เป็นเรื่องปกติของการทำการตลาดออนไลน์ที่จะมีบางช่วงที่อาจได้รับความสนใจน้อยกว่าช่วงอื่นๆ แต่ไม่ใช่กับทุกครั้งที่ได้ลงเม็ดเงินโฆษณาไปอย่างแน่นอน ถ้าการโฆษณาของคุณทุกรอบได้ผลตอบรับที่ไม่ดีกลับคืนมา ลงเงินเยอะ แต่ไม่มีคนกลับมาซื้อ แสดงว่าคุณเองกำลังทำสิ่งที่ผิดพลาดอยู่
และนี่อาจเป็น 5 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาเสียเงินเปล่าเหล่านั้นนั่นเอง ลองตรวจสอบทุกการโปรโมตโฆษณา ทั้ง Google Ads และ Facebook รวมถึงช่องทางอื่นๆ ดูว่า คุณทำข้อห้ามเหล่านี้หรือไม่
1. มีก็ดี ไม่มีก็ได้
อันดับแรกคือ การโพสต์ของคุณนั้นสร้างความรู้สึกกลางๆ ให้กับลูกค้ามากเกินไป หรือดึงดูดไม่มากพอ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า จะมีก็ดี หรือไม่มีก็ไม่เป็นไร ซึ่งมันนำไปสู่การไม่ตัดสินใจซื้อนั่นเอง โดยให้สังเกตจากการทักแชทมาสอบถามสั่งซื้อได้เลย ว่า การโพสต์แต่ละครั้ง โปรโมตแต่ละที มีคนทักมามากน้อยแค่ไหน และคุณต้องพูดคุยกับลูกค้านานหรือไม่กว่าจะปิดการขายได้
เพราะถ้าโพสต์ดีจริง สินค้าดีจริง ลูกค้าเข้าใจ และอยากใช้บริการทันที คุณจะไม่ต้องเสียเวลาตอบแชทเหล่านี้เลย เขาจะแค่ทักแชทมาเพื่อสั่งสินค้ากับคุณทันทีโดยตรง ดังนั้นสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าเห็นถึงข้อดีทั้งหมด และชีวิตเขาจะลำบากยังไงถ้าขาดมันไป
2. ซื้อวันไหนก็ค่าเท่ากัน
สินค้าทั่วๆ ไปที่ขายกันในโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่ก็จะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อไม่ได้ ลงแค่ราคา และอยากได้ก็ทักอินบ็อกซ์ไป ไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรใหม่ ทำให้ลูกค้าอย่างมากก็ทักไปสอบถาม แล้วก็ค่อยตัดสินใจทีหลัง ซึ่งก็ไม่เกิดกระบวนการขายเกิดขึ้น
ดังนั้นหน้าที่ของคุณคือ ทำยังไงก็ได้ให้เขาตัดสินใจให้ได้ไวที่สุด กระตุ้นการตัดสินใจของเขา ให้ซื้อวันนี้เท่านั้น ไม่งั้นเขาจะพลาดอะไรดีๆ ไป เช่น ทุกการโพสต์ต้องเร่งรัดให้ตัดสินใจ ยกตัวอย่าง “ลด 50% แค่วันนี้เท่านั้น!!!” ก็จะกระตุ้นการตัดสินใจได้ไวขึ้น
3. โพสต์ลอยๆ ก็ไม่มีคนซื้อ
หลายคนมักโพสต์แบบลอยๆ โดยลืมให้ความสำคัญกับการ “สั่งให้ทำ” หรือ “Call to Action” ไป ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนกันมาเสมอว่าจะต้องมี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม การสั่ง หรือบอกให้ทำ จะกระตุ้นให้คนที่รับสารรู้สึกว่าเขาต้องทำในสิ่งนั้น เช่น “สั่งด่วน สินค้ามีจำนวนจำกัด” หรือ “สั่งเลย! สินค้าใกล้หมดแล้ว ล็อตใหม่รออีกนานมากกก”
สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้เขาตัดสินใจ อยากทำในทันที และบวกกับข้อ 2 ที่จะเร่งให้เขาอยากซื้อเร็วๆ ซึ่งการใส่คำเข้าไป 1 ประโยคจะกระตุ้นยอดขายให้แตกต่างจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบไม่น่าเชื่อ
4. ตอบช้าไม่ทันใจ ย้ายไปซื้อคนอื่นดีกว่า
พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้คือ ต้องการความรวดเร็วเป็นหลัก โดยเฉพาะลูกค้าออนไลน์ จะไม่ชอบรอมากกว่าลูกค้าประเภทอื่นๆ เขาทักมาเดี๋ยวนี้ เพื่อต้องการทราบข้อมูลเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณตอบโต้เขากลับได้ทันที ก็จะมีโอกาสปิดการขายได้ง่ายขึ้น
กลับกันถ้ารอจนกว่าคุณจะว่างแล้วค่อยตอบ ก็จะทำให้เขาไปใช้บริการคนอื่นแทน เพราะสินค้าคุณไม่ได้มีชิ้นเดียวในโลก ยิ่งออนไลน์ยิ่งเปิดกว้างและหาของทดแทนได้โดยง่าย ดังนั้นความไวในการตอบรับสิ่งต่างๆ ทั้งการตอบแชท การจัดส่ง การบริการหลังการขาย ทุกอย่างจะเป็นตัวแปรให้ยอดขายของคุณขึ้นหรือลงได้โดยตรง
5. เก็บราคาไว้ให้ถามใน inbox
สุดท้ายนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้นับเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และมีการยื่นเรื่องส่งฟ้องให้ได้รับการตรวจสอบหลายร้านแล้ว ซึ่งการไม่บอกสินค้าให้ชัดเจนแต่แรกนั้น หลายคนทำเพราะกลัวว่าถ้าบอกไป คู่แข่งจะเกิดการตัดราคาขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็เป็นความจริง แต่ในทางกลับกัน การทำให้สิ่งต่างๆ ยุ่งยาก ก็จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจยากขึ้น และไม่กล้าใช้บริการ
การใส่ราคาไว้ตั้งแต่ต้นในโฆษณาของคุณจะทำให้เขากล้าที่จะทักมาสอบถาม และช่วยลดกรองคนได้มาก คุณจะมั่นใจได้เลยว่า ลูกค้ากว่า 80% ที่เข้ามาสอบถามสินค้าจากโฆษณานั้น แทบจะทั้งหมดคุณสามารถปิดการขายได้ทันที เป็นเรื่องง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ตอนนี้เลย