่นชอบนั่นเอง ดังนั้นธุรกิจที่เปิดมานานแล้วจึงได้เปรียบธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำ เพราะยอดไลก์ที่ต่างกัน ทำให้คนตัดสินใจซื้อสินค้ากับร้านที่มีจำนวนไลก์สูงกว่า ซึ่งถ้าคุณวางแผนจะเปิดเพจใหม่ของตัวเองในปี 2020 นี้ การมองหาวิธีเพิ่มยอดไลก์ด้วยความรวดเร็วแบบไม่ผิดกฎ Facebook เป็นสิ่งจำเป็นมากที่คุณต้องทำ ซื้อไลก์ ปั๊มไลก์ ให้เพจของคุณดีหรือไม่? สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว อยากสร้างโปรไฟล์เพจให้ดูดี มียอดไลก์สูงตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำ ก็คงค้นหาจาก Google ถึงวิธีเพิ่มไลค์ และเจอเข้ากับบริการปั๊มไลก์ ซื้อไลก์แน่นอน ซึ่งนี่คือทางออกที่ผิดอย่างมาก เพราะบริการเหล่านี้มีแต่จะสร้างข้อเสียให้กับเพจของคุณ 1. จำนวนไลก์ที่ไม่สัมพันธ์กัน ทำให้ลูกค้าหมดความเชื่อถือ เพราะถ้าคุณซื้อไลก์ คุณจะได้แต่ไลก์เพจหลอก ๆ มา ทำให้การโพสต์สินค้า หรือบริการแต่ละอย่างออกไป จะไม่มี Engagement เข้ามาเลย ไม่มีคนกดไลก์ กดหัวใจ […]

“ลดขยะให้เหลือศูนย์” ทำให้เป็นจริงได้ถ้าทุกคนร่วมมือ

Blue Bottle Coffee เสนอแนวความคิดที่จะทำให้จำนวนขยะลดลงเหลือ “ศูนย์” ได้ภายในสิ้นปี 2020 ของเพียงร้านกาแฟทั้งหมดในอเมริกาให้ความร่วมมือ ซีอีโอของ Blue Bottle เสนอไอเดียที่จะทำให้สามารถลดจำนวนขยะที่เกิดจากการใช้ครั้งเดียว ให้เหลือศูนย์ด้วยวิธีการที่อาจจะทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย และอาจจะทำให้บางคนต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการนำมาทดลองใช้ เราเคยตื่นเต้นกับพลาสติกชีวภาพที่นำมาทำถ้วยกาแฟและหลอดดูด ถึงแม้ว่ามันจะมาพร้อมกับความสามารถในการย่อยสลายได้ 100% แต่ก็นั่นแหละมันต้องถูกนำไปหมักจึงจะย่อยสลายได้อย่างถูกต้อง แล้วเราก็พบว่าพวกมันถูกนำไปฝังกลบรวมกับขยะอื่นๆ สุดท้ายมันก็ยังคงเป็นการเพิ่มจำนวนขยะขึ้นมาอยู่ดี แม้จะมีการเปลี่ยนมาเป็นหลอดกระดาษและถ้วยกระดาษที่ทำมาจากอ้อย ก็ไม่ได้ทำให้จำนวนขยะลดลงเลย เรายังคงมีขยะที่เกิดจากถ้วยแบบใช้ครั้งเดียวมากถึง 12 ล้านใบต่อปีอยู่ดี ด้วยวิธีที่จะเสนอต่อไปนี้มันจะแตกต่างออกไป จำนวนขยะจะลดลงได้อย่างรวดเร็ว ทางออกในเรื่องนี้คือให้ร้านกาแฟทุกร้านเลิกให้บริการถ้วยแบบใช้แล้วทิ้งทั้งหมด พยายามผลักดันให้ลูกต้านำแก้วมาเอง แต่ถ้าหากลูกค้ายังยืนยันจะใช้แก้วแบบครั้งเดียวทิ้ง ก็ให้ทางร้านเก็บค่าบริการเพิ่มในราคา 25 เซนต์ (ประมาณ 8 บาท) ต่อแก้วหนึ่งใบ หากร้านกาแฟทุกร้านในสหรัฐอเมริกาทำตามอย่างพร้อมเพรียงกัน รับรองว่าไม่เกินสิ้นปี 2020 ปริมาณขยะที่เกิดจากร้านกาแฟจะลดลงเหลือแค่ศูนย์อย่างแน่นอน งานนี้ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยอะไรเลย เป็นการเปลี่ยนที่พฤติกรรมของคนล้วน ๆ ความมุ่งมั่นนี้อาจจะสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจในตอนเริ่มต้น แต่หากทำอย่างต่อเนื่องจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ยากกันบ้าง เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของเราต่อคนรุ่นต่อไปที่จะเติบโตขึ้นมา อ้างอิง: https://dailycoffeenews.com/2019/12/09/blue-bottle-makes-zero-waste-pledge-for-all-us-cafes-by-end-of-2020/

ลดความเสี่ยงธุรกิจเจ๊ง ด้วย MVP ตัวทดลองที่ช่วยให้เรียนรู้ความต้องการของผู้ใช้งาน

คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน มักจะดูถูกความยากลำบากของการประสบความสำเร็จ ด้วยการมี Mindset ที่ว่า ไม่ว่าคุณจะขายสิ่งไหน มันก็จะมีคนใช้บริการ หรือเข้ามาซื้อแน่นอน คนส่วนใหญ่มักจะคิดเข้าข้างตัวเอง มองภาพในสิ่งที่สวยหรูเกินความเป็นจริง โดยคิดว่า ทำไปก็มีคนใช้ มีคนซื้อ แต่นั่นเป็นเพียงแค่ความมโนของตัวคุณ ซึ่งมันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ได้ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่ล่ะ? คุณเองจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง การทำธุรกิจสักตัวไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันมีต้นทุนมากมายที่คุณต้องยอมรับและสูญเสียเพื่อแลกกับความสำเร็จในอนาคต ทั้งเรื่องของเวลา และเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ดังนั้นก่อนจะเริ่มทำธุรกิจใดก็ตาม มาลดโอกาสของความเสี่ยงที่จะเจ๊ง ด้วยกลยุทธ์ทดลองตลาดแบบ MVP ก่อนดีที่สุด MVP คืออะไร MVP สำหรับวงการธุรกิจแล้วหมายถึง Minimum Viable Product เป็นการผลิตสินค้าออกมาแบบมินิมอลที่สุด แต่ยังคงสามารถตอบโจทย์ได้ในสิ่งที่คุณต้องการขายเป็นหลักอยู่ ซึ่งการทำผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เสร็จดีออกมาให้ตลาดลองนี้ เป็นเหมือนการขอความคิดเห็นจากเหล่ากลุ่มเป้าหมายในอนาคตว่า ถ้ามีสินค้าแบบนี้เกิดขึ้นจริง แต่ดีกว่านี้หลายเท่า คุณจะใช้บริการกันหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น คุณมีความฝันอยากจะเปิดโรงงานผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่ การเริ่มต้นของธุรกิจคุณด้วย MVP ไม่ใช่การสร้างล้อ แล้วประกอบตู้คอนเทนเนอร์ จากนั้นค่อยผลิตหัวรถลาก แต่มันเป็นการเริ่มต้นมาจากผลิตรถขนดินขนาดเล็ก และพัฒนาสู่รถกระบะ จากนั้นขยับไซส์ไปเป็นรถตู้ แล้วจึงออกมาสู่รถบรรทุกขนาดยักษ์แบบที่ฝันไว้ตอนแรก เพราะการทำแบบนี้คุณจะรู้ได้ทันทีว่ามีผู้รอใช้บริการคุณมากน้อยแค่ไหน ด้วยการลงทุนเพียงนิดเดียว […]

ลูกจ้างรู้ไว้ หากลาป่วยไม่ถึง 3 วันไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์

โรคภัยไข้เจ็บถือเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร เพราะเราทุกคนไม่รู้ว่าจะต้องเจ็บป่วยขึ้นมาในวันไหน และไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะย่อมส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานที่รับผิดชอบ หากใครอยู่ในสถานะลูกจ้างด้วยแล้ว หากป่วยบ่อย ๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน และยิ่งป่วยติด ๆ กันเป็นระยะเวลาหลายวันก็อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของหน้าที่การงานได้ อีกทั้ง หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า “ใบรับรองแพทย์” จะต้องส่งให้นายจ้างหรือไม่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ กฎหมายแรงงาน ได้โพสต์ข้อความในเรื่องของการลาป่วยว่า ถ้าลาป่วยตั้งแต่ 3 วัน นายจ้างอาจให้แสดงใบรับรองแพทย์ได้ ดังนั้น การลาป่วยตั้งแต่สามวันจึง “ต้องมี” ใบรับรองแพทย์ เพราะถ้านายจ้างให้แสดงใบรับรองแพทย์แล้วไม่มี หรือไม่อาจชี้แจงได้ว่าทำไมไม่มี อาจเป็นเหตุให้นายจ้างอ้างว่าไม่ป่วยจริง และเลิกจ้างเพราะละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาทำงานสามวันได้ ด้วยเหตุที่กฎหมายแรงงานเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบ เรียบร้อยฯ เช่นนี้ นายจ้างจะออกกฎระเบียบให้ขัด หรือแย้งกับที่กฎหมายเขียนไว้ โดยเขียนว่าลาป่วย 1 ถึง 2 วันต้องมีใบรับรองแพทย์ย่อมเป็นโมฆะ เพราะเป็นการ “ต้องห้ามชัดแจ้ง” โดยผลของกฎหมาย(ม. ๓๒) ที่มา: กฎหมายแรงงาน เรื่องที่เกี่ยวข้อง เตือนด้วยความหวังดี ลูกจ้างลาป่วยบ่อยระวังจะถูกเลิกจ้างโดยไม่รู้ตัว

เพราะอะไรธุรกิจยุคใหม่ ถึงไม่ควรใช้ “ดารา” เป็นพรีเซนเตอร์

การทำธุรกิจตั้งแต่ยุคอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งประสบความสำเร็จได้ก็คือ เรื่องของการตลาดนั่นเอง แต่เพราะเครื่องมือทางการตลาดนั้นจะถูกเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งคุณจะเห็นได้เลยว่าในอดีตนั้น การตลาดหรือโปรโมทที่ดีที่สุด นั่นคือ การนำดารา เซเล็บ และคนดังที่มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคม มาช่วยพูดถึงสินค้าและบริการของคุณ เพราะนั่นเป็น First Impression ให้คนจดจำแบรนด์ของคุณในด้านดี และเชื่อสนิทใจว่าสินค้าคุณมีคุณภาพมากจริงๆ แต่เพราะในยุคนี้ที่ทุกคนเข้าถึงโลกออนไลน์ และเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสารถึงกันหมด ทำให้คนธรรมดา ๆ ทั่วไปเองก็สามารถสร้างตัวตนขึ้นได้ และมีผู้ติดตามที่พร้อมจะเชื่อฟังในคำบอกเล่า และคำแนะนำ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ถูกเรียกว่า “Influencer” นั่นเอง เพราะอะไร ทำไมการโปรโมทด้วยดารา จึงไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิมอีกต่อไป การเข้ามาของเหล่า Influencer บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นยูทูป เฟซบุ๊กแฟนเพจ หรือสื่อออนไลน์อื่นๆ นั้นเป็นกลุ่มคนที่สามารถจับต้องได้จริง เข้าถึงง่าย และเป็นคนทั่วไปที่ใช้งานผ่านการทดลองสินค้าตัวต่าง ๆ มาแล้วด้วยตัวเองจริง จึงจะสามารถนำมาบอกเล่าผ่านช่องทางของเขาได้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ดาราไม่มี ความจริงใจในหมู่ผู้บริโภคยุคใหม่เป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังมีปัจจัยอีกมากมาย ที่ทำให้การโปรโมทสินค้าในยุคออนไลน์ด้วยการใช้ดาราเป็นพรีเซนเตอร์นั้นไม่คุ้มค่าอีกต่อไป 1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจริงไม่ได้ ยุคนี้เป็นยุคของสื่อออนไลน์ ไม่ใช่จอแก้วอีกต่อไปแล้ว คนมักจะเสพข่าวสาร โฆษณา หรือแม้แต่เรื่องราวบันเทิงผ่านยูทูป หรือแพลตฟอร์มอื่น […]

4 เทรนด์มาแรงของธุรกิจขนาดเล็กในปี 2020

หลายคนอยากมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่ยังคิดไม่ตกว่าจริงๆ แล้วตัวเองต้องการอะไรทำอะไรกันแน่ เราจึงทำการรวบรวมเอาเทรนด์ของธุรกิจขนาดเล็กมาเพื่อเป็นแนวคิดสำหรับคนที่อยากจะเปลี่ยนบทบาทจากลูกจ้างมาเป็นเจ้าของกิจการ 4 เทรนด์มาแรงของธุรกิจขนาดเล็ก 1.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เรียกว่าเป็นธุรกิจอันดับแรก ๆ ที่หลายคนคิดถึง เพราะในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น เรื่องอาหารการกินถือว่ามีบทบาทสำคัญ และเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนต้องกินต้องดื่ม ดังนั้น การลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มขนาดเล็กที่ลงทุนไม่มาก และใช้พื้นที่ไม่เยอะ กำลังเป็นเทรนด์ที่มีกระแสแรงงมาก ยกตัวอย่างร้านอาหารและเครื่องดื่มขนาดเล็ก อย่างร้านยำ, ร้านขนมเครป, ร้านชานมไข่มุก, ร้านน้ำปั่น และร้านกาแฟ 2.ธุรกิจงานแฮนด์เมด ปัจจุบันมีผู้คนที่นิยมใช้สินค้าแฮนด์เมด หรือสินค้าทำมือเพิ่มขึ้น เพราะมีความเป็นเอกลักษณ์และสไตล์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร สำหรับคนยุคใหม่ ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจ การเลือกใช้สินค้าประเภทนี้จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คนยุคใหม่ที่มีฝืมือและมีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น การเย็บปักถักร้อย ออกแบบดีไซน์ หรือทำสินค้าที่ท้องตลาดไม่มีขาย ทำให้สินค้าแฮนด์เมดมีราคาสูง เพราะมีค่าครีเอทสร้างสรรค์ลงไปในชิ้นงานนี้ด้วย ถือว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอีกธุรกิจหนึ่งเลยทีเดียว 3.ธุรกิจสินค้ามือสอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า และเครื่องประดับต่าง ๆ หากมีการวางแนวทาง การเจาะกลุ่มเป้าหมาย และเลือกทำเลขายของให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เชื่อว่าธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ลงทุนได้ไม่น้อย ที่สำคัญธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนไม่มาก […]

ทำไมธุรกิจยุคใหม่ ถึงประสบความสำเร็จได้ด้วยการจ้าง Freelance มากกว่าพนักงานประจำ

เดี๋ยวนี้การทำธุรกิจส่วนใหญ่ มักจะมีลูกจ้าง หรือพนักงานประจำไม่เยอะ ใช้คนจำนวนน้อยแต่มากความสามารถ เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการจ้าง และดูแลพนักงาน ซึ่งมันส่งผลต่อพวกสาธารณูปโภคต่างๆ ในการใช้ชีวิตในออฟฟิศด้วย ยิ่งคนเยอะ ยิ่งมีปัญหามาก ทั้งการประสานงานคนในองค์กร ทั้งการเมืองภายในบริษัท รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะต้องเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้บริษัทยุคใหม่ ธุรกิจสมัยใหม่ทั้งหลายต่างมีแนวโน้มที่จะจ้างงานโดยใช้ Freelance กันมากยิ่งขึ้น ซึ่งเทรนด์การใช้งาน Freelance นี้เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศที่มีเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมที่เจริญรุ่งเรือง เนื่องจากการทำงานติดต่อกับ Freelance นั้นจะไม่มีสะดุด เหมือนคุณจ้างพนักงานประจำคนหนึ่ง แค่เพียงเขาไม่ได้เข้าออฟฟิศเท่านั้นเอง ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีการจ้างงานฟรีแลนซ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรมากกว่า 40% เลยทีเดียว และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาช่องทางการลดต้นทุน หรือบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างมืออาชีพล่ะก็ คุณควรเปิดใจ และศึกษาการจ้างฟรีแลนซ์ตั้งแต่ตอนนี้ ประโยชน์ที่คุณจะได้ เมื่อจ้าง Freelance แทนพนักงานประจำ 1. ทำให้ต้นทุนการทำงานถูกลง เพราะอัตราการจ้างฟรีแลนซ์คนหนึ่งนั้นถูกกว่าการจ้างพนักงานเงินเดือนอย่างมาก เนื่องจากพนักงานประจำ คุณต้องมอบให้ทั้งสวัสดิการ ค่าประกันสังคม รวมถึงมีการดูแล ต้อนรับต่างๆ ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในออฟฟิศ ไปจนถึงอุปกรณ์ทำงาน ซึ่งต้องลงทุนจัดหาให้ตามจำนวนพนักงานอย่างเพียบพร้อม ต่างจากการใช้บริการฟรีแลนซ์ ที่คุณแค่บรีฟในสิ่งที่ต้องการ และรอรับงานในวันเดดไลน์ได้เลย ดูแค่ผลลัพธ์ […]

สร้างธุรกิจใหม่ แต่กลับไปไม่รอด คุณจะได้อะไรหากทำธุรกิจแล้วเจ๊งไม่เป็นดังที่หวัง

การทำธุรกิจนั้นบางครั้งก็เปรียบเสมือนกับการเสี่ยงดวง เพราะถ้าคุณเริ่มทำแบบผิดที่ ผิดเวลา ก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ แม้จะเลียนแบบคนที่เขาเคยสำเร็จมาก่อนขนาดไหนก็ตาม ซึ่งแน่นอน ถึงแม้จะไม่มีใครอยากล้มเหลวในการทำธุรกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน การเริ่มต้นธุรกิจใหม่เป็นอะไรที่เสี่ยงมาก เพราะผู้คนไม่นิยมใช้เงินมากขึ้น จึงรัดเข็มขัดตัวเองในทุก ๆ การใช้จ่าย ดังนั้นโอกาสที่จะลืมตาในสภาพแบบนี้ที่ยังต้องลองผิดลองถูก และไม่มีลูกค้าเก่ามาช่วยขับเคลื่อนจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ซึ่งถ้าคุณเองกำลังเข้าสู่ช่วงที่รู้สึกว่าธุรกิจใหม่กำลังจะไปไม่รอด และหมดสิ้นหนทางในการทำธุรกิจ หรือเฝ้าแต่โทษตัวเองจนสุขภาพจิตใจและร่างกายเสื่อมโทรมลง แนะนำให้เอา 6 ข้อคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ดู คุณจะรู้ว่าจริงๆ แล้วการล้มเหลวครั้งนี้มันก็ให้อะไรกับคุณไม่น้อยเหมือนกัน 1. ได้ทำในสิ่งที่อยากทำสักที การก้าวออกมาจากคอมฟอร์ทโซนได้เป็นเรื่องที่กล้าหาญมาก มีหลายคนที่อยากจะทำนู่นทำนี่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือทำจริงๆ สักที เพราะมีความกลัวครอบงำเต็มไปหมด การลงมือทำธุรกิจแล้วเจ๊ง อย่างน้อยก็ทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีความกล้า และเชื่อเถอะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สร้างกันได้ง่ายๆ อีกหน่อยเมื่อคุณเจอช่องทางอะไร คุณจะตัดสินใจและเริ่มได้ไวกว่าทุกคนแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงจะเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ก่อนเสมอ และเพราะบทเรียนจากการทำธุรกิจที่แล้วมานี่เองที่จะส่งผลให้คุณระมัดระวัง รอบคอบ รวมถึงตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในอนาคต แบบที่คนไร้ประสบการณ์ไม่มีทางเข้าใจ 2. มีคอนแทคใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพียบ คอนแทคยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจอยู่ดี ซึ่งการที่คุณเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ถึงแม้มันจะเจ๊งไม่เป็นท่า แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้คุณได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ คู่ค้าใหม่ พาร์ทเนอร์ธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงจะได้คอนแทคจากเหล่าลูกน้องในทีม ซึ่งในอนาคตเมื่อไหร่ที่คุณวางแผนจะกลับมายืนหยัดอีกครั้ง คุณก็จะสามารถติดต่อคนที่มีฝีมือดีเหล่านี้ เพื่อชักชวนมาร่วมงานได้ทันที รวมทั้งเหล่าคอนแทคดีๆ […]

คุยทุกอย่างเรียบร้อย แต่ลูกค้าเงียบไป ทำยังไงดี?

บางครั้งการทำธุรกิจก็เป็นเหมือนเรื่องตลกที่คุณคิดว่าจะสามารถปิดการขายกับใครสักคนได้ และเขาทำท่าเหมือนจะสนใจในบริการของคุณ แต่แล้วเมื่อให้ข้อมูลและพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย กลับกลายเป็นว่าลูกค้าเงียบหายไป ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเจอได้เสมอในการทำธุรกิจ ซึ่งคุณเองก็อาจจะคาดหวังให้เขากลับมา แต่ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน จะติดต่อไปแล้วดูเป็นการเซ้าซี้หรือไม่ และคุณจะทำยังไงกับเหตุการณนี้ได้บ้าง ที่นี่มีคำตอบ เหตุผลที่ลูกค้าเข้ามาถาม แต่ไม่ยอมซื้อ การที่ลูกค้าเข้ามาถามถึงข้อมูลของสินค้าและบริการคุณแล้ว นั่นหมายควมว่าพวกเขามีความสนใจในสิ่งนั้นมากพอสมควร ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะสามารถปิดการขายได้มากกว่าการที่คุณเข้าหาลูกค้าสักคนด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่เพราะความสนใจบางครั้งมันอาจยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อลูกค้าทราบรายละเอียดแล้วอาจมีบางจุดที่คุณยังตอบสนองได้ไม่ตรงความต้องการของเขา เช่น – ราคาขายแพงเกินไป – สินค้ามีวัตถุดิบที่ไม่ดี– ไม่มีขนาด หรือไซส์ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า– การให้บริการไม่ดี นี่อาจไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่แล้วคือสิ่งเหล่านี้ ทำให้คุณชวดโอกาสในการปิดการขายไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่จริงๆ แล้วสามารถทำเงินจากลูกค้าท่านนี้ได้แล้วแท้ๆ จะเปลี่ยนลูกค้าที่ทักมา ให้กลับมาสนใจได้ยังไง 1. สอบถามถึงปัญหาอันดับแรกคุณต้องสอบถามตรงๆ เลยว่า สาเหตุที่ลูกค้าเงียบไปเป็นเพราะอะไร เพื่อหาคำตอบและทางออกให้คุณทั้งคู่ได้ เพราะความจริงแล้วลูกค้าอาจจะต้องการบางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติม ซึ่งมันอาจจะน้อยนิดและคุณสามารถดำเนินการให้เขาได้ ก็จะได้ไม่เสียลูกค้าไปอย่างน่าเสียดาย 2. ติดตามต่อเนื่องบางทีการที่ลูกค้าเงียบหายไป อาจไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบในสินค้าเรา แต่เป็นเพราะเขาลืมไปแล้วว่าเคยมองหาของชิ้นนี้อยู่ ดังนั้นการ Follow Up หรือติดตามลูกค้าต่อเนื่อง ทักไปสอบถามถึงความต้องการเพิ่มเติม ก็จะช่วยเน้นย้ำให้เขาจำได้ว่าอยากจะใช้บริการกับคุณ 3. เสนอโปรโมชั่นแบบเนียนๆ การทักไปโต้ง ๆ […]

ชี้ช่องรวย! “ร้านซักรีด” กำลังมา เน้นเจาะตลาดคนรุ่นใหม่รักสบาย-นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็ก

กรมพัฒน์ ชี้ช่องรวย แนะ! ลงทุนทำธุรกิจ “ร้านซักรีด” รองรับการเติบโตของเมือง คนรุ่นใหม่ที่ชอบความสบาย และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ชี้ควรลงทุนในคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ที่พักอาศัยย่านชุมชนเมือง ห้าง สถานศึกษา ที่พักของชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพกเกอร์ นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ทำการสำรวจแนวโน้มการลงทุนทำธุรกิจ โดยพบว่า ธุรกิจ “ร้านซักอบรีด” และ “ธุรกิจร้านซักผ้าหยอดเหรียญ” เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างโอกาสในการทำธุรกิจให้กับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบัน การเติบโตของสังคมเมือง ที่ต้องแข่งขันกับเวลา คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการดำรงชีวิต และการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้การลงทุนทำธุรกิจยังเปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง สำหรับการลงทุน ควรจะพิจารณาลงทุนทำธุรกิจตามคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แหล่งที่อยู่อาศัยในย่านชุมชนเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว ใกล้ห้างสรรพสินค้า หอพักนักศึกษา และโรงแรมที่พัก ที่ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบแบ็กแพกเกอร์เข้ามาพักอาศัย ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโต เพราะจะมีผู้เข้ามาใช้บริการมาก ส่วนรูปแบบการลงทุน สามารถลงทุนเปิดร้านซักอบรีด ซึ่งเป็นการลงทุนโดยบุคคลธรรมดา ใช้เครื่องซักผ้าแบบบ้าน และให้บริการครบวงจร หรือลงทุนแบบร้านซักผ้าหยอดเหรียญที่มีรูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งลงทุนแบบบุคคลธรรมดา นิติบุคคล และแฟรนไซส์ หรือร้านซักอบรีดผ่านตู้ล็อกเกอร์ ที่มีการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ โดยผู้ที่ต้องการซักผ้า สามารถนำผ้าไปใส่ไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ที่ใกล้ที่สุด […]

3 เทคนิค ของคนพูดน้อย แต่มีแต้มต่อเหนือกว่าคนอื่นเยอะ

คนที่มีบุคลิก Introvert คือพูดน้อยๆ แต่ชอบที่จะลงมือทำเยอะๆ และเห็นผลลัพธ์ที่ดีดูเหมือนจะไม่ใช่วิถีที่คนปกติจะเป็นกันสักเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะถูกสอนให้พรีเซนต์ตัวเองให้เป็น และพยายามนำเสนอข้อดีของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็น ซึ่งนี่เป็นดาบสองคนที่หลายคนนำไปใช้ผิดวิธี จึงทำให้เรามักจะเห็นคนที่มีความมั่นใจ หรือหัวหน้าส่วนใหญ่มักจะพูดเยอะ ในสิ่งที่คิดว่าตัวเองมีความรู้ จนบางครั้งอาจทำให้คู่สนทนาและลูกทีมรู้สึกเบื่อ และไม่เคารพเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งทางที่ดีการพรีเซนท์ตัวเองที่ถูกต้องอาจจะไม่ต้องหมายถึงการพูดเยอะอย่างเดียว แต่หมายถึงการวางตัว และนำเสนอออกมาในเวลาที่สมควร ฟังมากกว่าพูด : คนทั่วไปอ่านใจจะคุณไม่ออก ลองเปลี่ยนจากการเล่าเรื่องตัวเองอย่างภาคภูมิใจมาเป็นการฟังดูบ้าง จะรู้ได้เลยว่าโลกทั้งใบของเราเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม เพราะการเป็นผู้ฟังที่ดี พูดน้อย จะทำให้บุคลิกของเราดูน่าเชื่อถือ มั่นคง น่าค้นหา เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่จะทำให้คู่สนทนายอมรับในตัวคุณได้มากกว่าเดิม เพราะการเป็นผู้ฟังที่ดีและยิงคำถามที่ตรงประเด็น จะยิ่งทำให้คู่สนทนาเปิดใจพูดเรื่องของตัวเองมากขึ้น และให้ข้อมูลสำคัญๆ ที่คุณจะไม่มีทางได้ยินเลยถ้าคุณเป็นคนที่พูดมากกว่า แบบที่เคยเป็นมา ถามคำถามที่ดี : แทนการพูดแต่เรื่องของตัวเอง การพูดน้อยไม่ใช่จำเป็นว่าคุณจะต้องไม่พูดเลยนะครับ มันเพียงแค่เปลี่ยนจากบทบาทเล่าเรื่อง มาเป็นฝ่ายถามคำถามบ้างเท่านั้น ซึ่งการถามคำถามที่ดี และตั้งใจฟังในสิ่งที่คนอื่นบอก จะทำให้คุณเห็นมุมมองของคนอื่นๆ มากขึ้น ลงมือทำมากกว่าพูด หัวหน้าที่ดีต้องมีทักษะนี้ติดตัว นั่นก็คือ การลงมือทำมากกว่าพูด เพื่อแสดงให้ลูกน้องเห็นว่าคุณเองสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่เก่งแต่ชี้นิ้ว ซึ่งวิธีการเก่าๆ อย่างเช่น การชี้นิ้วสั่ง ด่าลูกน้อง มันเป็นวิธีการที่ล้าสมัย […]

นักจิตวิทยาเผยผลวิจัย ทำงานมีแต่ประชุม ส่งผลสมองพนักงานพัง

เลิกประชุม! เปิดงานวิจัยของนักจิตวิทยาอเมริกา ชี้บริษัทที่มีการประชุมมากเกินไป ส่งผลให้พลังสมองของพนักงานค่อยๆ หมดลง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผลงานวิจัยของนักจิตวิทยาในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า พบว่าในแต่ละวันมีการประชุม 11 ถึง 55 ล้านครั้งทั่วประเทศ แต่ละสัปดาห์ พนักงานบริษัทใช้เวลาถึงหกชั่วโมงไปกับการประชุม ในขณะที่ระดับผู้จัดการอาจหมดเวลาไปกับการประชุมถึงสัปดาห์ละ 23 ชั่วโมง นักจิตวิทยาระบุว่าก่อให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “meeting recovery syndrome (MRS) หรือภาวะการฟื้นตัวจากการประชุม คือเวลาที่จะต้องใช้ไปในการทำให้อารมณ์เย็นลง และกลับมาจดจ่อกับการทำงานได้ใหม่ ภาวะ MRS เป็นแนวความคิดที่ทุกคนที่ทำงานบริษัทคุ้นเคยดี ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่พนักงานมักรู้สึกล้าและพร่ามัวจากการประชุม แต่มีเพียงไม่กี่ปีมานี้เท่านั้นที่นักวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ควรศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพราะมีส่วนเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพบริษัท และความเป็นอยู่ดีของพนักงาน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าในระหว่างที่พนักงานเข้าร่วมการประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพ พลังสมองของพวกเขาจะค่อยๆ หมดลง การประชุมที่นานเกินไป ที่คนฟังไม่มีส่วนร่วมจนเหมือนั่งฟังการบรรยายในห้องเรียน เป็นการทำลายศักยภาพของพนักงาน ทฤษฎีการรักษาทรัพยากรระบุว่า ความเครียดเกิดขึ้นเมื่อทรัพยากรของคนคนหนึ่งถูกคุกคามหรือสูญหาย เมื่อทรัพยากรเหลือน้อย คนคนนั้นจะเปลี่ยนจากการป้องกันเป็นการประหยัดสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งถ้าพูดถึงการประชุม ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของพนักงานคือการให้ความสนใจ ความตื่นตัว และแรงจูงใจ ดังนั้นความเครียด จึงเกิดขึ้นเมื่อทรัพยากรเหล่านี้ถูกหยุดชะงัก และการที่ productivity (ผลิตภาพ) ถูกหยุดอย่างกะทันหันจึงทำให้ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าความสามารถในการฟื้นตัวจากการประชุมที่เลวร้ายของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน […]

ไม่ต้องปรับตัวมากมาย แค่ ชู 3 ด้านนี้ให้เก่ง คุณจะเป็นผู้นำในโลกธุรกิจทุกประเภท

บนโลกออนไลน์ในทุกวันนี้คุณสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล แหล่งความรู้ในการประกอบธุรกิจได้อย่างนับไม่ถ้วน แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้การันตีถึงความสำเร็จที่คุณต้องการแบบ 100% เพราะมันยังมีปัจจัยอีกมากมายที่จะชี้วัดความสำเร็จและความล้มเหลว ทั้งการตลาด การบริหาร การจัดการ เรื่องของสินค้า เรื่องของบริการ และเรื่องของบุคคลภายในองค์กร แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงฟันเฟืองเล็กๆ ไม่ใช่ตัวชี้ชะตาภาพรวมขนาดใหญ่ให้เห็นอย่างแท้จริง วันนี้เราจึงนำ 3 ปัจจัยที่คุณต้องคำนึงถึงให้มากที่สุดในการจะประสบความสำเร็จบนจุดนี้ได้ เพราะถ้าคุณเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่งของ 3 ปัจจัยนี้ล่ะก็ มันจะส่งผลกระทบขนาดใหญ่ให้องค์กรคุณแบบไม่น่าเชื่อเลย 1. ขายราคาต่ำที่สุด ไม่มีใครชนะคุณได้ อันดับแรกคือเรื่องของราคา แน่นอนว่าการซื้อสินค้าและบริการสักอย่าง สิ่งที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ ราคา เพราะเขาจะใช้มันในการคำนวณความคุ้มค่าและส่งผลต่อการตัดสินใจโดยตรง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากมากที่คุณจะขายสินค้าให้ถูกที่สุดในท้องตลาดได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยในหลาย ๆ ด้านทั้งต้นทุนการผลิต และค่าดำเนินการขายสินค้าต่าง ๆ รวมไปถึงค่าการตลาดอีกที่คุณต้องนำมาบวก ลบ คูณ หาร ให้เหลือเป็นกำไรที่พอใจ โดยปัจจัยที่จะทำให้สินค้าของคุณถูกที่สุดมีดังนี้ – ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทุกอย่างออกไป เช่น สายการบินราคาถูกที่เน้นแค่บิน ไม่มีอาหารเสิร์ฟ– ตอบสนองเฉพาะของที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ เท่านั้น เช่น รถราคาถูกที่สุด ที่ไม่มีออปชั่นเสริมแถมให้– นำนวัตกรรมเข้ามาช่วย เช่น ลงทุนกับเครื่องจักรการผลิตสูง 2. […]

เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น “คนรวย” ด้วย 5 เคล็ดลับการวางแผนทางการเงิน

เชื่อว่าหลายๆ ท่าน คงมีความปรารถนาในชีวิตที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือการมีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งเรื่องแบบนี้เราไม่สามารถบังคับให้ใครมาทำตามได้ ต้องขึ้นอยู่กับวินัย เทคนิคของแต่ละคน ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเราเองมีเงินเก็บ หรือหาวิธีให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ บทความนี้ เราจะขอนำเสนอ 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ สร้างความมั่นคงทางการเงิน และเปลี่ยนตัวคุณให้กลายเป็นเศรษฐีในที่สุด 1.พัฒนาการวางแผนทางการเงิน อุปสรรคสำคัญของคนที่ไม่มีเงินเก็บ คือขาดการวางแผนทางการเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจทำอะไรต่างๆ อย่างสมเหตุสมผล และบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ สำหรับการเขียนแผนทางการเงินสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กำหนดประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ • ทำรายจ่ายที่จำเป็นภายใต้งบประมาณที่มีอยู่• วางแผนค่าใช้จ่ายในอนาคตที่อาจต้องเพิ่มขึ้น• แบ่งเงินที่มาจากรายได้มาไว้เป็นเงินเก็บ 2. มองถึงช่องทางสำหรับการหารายได้เพิ่ม ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องค่าครองชีพ, ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาวะเศรษฐกิจจึงทำให้เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน ดังนั้น วิธีที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้ คือการมองหาช่องทางการหารายได้เพิ่ม เช่น งานฟรีแลนซ์ ,ขายของออนไลน์ หรือนำเงินเก็บไปลงทุนทำธุรกิจ เหล่านี้จะช่วยบรรเทาเรื่องค่าใช้จ่าย รวมถึงทำให้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นจากเดิม 3.หาความรู้ให้กับตัวเอง อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเป็นโลกยุคดิจิทัล ที่เรื่องราวต่าง ๆ มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เพื่อให้ตามกระแสทัน […]

เปิดขั้นตอนการลงทะเบียน “บ้านดีมีดาวน์” ลงเสร็จเอาไปเลยเงินดาวน์ 50,000 บาท

กระทรวงการคลัง แจง โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” โดยสนับสนุนเงินดาวน์ 50,000 บาท สามารถลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com เริ่ม 11 ธ.ค. 62 ถึง 31 มี.ค.63 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” โดยให้การสนับสนุนเงินดาวน์ 50,000 บาท แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย โดยสามารถเข้าร่วมโครงการโดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com ได้ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 เวลา 08.00 น. จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 และจะต้องได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินและจดจำนองตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 คนละ 1 […]

1 … 18 19 20 … 73