5 วิธีทำงานให้คนรอบข้างรัก ไม่ว่าใครก็อยากให้ความช่วยเหลือ


สังคมในวัยทำงานนั้นเป็นสังคมที่แตกต่างจากในวัยเรียนอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และมาพร้อมกับความมั่นใจในรูปแบบที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันในหลายๆ ครั้งก่อเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำที่นำไปสู่การนินทา แบ่งกลุ่ม แบ่งพวก และเกิดเป็นสังคมทำงานที่ไม่น่าอยู่แบบที่หลายคนเคยพบเจอ

ดังนั้นการที่คุณเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้บริหาร เจ้าของกิจการ หรือพนักงานทั่วไป ก็วรจะต้องมีทักษะการอยู่ร่วมในสังคมที่จะทำให้คนรอบข้างยอมรับ และอยากให้ความช่วยเหลือ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้คุณอยู่ร่วมกับทุกคนได้โดยไม่มีปัญหา

1. เป็นฝ่ายทักทายทุกคนก่อน
ถ้าต้องรอให้ใครมาทำดีกับคุณ คุณถึงจะทำดีกับเขาตอบ บอกเลยว่าชีวิตการทำงานไม่ง่ายแน่นอนครับ เพราะการจะทำให้บรรยากาศรอบตัวคุณดีขึ้นได้นั้น คุณต้องเป็นคนเข้าหา ไม่ใช่รอให้ใครมาเข้าหาคุณ อย่าทำงานไปวันๆ เหมือนคุณอยู่ตัวคนเดียว แต่ต้องร่าเริง สดใส และทำตัวให้เข้าถึงง่ายเข้าไว้ ซึ่งแค่เพียงคำทักทายเวลาเจอหน้า หรือยิ้มให้กันทุกครั้งเวลาสบตา ก็เพียงพอที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณและคนรอบตัวไว้ได้แล้ว

2. ช่วยเหลือทุกคนเมื่อมีโอกาส
การยื่นมือช่วยเหลือคนรอบข้างเสมอทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จะทำให้เขาเหล่านั้นมองเห็นคุณค่าของคุณ และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ทำได้อย่างง่ายดาย แต่ได้ผลอย่างมหาศาล เนื่องจากในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีแต่คนคอยเอาเปรียบกัน การที่คุณจะเป็นหนึ่งในคนที่คอยรับฟังเวลาเพื่อนร่วมงานมีปัญหา หรือคอยเป็นที่พึ่งเวลาที่เขาเดือดร้อน จะทำให้คุณมีบรรยากาศและความสัมพันธ์ที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

การช่วยเหลือเขาเหล่านั้นในครั้งนี้นอกจากจะทำให้บรรยากาศการทำงานของคุณดีขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณมีคอนเนคชั่นชั้นดีที่สามารถขอความช่วยเหลือกลับได้เมื่อเกิดความลำบากด้วย

3. อยู่ให้ห่างไกลจากวงนินทา
ไม่มีใครชอบหรอกครับการถูกพูดถึงในด้านไม่ดี ซึ่งนี่เป็นปัญหาหลักของคนทำงานที่ทำให้การทำงานไม่มีความสุข และที่น่าแปลกใจคือ แทบจะทุกสังคม ทุกสถานที่ ต้องมีสิ่งนี้อยู่ แต่ไม่ใช่ว่าการมีอยู่ของมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คุณเองต้องรักษาระยะห่างจากการสนทนาเหล่านี้เอาไว้

โดยถ้าคุณได้ยินคนตรงหน้ากำลังนินทาใครสักคนอยู่ สิ่งที่ต้องทำคือ อยู่เฉยๆ แล้วเดินจากไป เมื่อเขารู้ว่าคุณไม่ใช่หนึ่งในคนที่จะร่วมนินทาใครต่อใครอย่างสนุกปาก เขาจะหยุดเอง ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้คุณรักษาความสัมพันธ์กับทุกคนเอาไว้ได้ และเกิดเป็นความน่าเชื่อถือ น่าเชื่อใจ และได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมงานของคุณ

4. ส่งต่อความสำเร็จอย่างไม่ลังเล
วงการเพื่อนร่วมงานสิ่งที่หลายๆ คนรับรู้ได้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก็คือ การแข่งขัน เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งระดับสูงได้นั้นมีเพียงไม่กี่คนจากเหล่าพนักงานทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดการขัดขากัน หรือบางครั้งอาจเกิดความอิจฉาขึ้นในหมู่เพื่อนร่วมงาน บางคนรู้ว่าอีกคนได้เงินเดือนมากกว่า ก็พาลทำงานน้อยลง และอ้างว่าตัวเองได้เงินเดือนน้อย ฝั่งนั้นควรทำงานมากกว่า ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด และมีแต่จะทำให้ชีวิตการทำงานไม่มีความสุข
สิ่งที่คุณควรทำคือ ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างจริงใจ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ เมื่อโอกาสเปิดกว้างให้กับคนที่มีฝีมือ ก็ควรส่งต่อให้คนคนนั้นอย่างไม่ลังเล ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณสามารถรับงานที่หนักนั้นได้ ก็จงเสนอชื่อตัวเอง แต่ถ้าคุณรู้ว่าเพื่อนร่วมงาน หรือคนในทีมของคุณทำมันออกมาได้ดีกว่า ก็จงเปิดโอกาสให้กับเขา แล้วความจริงใจนั้นจะย้อนนำสิ่งดีๆ กลับมาหาคุณอย่างแน่นอน

5. ชมคนอื่นให้เป็นนิสัย
สุดท้ายแล้วคำชมที่จริงใจก็คือตัวทลายกำแพงชั้นดี และจะช่วยสร้างบรรยากาศรอบตัวคุณให้น่าอยู่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคำชมที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ทั้งความสัมพันธ์ และมุมมองที่อีกฝ่ายมีต่อคุณก็คือ ชมในสิ่งที่เป็นความจริง เทคนิคง่ายๆ คือ เวลาคุณมองที่คุ่สนทนา คุณเห็นว่าเขามีอะไรที่โดดเด่น ก็จงพูดและชื่นชมในสิ่งนั้นออกไป
หรือบางครั้งเพื่อนร่วมงานคุณอาจจะทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ก็สามารถพูดถึงประเด็นนั้นได้เช่นกัน เช่น บางคนใส่เสื้อผ้าที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ก็อาจจะชมว่าชุดสวย หรือบางคนแต่งหน้าเข้มกว่าปกติ ก็อาจจะชมเรื่องการแต่งหน้านั้นก็ได้เช่นกัน หมั่นพูดชมคนอื่นให้ติดเป็นนิสัย แล้วคุณจะกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ และรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ด้วย

สังคมในวัยทำงานนั้นเป้นสังคมที่แตกต่างจากในวัยเรียนอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และมาพร้อมกับความมั่นใจในรูปแบบที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันในหลายๆ ครั้งก่อเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำที่นำไปสู่การนินทา แบ่งกลุ่ม แบ่งพวก และเกิดเป็นสังคมทำงานที่ไม่น่าอยู่แบบที่หลายคนเคยพบเจอ

ดังนั้นการที่คุณเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้บริหาร เจ้าของกิจการ หรือพนักงานทั่วไป ก็วรจะต้องมีทักษะการอยู่ร่วมในสังคมที่จะทำให้คนรอบข้างยอมรับ และอยากให้ความช่วยเหลือ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้คุณอยู่ร่วมกับทุกคนได้โดยไม่มีปัญหา

 

1. เป็นฝ่ายทักทายทุกคนก่อน

ถ้าต้องรอให้ใครมาทำดีกับคุณ คุณถึงจะทำดีกับเขาตอบ บอกเลยว่าชีวิตการทำงานไม่ง่ายแน่นอนครับ เพราะการจะทำให้บรรยากาศรอบตัวคุณดีขึ้นได้นั้น คุณต้องเป็นคนเข้าหา ไม่ใช่รอให้ใครมาเข้าหาคุณ อย่าทำงานไปวันๆ เหมือนคุณอยู่ตัวคนเดียว

แต่ต้องร่าเริง สดใส และทำตัวให้เข้าถึงง่ายเข้าไว้ ซึ่งแค่เพียงคำทักทายเวลาเจอหน้า หรือยิ้มให้กันทุกครั้งเวลาสบตา ก็เพียงพอที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณและคนรอบตัวไว้ได้แล้ว

 

2. ช่วยเหลือทุกคนเมื่อมีโอกาส

การยื่นมือช่วยเหลือคนรอบข้างเสมอทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จะทำให้เขาเหล่านั้นมองเห็นคุณค่าของคุณ และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ทำได้อย่างง่ายดาย แต่ได้ผลอย่างมหาศาล เนื่องจากในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีแต่คนคอยเอาเปรียบกัน การที่คุณจะเป็นหนึ่งในคนที่คอยรับฟังเวลาเพื่อนร่วมงานมีปัญหา หรือคอยเป็นที่พึ่งเวลาที่เขาเดือดร้อน จะทำให้คุณมีบรรยากาศและความสัมพันธ์ที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

การช่วยเหลือเขาเหล่านั้นในครั้งนี้นอกจากจะทำให้บรรยากาศการทำงานของคุณดีขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณมีคอนเนคชั่นชั้นดีที่สามารถขอความช่วยเหลือกลับได้เมื่อเกิดความลำบากด้วย

 

3. อยู่ให้ห่างไกลจากวงนินทา

ไม่มีใครชอบหรอกครับการถูกพูดถึงในด้านไม่ดี ซึ่งนี่เป็นปัญหาหลักของคนทำงานที่ทำให้การทำงานไม่มีความสุข และที่น่าแปลกใจคือ แทบจะทุกสังคม ทุกสถานที่ ต้องมีสิ่งนี้อยู่ แต่ไม่ใช่ว่าการมีอยู่ของมันเป้นสิ่งที่ถูกต้อง คุณเองต้องรักษาระยะห่างจากการสนทนาเหล่านี้เอาไว้

โดยถ้าคุณได้ยินคนตรงหน้ากำลังนินทาใครสักคนอยู่ สิ่งที่ต้องทำคือ อยู่เฉยๆ แล้วเดินจากไป เมื่อเขารู้ว่าคุณไม่ใช่หนึ่งในคนที่จะร่วมนินทาใครต่อใครอย่างสนุกปาก เขาจะหยุดเอง ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้คุณรักษาความสัมพันธ์กับทุกคนเอาไว้ได้ และเกิดเป็นความน่าเชื่อถือ น่าเชื่อใจ และได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมงานของคุณ

 

4. ส่งต่อความสำเร็จอย่างไม่ลังเล

วงการเพื่อนร่วมงานสิ่งที่หลายๆ คนรับรู้ได้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก็คือ การแข่งขัน เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งระดับสูงได้นั้นมีเพียงไม่กี่คนจากเหล่าพนักงานทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดการขัดขากัน หรือบางครั้งอาจเกิดความอิจฉาขึ้นในหมู่เพื่อนร่วมงาน บางคนรู้ว่าอีกคนได้เงินเดือนมากกว่า ก็พาลทำงานน้อยลง และอ้างว่าตัวเองได้เงินเดือนน้อย ฝั่งนั้นควรทำงานมากกว่า ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด และมีแต่จะทำให้ชีวิตการทำงานไม่มีความสุข

สิ่งที่คุณควรทำคือ ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างจริงใจ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ เมื่อโอกาสเปิดกว้างให้กับคนที่มีฝีมือ ก็ควรส่งต่อให้คนคนนั้นอย่างไม่ลังเล ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณสามารถรับงานที่หนักนั้นได้ ก็จงเสนอชื่อตัวเอง แต่ถ้าคุณรู้ว่าเพื่อนร่วมงาน หรือคนในทีมของคุณทำมันออกมาได้ดีกว่า ก็จงเปิดโอกาสให้กับเขา แล้วความจริงใจนั้นจะย้อนนำสิ่งดีๆ กลับมาหาคุณอย่างแน่นอน

 

5. ชมคนอื่นให้เป็นนิสัย

สุดท้ายแล้วคำชมที่จริงใจก็คือตัวทลายกำแพงชั้นดี และจะช่วยสร้างบรรยากาศรอบตัวคุณให้น่าอยู่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคำชมที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ทั้งความสัมพันธ์ และมุมมองที่อีกฝ่ายมีต่อคุณก็คือ ชมในสิ่งที่เป็นความจริง เทคนิคง่ายๆ คือ เวลาคุณมองที่คุ่สนทนา คุณเห็นว่าเขามีอะไรที่โดดเด่น ก็จงพูดและชื่นชมในสิ่งนั้นออกไป

หรือบางครั้งเพื่อนร่วมงานคุณอาจจะทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ก็สามารถพูดถึงประเด็นนั้นได้เช่นกัน เช่น บางคนใส่เสื้อผ้าที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ก็อาจจะชมว่าชุดสวย หรือบางคนแต่งหน้าเข้มกว่าปกติ ก็อาจจะชมเรื่องการแต่งหน้านั้นก็ได้เช่นกัน หมั่นพูดชมคนอื่นให้ติดเป็นนิสัย แล้วคุณจะกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ และรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ด้วย