จริงไหม? งานยาก-เพื่อนร่วมงานไม่ดี ยังไม่แย่เท่ากับการเจอหัวหน้าที่ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม


สำหรับพนักงานแล้ว การเจองานยาก เจอเพื่อนร่วมงานไม่ดี ยังไม่แย่เท่ากับการเจอหัวหน้าที่ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม หรือหัวหน้าที่มีภาวะความเป็นผู้นำบกพร่อง เพราะนิสัยเสียต่าง ๆ เหล่านี้ บวกกับตำแหน่งหน้าที่ที่สูงส่งกว่าทุกคนในออฟฟิศ จะยิ่งทำให้เขาก้าวก่าย และแสดงถึงการใช้อำนาจในทางที่ผิดมากกว่าปกติ ซึ่งตรงนี้มีผลการวิจัยออกมาแล้วพบว่า คนจะทนทำงานกับเจ้านายยอดแย่เพียงแค่ 1-2 ปีเท่านั้น ก่อนที่เขาจะลาออก ซึ่งเป็นสถิติที่แสดงถึงความยุ่งยากในการทำธุรกิจอย่างมาก

เพราะ 1-2 ปีแรกเป็นปีที่เหนื่อยที่สุดในการรับสมัครพนักงานเข้ามา เพราะมันเป็นปีแห่งการเรียนรู้ และฝึกงาน ซึ่งเมื่อเข้าปีที่สองนั่นหมายความว่าพนักงานคนนั้นมีประสบการณ์มากพอจะปล่อยให้ทำงานด้วยตัวเองได้ แต่เพราะเจอกับเจ้านายยอดแย่ ทำให้เขาเหล่านั้นต้องลาออก และองค์กรของคุณจะเหน็ดเหนื่อยไม่จบสิ้น เพราะต้องเจอกับช่วงเวลาสอนงานใหม่อยู่เสมอ

เพราะฉะนั้นปัญหาของการมีหัวหน้ายอดแย่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่อาจฉุดรั้งองค์กรของคุณให้ต้องเหนื่อยโดยไม่รู้ตัวมานานหลายปี ดังนั้นตรวจสอบพฤติกรรมของบอส หรือหัวหน้าคนคุมงานของคุณให้ดี ว่าเขามีพฤติกรรมทั้ง 5 ข้อเสียเหล่านี้รึเปล่า

1. ไม่ให้เกียรติกัน

เจ้านายที่พูดจาแบบไม่ให้เกียรติลูกน้อง ชอบด่า ชอบว่า โดยไม่มีเหตุผลรองรับนั้น เป็นคนที่ลูกน้องเกลียดมากที่สุด และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ลูกน้องตัดสินใจลาออกสูงที่สุดเช่นกัน ซึ่งถึงแม้จะสนิทสนมกับลูกน้องแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรพูดคุยกันโดยใช้คำหยาบหรือคำดูถูกที่ไม่เหมาะสม เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์สนิทสนมกันมากขึ้น ยังส่งผลต่อจิตใจของคนฟัง อีกทั้งเมื่อใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้บ่อย ๆ เจ้านายเหล่านั้นจะเคยชิน ทำให้การดุ หรือตักเตือนในเรื่องต่าง ๆ ต่อไปกลายเป็นการใส่อารมณ์มากกว่าเหตุผลอีกด้วย

2. ด่า ว่า ออกสื่อ

หัวหน้าที่ดีต้องว่าในที่ลับ ชมในที่แจ้ง การกระทำแบบนี้จะช่วยให้พนักงานมีกำลังใจมากขึ้น เพราะเมื่อโดนชมต่อหน้าคนเยอะ ก็ทำให้มีไฟ อยากจะพัฒนาตัวเองต่อไป และการโดนว่าในที่ลับก็จะทำให้พนักงานรู้สึกได้ว่าหัวหน้าคนนั้นกำลังให้เกียรติตัวเขา และให้โอกาสกับเขา เพื่อจะแก้ไขสิ่งผิดพลาดต่อไป ซึ่งแตกต่างกับการต่อว่าออกสื่อ หรือต่อหน้าคนเยอะ ๆ โดยสิ้นเชิง เพราะพฤติกรรมแบบนี้จะทำให้ลูกน้องรู้สึกอาย ขายหน้า และเกิดเป็นความขัดแย้งขึ้นในใจ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น ในแง่การทำงานพนักงานคนดังกล่าวก็ไม่อยากจะร่วมงานกับหัวหน้าคนเดิม หรืออาจจะส่งผลให้เกิดผลงานที่แย่ตามมา

 

 

3. ไม่รับฟังความคิดเห็นใคร

คนที่ขึ้นเป็นหัวหน้าได้นั้นหนึ่งในคุณสมบัติที่ต้องมีติดตัวคือ ความมั่นใจในตัวเอง เพราะเขาต้องเก่งจริงแน่นอน ถึงจะเป็นหัวหน้า มาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ แต่เพราะความมั่นใจตรงนี้บางทีก็อาจทำให้เกิดการปิดกั้น ไม่รับฟังความเห็นของใคร ซึ่งมากกว่า 50% ของลูกน้องส่วนใหญ่จะทนไม่ได้กับหัวหน้ารูปแบบนี้ โดยเฉพาะกับโลกยุคใหม่ที่พนักงานที่เข้ามาสมัครในทุกๆ วันจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากแสดงศักยภาพที่มีออกมา อยากปล่อยของให้เร็วที่สุด การถูกปิดกั้นความคิดเห็น ไม่มีใครรับฟัง จะเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันให้พวกเขายื่นใบลาออกเท่านั้นเอง

4. ไม่เคยผิดในสายตาตัวเอง

หัวหน้าที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการลาออกของลูกน้องมากมาย หัวหน้าประเภทนี้จะไม่มองว่าตัวเองผิดเลย เขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกตลอด หรือต่อให้ผิดจริง ก็จะไม่ขอโทษ และปล่อยผ่าน หรืออ้างเหตุผลต่างๆ ขึ้นมา แต่เมื่อไหร่ที่ลูกน้องเป็นฝ่ายผิดบ้าง เขาจะต่อว่าแบบไม่มีการให้อภัย หัวหน้าประเภทนี้เป็นคนที่ลูกน้องไม่อยากร่วมงานด้วย และไม่ใช่แค่เขาจะสร้างความลำบากใจให้คนรอบข้างเท่านั้น แต่เขายังจะทำให้องค์กรของคุณต้องเกิดปัญหาตามมาจากการไม่ยอมรับฟัง และรับผิดของเขา

5. ชอบโกหก

พนักงาน หรือคนทำงานกว่า 42% จะลาออกเมื่อต้องพบเจอกับหัวหน้าที่ชอบโกหก หรือชอบลืม ไม่รักษาคำพูดที่ตัวเองได้เคยบอกไว้ เช่น หัวหน้าบางคนอาจเคยรับปากว่าจะช่วยเหลือพนักงานเมื่อเกิดปัญหา บางคนอาจเคยสัญญาว่าจะให้เงินเดือนขึ้นเมื่อผ่านช่วงวิกฤตไป หรือบางคนอาจเคยให้ความหวังอะไรไว้กับลูกน้อง สิ่งเหล่านี้ที่หลุดออกมาเป็นคำพูดนั้นสามารถสร้างความคาดหวังให้คนทำงานได้ทั้งสิ้น และเขาเหล่านั้นจะจดจำฝังใจ รวมถึงจะคอยสังเกตพฤติกรรมหัวหน้าต่อไป เมื่อเกิดการผิดสัญญา หรือไม่รักษาคำพูดบ่อยๆ เขาจะจับกลุ่มเมาท์ให้หัวหน้าขาดความน่าเชื่อถือ และนำไปสู่การลาออกแน่นอนในอนาคต