รับมือยังไงถ้า “ราคา” ที่ตั้งไว้ แพงไปสำหรับลูกค้า


การทำธุรกิจแล้วเจอลูกค้าเข้ามาสอบถามสินค้า และพบว่าราคาของคุณแพงเกินไปนั้น เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อยมาก
ซึ่งนั่นหมายความว่าลูกค้าได้เข้ามาหาคุณแล้ว คุณเกือบจะปิดการขายได้แล้ว แต่ติดตรงที่ราคาของคุณแพงเกินไปกว่าที่ลูกค้าหวัง

หลายคนไม่สามารถหาทางออกได้ ไม่รู้จะต้องตอบลูกค้าไปยังไง หรือมีวิธีใดที่จะปิดการขายในเหตุการณ์แบบนี้ได้บ้าง
ซึ่งการจะรับมือกับคำพูดของลูกค้าที่บ่งบอกว่าสินค้าของคุณมีราคาแพงนั้น ในความเป็นจริงสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน
คุณสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจตัวเองได้เลย

เสนอตัวช่วยอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องการ

การที่ราคาของคุณแพงไปสักหน่อย ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องตัดใจทันที ปิดการขายคนนี้ไม่ได้แน่นอนแต่มันเป็นการที่คุณต้องพยายามหาสิ่งอื่นสิ่งใดมาทดแทนความต้องการส่วนนั้นของเขา เช่น คุณอาจจะเปลี่ยนจากการลดราคามาเป็นการเพิ่มของแถมสุดพิเศษให้ลูกค้าโดยเฉพาะหรืออาจจะเปลี่ยนจากชำระเงินสด ให้มีการผ่อนชำระได้ รวมถึงอาจจะเสนอเป็นคูปองส่วนลดในการใช้งานครั้งต่อไปก็ได้เช่นกัน

ลูกค้าส่วนมากหวังจะได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าใคร

ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยคุณได้แน่นอน นั่นคือบอกจุดเด่น ข้อดี ที่ทำให้สินค้ามีราคาแพง ถ้าคุณมั่นใจว่าการที่สินค้าคุณมีราคาแพงกว่าที่อื่นเป็นเพราะคุณมีจุดเด่นที่แตกต่างกับเขามากมาย คุณสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาพูดอธิบายได้เลยว่า สินค้าของคุณดีกว่ายังไงบ้างโดยไม่ต้องพูดโจมตีว่าสินค้าของเจ้าอื่นแย่ยังไง เพียงแต่ยกเหตุผลและหลักความเป็นจริงในข้อดีของสินค้าคุณขึ้นมาพูด นอกนั้นให้ลูกค้าตัดสินใจด้วยตัวเอง จะทำให้เขาเชื่อมั่นในคำพูดคุณมากกว่า ถ้าคุณไปโน้มน้าวโจมตีคู่แข่ง จะทำให้เกิดความคิดขัดแย้งขึ้นในใจลูกค้าและมองว่าคุณไม่มีความน่าเชื่อถือ

สอบถามความต้องการเพิ่มเติม

ถ้าคุณไม่รู้จะรับมือกับประโยคที่บอกว่าสินค้าของคุณแพงเกินไปด้วยวิธีไหน ให้คุณสอบถามลูกค้าโดยตรงเลยครับว่าเขาต้องการอะไร เช่น “คุณลูกค้าสนใจสิ่งไหนเพิ่มเติม หรือพอจะมีอะไรให้ทางผมช่วยได้มั้ยครับ” ก็จะทำให้เขากล้าที่จะเปิดใจเรียกร้องสิ่งต่างๆ ออกมาดีกว่าการที่คุณยืนยันในราคาเท่าเดิม และไม่เปิดช่องให้เขาได้ต่อรองซึ่งทำให้ชวดยอดขายไปอย่างแน่นอน

ปิดจุดอ่อนด้วยการเสริมจุดแข็ง

ถ้าคุณรู้ว่าสินค้าของคุณมีราคาแพงกว่าท้องตลาดมาก นั่นนับเป็นจุดอ่อนของคุณแต่คุณสามารถปิดจุดอ่อนนี้ได้ ด้วยการสร้างจุดแข็งด้านอื่นขึ้นมาแทน เช่น การรับประกันสินค้า การส่งของรวดเร็วฉับไว การมีหน้าร้านให้รับของได้เองทันที
หรือแม้แต่การบริการหลังการขายที่น่าประทับใจ 

ทุกอย่างสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวคุณเอง ซึ่งคุณสามารถนำจุดแข็งเหล่านี้ไปบอกลูกค้าได้ว่า ที่คุณต้องขายราคาแพงกว่าเพราะคุณมีออพชั่นบริการหลังการขายที่เพิ่มขึ้นมายังไงบ้าง เพื่อให้เขารู้ว่าส่วนที่เขาต้องเสียแพงกว่า มันคือค่าอะไรนั่นเอง