How-To

4 ขั้นตอนที่จะปั้นให้คุณเป็นฮีโร่ในที่ทำงาน

ทุกวันนี้หลังจากผ่านเวลาที่ควรจะเลิกงานไปแล้ว แต่คุณก็ยังเป็นหนึ่งคนที่รู้สึกว่างานยังไม่เสร็จ ก็เลยต้องขอนั่งทำงานต่ออีกหน่อย ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหลายคนกลับบ้านไปแล้วพร้อมผลงานชั้นเยี่ยม อะไรทำให้เกิดความแตกต่างแบบนี้ ทั้งๆ ที่เราทุกคนก็มีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันเท่าๆ กัน โชคดีที่เรื่องนี้มีทางออกเป็นแบบวิทยาศาสตร์ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาตัวเองกันได้ และนี่คือวิธีที่จะทำให้คุณสามารถพัฒนาผลงานในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองทำดูแล้วคุณจะกลายเป็นดาวเด่นในที่ทำงานอย่างแน่นอน 4 วิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานในแต่ละวัน 1. จัดลำดับความสำคัญของงานตามระดับพลังงานของคุณในแต่ละช่วงเวลา คุณต้องเริ่มจากการค้นหาตัวเองให้เจอก่อนว่าคุณเป็น “นกหากินเช้า” หรือเป็น “นกฮูก” เรื่องนี้สำคัญ เพราะระดับพลังงานในตัวของคนเราจะมีไม่เท่ากันในแต่ละช่วงเวลา บางคนตอนเช้าพลังงานสูงทำให้สามารถจัดการเรื่องยากๆ ได้ในตอนเช้า บางคนพลังงานดีดขึ้นสูงช่วงบ่ายก็จะทำงานได้ดีในช่วงเวลานั้น ดังนั้นคุณควรจะใช้เวลาตลอดสัปดาห์ทำการทดลองและจดบันทึกว่า ในแต่ละวันนั้นช่วงเวลาใดที่ระดับพลังงานของคุณพุ่งสูง และช่วงเวลาใดที่พลังงานของคุณตกต่ำ เก็บงานที่ยากๆ เอาไว้ทำตอนพลังงานสูง เอางานที่ใช้แรงงานเก็บไว้ทำตอนพลังงานต่ำ 2. ค้นหาความสงบเงียบให้เจอ พนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ 32% บอกว่าผู้ร้ายตัวจริงที่คอยขัดขวางการทำงานก็คือ มนุษย์ช่างจ้อในที่ทำงานนั่นเอง เพราะถ้าสภาพในที่ทำงานของคุณเต็มไปด้วยการพูดคุย มันก็จะทำให้คุณไม่สามารถรวบรวมสมาธิเพื่อทำงานที่สำคัญได้เลย ดังนั้นเวลาที่คุณต้องการโฟกัสกับงานหลักก็หาสถานที่เงียบสงบให้เจอ ส่วนเรื่องการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานนั้นเก็บเอาไว้ตอนทางกาแฟหรือตอนทานข้าวจะดีกว่าเยอะเลย อย่าให้ใครมารบกวนชั่วโมงทองคำของคุณเด็ดขาด 3. สร้างพื้นที่ส่วนตัวสำหรับงานชิ้นเอก เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะมีพนักงานมากถึง 58% บอกว่าต้องการพื้นที่ทำงานที่เงียบกว่าเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ หากในออฟฟิศของคุณมีห้องประชุมขนาดเล็กเตรียมเอาไว้สำหรับงานที่ต้องโฟกัส จงไปใช้ห้องประชุมนั้นเมื่อถึงเวลาของงานชิ้นเอกของคุณ แล้วถ้าคุณยังหาพื้นที่ส่วนตัวไม่เจอก็ขอแนะนำให้ทำการลงทุนกับการซื้อ หูฟังตัดเสียงรบกวน เพราะด้วยเจ้าหูฟังแบบนี้มันจะช่วยสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้กับคุณโดยที่คุณไม่ต้องลุกย้ายไปไหน 4. […]

ถอดรหัส DNA คนรวย ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาเป็นใครมาจากไหน

Thomas C. Corley เจ้าของงานวิจัย Rich Habits ทำการคลุกคลีกับคนที่ร่ำรวยจำนวน 233 คน เขาใช้เวลามากถึง 5 ปีในการถอดรหัสออกมาได้ว่า คนรวยเป็นใครมาจากไหนทำอาชีพอะไร และทำอย่างไรถึงรวย คุณสมบัติที่ตรงกันของ “คนรวย” 13% เป็นพนักงานขาย 28% มีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทขนาดใหญ่ 63% ทำการเสี่ยงด้วยการลงทุน 68% จบการศึกษาระดับวิทยาลัย 25% จบการศึกษาระดับปริญญาโท 86% ทำงานมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้หากมองดูแล้วไม่ยากเกินไปที่เราจะเป็นได้เลย แต่ข้อหนึ่งที่ควรจะพิจารณาเป็นพิเศษคือบรรดาคนรวยล้วนแล้วแต่ทำงานหนัก 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ในขณะที่พวกเราทำ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็บ่นว่าหนักแล้ว) กิจกรรมที่ “คนรวย” เลือกที่จะทำ 49% พวกเขาเป็นเป็น Saver และ Investors ในตัว นั่นหมายถึงคนเหล่านี้เลือกที่จะทำการออม แล้วนำเงินที่ออมได้ไปทำการลงทุนต่อ 18% พวกเขาพาตัวเองขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่โต พวกเขาพยายามผลักดันตันเองให้ไปถึงจุดสูงสุดในอาชีพของตัวเอง 7% เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆ ในสาขาอาชีพของพวกเขา อันนี้คำตอบชัดเจนอยู่แล้วในตัว […]

โพสต์แบบนี้ ควรลง Social Media ตัวไหน เพื่อให้ถูกใจผู้ใช้งานที่สุด!

โลกออนไลน์นี้มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้คุณเลือกใช้อยู่เยอะมาก ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็คงเป็น Facebook IG Twitter Line และอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานในแต่ละแพลตฟอร์มก็จะแตกต่างกันออกไป ทำให้นิสัย หรือพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละตัวก็จะไม่เหมือนกันตามไปด้วย ดังนั้นหน้าที่และความเหนื่อยนี้จึงตกเป็นของคุณ ผู้ที่ต้องทำคอนเทนต์ป้อนลงโซเชียลมีเดียต่างๆ หากคุณไม่ศึกษาให้ดี ก็อาจทำให้คอนเทนต์ที่อุตส่าห์ลงแรง ลงใจทำมาตั้งนาน ไม่ได้ผลอย่างที่ควรจะเป็น กลายเป็นเสียเวลา เสียเงินฟรี และเป็นโพสต์ที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นศึกษาและทำความเข้าใจ Social Media เหล่านี้สักนิด แล้วจะพบว่าการลงคอนเทนต์ที่มันคลิก จะช่วยให้ปังมากกว่าเดิม! ข้อมูลยาวมาก ใช้เวลาอ่านนานถ้าคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ใช้ลงข้อมูลยาวๆ ให้ตามอ่านแบบน่าสนใจ และมีประโยชน์ ควรนำไปลงในเว็บไซต์มากกว่าจะมาลงในโซเชียลมีเดีย เพราะพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่จะใช้เวลายาวนานกับการอ่านเว็บไซต์มากกว่า และชื่นชอบข้อมูลที่มีประโยชน์บนเว็บไซต์ เขาจะมองว่ามันน่าเชื่อถือ และน่าสนใจ อีกทั้งการลงข้อมูลยาวๆ ที่มีประโยชน์และผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ SEO ในเรื่องนั้นด้วย อัปเดทข้อมูลสินค้า แบบมีข้อความสั้นๆ ความสั้นนี้เหมาะกับการอัปเดทคอนเทนต์บน Line และ IG อย่างมาก เพราะกลุ่มผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มเหล่านี้จะชอบอะไรที่รวดเร็ว ทันใจ อ่านง่าย และมีข้อความเพียง 3-4 บรรทัดสั้นๆ ซึ่งสั้นกว่า Facebook […]

ทำยังไงให้งานไม่ล้นมือ ยุ่งน้อยลง งานเสร็จไวขึ้น

เมื่อได้รับตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้บริหาร หรือผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ การรับมือกับงานหนักก็ดูจะเป็นหนึ่งในทักษะที่คุณต้องมีติดตัวไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะคุณต้องแบกรับหน้าที่การรับผิดชอบทุกอย่างไว้ด้วยตัวเอง ทำให้ความเครียด และความเหนื่อยล้าเข้ามาถาโถม จะดีกว่าไหมถ้างานที่ล้นมือนี้ คุณสามารถทำให้เสร็จได้อย่างรวดเร็ว ตรงเวลา และที่สำคัญ ไม่ทับถมกันจนคุณหมดไฟ ซึ่งเทคนิคที่จะช่วยบริหารงานหนักให้เสร็จรวดเร็วว่องไวเหล่านี้ จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน แบ่งเวลาให้เป็น เห็นความสำคัญของคนรอบตัว คุณอาจจะสงสัยว่างานที่ล้นมือขนาดนี้ จะมองหาเวลาว่างที่ไหนไปให้คนรอบข้างอีก ซึ่งตรงนี้เองที่สำคัญมาก แต่คนยุ่งงานส่วนใหญ่ละเลย เพราะการที่คุณได้แบ่งเวลาไปพบปะเพื่อนๆ หรือมีเวลาให้คนรอบตัว สิ่งนี้จะช่วยฟื้นฟูพลังใจ สร้างความมุ่งมั่น และทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปได้ การที่คุณมีงานในมือเยอะ ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องไม่มีเวลาพัก เพียงแต่คุณต้องจัดสรรปันส่วนมันให้ได้เท่านั้นเอง โฟกัสกับงานที่ทำอย่างเต็มที่ เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องทำงาน ให้คุณนึกไว้เสมอว่างานนี้คือสิ่งสำคัญ ห้ามวอกแวกกับมันเด็ดขาด หลายคนทำงานไปเล่นไป พักไปทำไป ซึ่งส่งผลให้งานเสร็จช้าลงกว่าที่ควรจะเป็น และทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพ คุณต้องมีสมาธิกับงานตรงหน้าอย่างเต็มที่ อย่าให้อะไรมารบกวนจนกว่างานที่วางไว้จะเสร็จ และค่อยให้รางวัลความสำเร็จตัวเองหลังเสร็จสิ้นงานเหล่านั้นก็ยังไม่สาย จัดแบ่งงานทุกอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เมื่อนำงานมากองสุมกันแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง จะทำให้คุณว้าวุ่นและรู้สึกกังวล มองไม่เห็นทิศทางว่าเมื่อไหร่งานจะสำเร็จ เมื่อไหร่งานทุกอย่างจะจบลง แต่ถ้าคุณลองใช้เวลาก่อนเริ่มในการแบ่งงานทั้งหมดออกมาวาง และจัดตารางการทำงานให้มันอย่างลงตัว ดูว่างานไหนก่อน งานไหนหลัง งานไหนสำคัญ งานไหนรีบใช้ ก็จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างเป็นระบบ และมองเห็นภาพมากขึ้นว่าวันนี้คุณต้องทำงานอะไร มากน้อยเท่าไหร่ และสามารถนำมาเฉลี่ยกันในแต่ละวันให้คุณทำงานได้อย่างไม่หักโหม พร้อมมีเวลาพักให้กับตัวเอง […]

ส่อง! โอกาสตลาดเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนาม SME ไทยมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน

ตลาดเฟอร์นิเจอร์ของเวียดนาม กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีศักยภาพสูงจากอานิสงส์ของการฟื้นตัวจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น บ้านพักอาศัย, รีสอร์ท และอพาร์ทเม้น ที่กลับมามีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สินค้าเฟอร์นิเจอร์ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในปี 2561 ตลาดสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของเวียดนามมีมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยความต้องการบริโภคสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้เฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 21 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี ซึ่งสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของเวียดนามจะนำเข้ามาจากต่างประเทศ ได้แก่ เยอรมนี, อิตาลี, สหรัฐฯ, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีสินค้าเฟอร์นิเจอร์จากจีนที่นำเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะมีราคาถูก และมีการดีไซน์ที่สะดุดตา สำหรับกลุ่มเป้าหมายของผู้ที่ซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนาม ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีรายได้สูง, ชาวต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัย รวมถึงสำนักงานที่เช่าตึกในฮานอย และโฮจิมินห์ ด้านสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของไทย ก็มีการนำเข้าไปขายในเวียดนามเช่นกัน โดยมองว่าเป็นตลาดที่น่าลงทุน เนื่องจากมีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตาม เรามาดูกันว่าสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไทยมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนในตลาดเวียดนาม จุดแข็ง ผู้บริโภคชาวเวียดนามมีความนิยมสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไทย เพราะมีมาตรฐาน ได้คุณภาพ ผู้ผลิตไทยสามารถผลิตสินค้าได้ตามออเดอร์ของลูกค้า สินค้าทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ไม้ยางพารา จุดอ่อน ผู้ประกอบไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ การวางแผนด้านการตลาด การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ โอกาส เวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีอัตราการขยายตัว […]

ทำไมบูทส์โพสต์ไม่ได้! ลองเช็คดู 10 ข้อห้ามโปรโมทโพสต์บน Facebook

เฟซบุ๊กเป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มหลักของประเทศไทย ที่มีคนใช้งานมากที่สุด และเป็นอีกหนึ่งแอปฯ ตัวท็อประดับโลก ซึ่งเมื่อมีคนใช้งานเยอะทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ สินค้าในระบบ Facebook เองก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้ต้องออกมาตรการในการป้องกันสินค้าต้องห้ามต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นคุณเองที่กำลังพยายามบูทส์โพสต์ เพื่อโปรโมทสินค้าของตัวเองอยู่ ต้องหันกลับมาดูด้วยว่า สินค้าของคุณนั้นถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของเฟซบุ๊กหรือไม่ เพราะสาเหตุที่ทำให้คุณบูทส์โพสต์ โฆษณาสินค้าไม่ได้ อาจเป็นเพราะขัดต่อหลักเกณฑ์ชุมชนเหล่านี้ก็ได้ 10 สินค้าต้องห้าม ไม่สามารถนำมาโฆษณาบน Facebook ได้ 1. สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลามก อนาจาร2. มีลิงก์เว็บไซต์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือไม่ปลอดภัย เช่น Malware และ Spyware 3. มีข้อความ หรือรูปภาพ ที่ส่อเสียดไปทางเรื่องลามก หรือความรุนแรง4. มีรูปภาพปลอม หรือข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ5. การโฆษณาเกินจริง เช่น รูปรีวิวลดน้ำหนักแบบ Before & After 6. อาหารเสริมที่ไม่ปลอดภัย หรือมีเนื้อหาที่เป็นเท็จ7. ข้อความ รวมถึงรูปภาพที่สนับสนุนการซื้อ ขาย ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย8. ข้อความ […]

เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับ Elon Musk ซะที ถ้าอยากประสบความสำเร็จ

มันคงได้เวลาที่เราจะเลิกแคร์แล้วว่า Elon Musk ทำงานวันละกี่ชั่วโมง เพราะถ้าคุณเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับเขา คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จและอาจจะหลงลืมความเป็นตัวเองไปตลอดกาล หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดตามการทำธุรกิจของ Elon Musk คุณอาจจะเชื่อว่าเขาคือแบบอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จจากการทุ่มเทลงไปบนจำนวนชั่วโมงทำงานอย่างบ้าคลั่ง ใช่แล้วเขาทำงานมากถึง 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงที่ธุรกิจของเขามีปัญหา มันอาจจะช่วยธุรกิจของเขาได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องแลกด้วยปัญหาด้านสุขภาพที่กำลังตามมา และโปรดเชื่อเถอะว่ามันไม่คุ้มที่จะทำแบบเขา หากคุณกำลังคิดว่าอยากจะลงลึกในรายละเอียดการทำงานแต่ละวันของเขา ว่าเขาทำอะไรบ้างเพื่อที่จะคัดลอกความสำเร็จ คิดใหม่ทำใหม่เถอะอย่าเสียเวลาไปกับเรื่องนี้อีกเลย หันกลับมามองตัวเอง แล้วให้เริ่มต้นคิดใหม่ว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งในต้นแบบที่ดีได้ การเปรียบเทียบตัวเองกับบรรดาคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี คุณคิดว่าจะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่จะอดนอน หรือทานอาหารไม่เป็นเวลาแล้วประสบความสำเร็จ มนุษย์เรามีความแตกต่างและมีความสามารถแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างง่ายๆ มีนักเทนนิสคนไหนที่เล่นฟุตบอลเก่งบ้าง และในทางกลับกันมีนักฟุตบอลคนไหนเล่นเทนนิสเก่งบ้าง ใช่แล้วคนเราต่างคนต่างก็มีความสามารถที่เหมาะสมกับตัวเอง ดังนั้นเลิกสนใจ Musk เถอะว่าเขาจะกินน้อยนอนน้อยหรือบ้าทำงานขนาดไหน เพราะความสามารถของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงทำงานของเขา ทางที่ดีคุณควรจะกลับมามองตัวเองแล้วค้นหาแนวทางที่เหมาะกับตัวของคุณ ความจริงก็คือมันไม่สำคัญหรอกว่าคนอื่นกำลังทำอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณเองมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่กับตัวหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือคุณต้องใช้ประโยชน์สูงสุดในแต่ละวันเพื่อเป้าหมายของคุณเท่านั้น เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แล้วกำหนดเส้นทางความสำเร็จในแบบของคุณเอง อ้างอิง: https://www.inc.com/wanda-thibodeaux/why-you-shouldnt-care-how-many-hours-elon-musk-works.html?cid=readmoretext_ab

เทคนิคง่ายๆ ในการตั้งชื่อร้านอาหารให้ปัง ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักคุณ!

ชื่อร้านอาหาร ก็เปรียบเหมือนชื่อเรียกของคน ซึ่งถ้าคุณสามารถตั้งชื่อให้น่าฟัง น่าสนใจและทุกคนนึกออกแล้วร้องอ๋อได้ทันทีที่ได้ฟัง จะทำให้ร้านของคุณเป็นที่พูดถึง และฝังอยู่ในใจลูกค้าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการที่คุณเป็นที่จดจำได้นั้นมีข้อดีอยู่เยอะมาก เพราะนั่นหมายถึงคุณจะผูกพันกับลูกค้าง่ายขึ้น ร้านของคุณจะถูกลูกค้าจดจำและนึกถึงอยู่เสมอ เวลาเขาต้องการทานอาหารสักร้านนึง ร้านคุณจะผุดขึ้นมาเป็นร้านแรก เทคนิคการตั้งชื่อให้เป็นที่จดจำนั้นไม่ได้มีแค่ในเฉพาะร้านค้าเท่านั้น แต่ยังโยงไปถึงธุรกิจทุกอย่าง สินค้าทุกชิ้นของโลกใบนี้ ซึ่งถ้าคุณจดจำเทคนิคนี้ไปใช้กับร้านอาหารของคุณได้ คุณก็สามารถเรียกแขกเข้าร้านได้มากกว่าเดิมแน่นอน 1. สั้น กระชับ ตรงใจ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีคำแค่ 2-5 พยางค์เท่านั้นเองครับ สังเกตดูได้เลย ซึ่งจะทำให้ร้านเหล่านั้นเป็นที่จดจำได้ง่ายมาก ซึ่งถ้าร้านอาหารของคุณมีชื่อที่ยาวเกินไป กว่าลูกค้าจะเรียกชื่อร้านจบก็คงหมดบทสนทนาพอดี ซึ่งร้านอาหารที่มีชื่อสั้นๆ จะทำให้จดจำได้ง่ายมาก เช่น โอ้กะจู๋ คุ้มกะตังค์ โจนส์สลัด สังเกตว่าจำนวนคำจะน้อยมาก และเป็นชื่อที่มีเอกลักษณ์ เล่นคำ เล่นศัพท์ แต่ตรงประเด็นและเข้าใจง่าย 2. มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน คาแรคเตอร์ร้านอาหารจะช่วยบ่งบอกความเป็นมาผ่านชื่อร้านได้ ซึ่งถ้าฟังแล้วร้องอ๋อขึ้นมาว่าร้านของคุณมีคาแรคเตอร์แบบไหน จะยิ่งทำให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น เช่น Too Fast Too Sleep ก็บ่งบอกถึงร้านที่เปิดตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะมาตอนไหนก็สามารถใช้บริการได้ หรือร้าน Sit-นี่ ที่มีการเล่นคำระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทย ชวนให้ดูเป็นคนขี้เล่น กันเอง […]

5 วิธีพักร่างกาย ผ่อนคลายจิตใจในที่ทำงาน แบบไม่รบกวนคนอื่น

ความเครียดจากการทำงานนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ และสิ่งที่ยากที่สุดในการผ่อนคลายความเครียดเหล่านั้นคือ ทำยังไงให้ไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่น เพราะอย่าลืมว่าในที่ทำงานนั้นมีผู้คนมากมาย ซึ่งต้องใช้สมาธิในการทำงานอย่างมาก คุณไม่สามารถลุกขึ้นมาเหยียดแข้งเหยียดขา หรือชวนคนอื่นคุยเพื่อให้คุณหายเบื่อหน่ายจากการทำงานได้ เพราะฉะนั้นวิธีพักร่างกาย และผ่อนคลายจิตใจอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และสามารถทำได้โดยไม่กระทบต่อคนอื่นก็คือ… วางต้นไม้เล็กๆ ไว้บนโต๊ะทำงานอะไรก็ตามที่เป็นสีเขียวขจี จะช่วยทำให้สายตาของเรา รวมถึงจิตใจได้พักผ่อน การที่คุณทำงานจ้องหน้าจอคอมจนล้าสายตา และหันกลับมามองต้นไม้เล็กๆ บนโต๊ะทำงาน จะช่วยให้ตาของคุณได้พัก หายเหนื่อยล้า และทำให้จิตใจสงบลง เพราะสีเขียวมีอิทธิพลต่อความคิดและจิตใจอย่างมาก ซึ่งมันช่วยลดความเครียดจากการทำงานได้อีกด้วย แค่มองมันก็จะทำให้คุณมีความสุขโดยไม่ต้องรบกวนคนอื่นแล้ว เสียบหูฟังแล้วเปิดเพลงการทำงานไปด้วย ฟังเพลงไปด้วยสำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องยาก เพราะงานบางอย่างต้องใช้สมาธิมาก ทำให้ไม่สามารถมีเสียงเพลงรบกวนได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการพักผ่อนในออฟฟิศเป็นเวลาสั้นๆ 5-10 นาที คุณสามารถเสียบหูฟัง เปิดเพลงให้ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้เลย หลับตาและปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปในชั่วขณะหนึ่ง จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ทั้งจากความเครียดที่หายไป และความสดชื่นพร้อมกลับมาลุยงานอีกครั้ง เข้าเว็บไซต์ที่ชื่นชอบบางครั้งร่างกายของคุณอาจจะยังไหว แต่สมองไม่สั่งการเพราะคิดมากเกินไป เครียด กดดันตัวเองมากเกินไป การพักจากการทำงานมาสักครู่ และเปิดเข้าเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ เพื่อผ่อนคลายความเครียด ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น Facebook IG Twitter หรือเว็บบอร์ดอย่างพันทิปก็ตาม แต่อย่าลืมจำกัดเวลาในการเล่นของคุณด้วย เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจเล่นเพลินจนงานไม่เสร็จเอาได้ ตุนเสบียงไว้ใต้โต๊ะเคยสังเกตไหมว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกเครียด ท้องของคุณจะเริ่มร้อง และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้เริ่มกิน สมองของคุณจะสดชื่น ปลอดโปร่ง […]

ข้อดีของการเลือก Office ใกล้บ้าน เหตุผลที่คนลงทุนกับ Home Office มากขึ้น

ทุกวันนี้ออกจากบ้านแต่ละที ปัญหาสุดหนักใจที่ไม่มีใครหนีพ้นก็คือ เรื่องรถติดนั่นเอง ซึ่งไม่ว่าคุณจะทำงานที่ไหนในกรุงเทพ ช่วงเวลา 7-8 โมงเช้าคุณจะต้องพบเจอกับการจราจรที่แน่นขนัด ไม่เว้นแม้แต่รถไฟฟ้า BTS ก็ตาม ซึ่งทำให้วันวันหนึ่งคุณต้องสูญเสียเวลาในการดำรงชีวิตบนท้องถนนเยอะมาก เฉลี่ยแล้ว 1-3 ชั่วโมงต่อวัน จะดีกว่าไหม ถ้าคุณสามารถเลือกทำงานใกล้บ้านได้ ทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทางมากขึ้น มีเวลาว่างเยอะขึ้น ได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และเอาเวลาไปใช้บริหารธุรกิจให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ เพราะแบบนี้เองเหล่าผู้ประกอบการ หรือธุรกิจยุคใหม่ที่เน้นการทำงานผ่านรูปแบบออนไลน์เป็นหลัก จึงเริ่มหันมาใช้ Home Office ซึ่งเป็นทั้งบ้านพักและสำนักงานไปในตัว โดยข้อดีของมันมีดังนี้! 1. ประหยัดเวลาชีวิต ข้อดีนี้ทุกคนมองเห็นมาโดยตลอด การได้ทำงานอยู่กับบ้าน จะทำให้คุณไม่ต้องขยับเขยื้อนตัวไปไหนทั้งสิ้น คำนวณง่ายๆ ว่าวันหนึ่งคุณต้องใช้ชีวิตบนท้องถนนกว่า 2 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ทำงาน 22 วัน นั่นหมายความว่าคุณทำเวลาในมือหายไปกว่า 44 ชั่วโมง 44 ชั่วโมงนี้เป็นเวลาที่คุณสามารถนำไปใช้ทำอะไรต่างๆ ได้มากมาย ทั้งดูแลธุรกิจ คิดแผนพัฒนา เปิดช่องทางการผลิตใหม่ หรือใช้สำหรับการพักผ่อน แค่เหตุผลนี้ข้อเดียวก็ทำให้คุณตัดสินใจได้ไม่ยากแล้วว่าทำไมถึงต้องทำ Home […]

4 วิธีจุดไฟให้ชีวิตอีกครั้ง

หากคุณจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่คุณออกจากสำนักงานก่อนฟ้ามืด หรือคุณใช้เวลาว่างในวันหยุดเช็คอีเมลที่เกี่ยวข้องกับงาน นั่นแสดงว่าตัวคุณเองกำลังมีปัญหาเรื่องการจัดการกับชีวิตของคุณแล้ว เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ คือการทำลายชีวิตส่วนตัวของคุณและคนรอบข้าง และนำไปสู่ภาวะการหมดไฟในชีวิต เรื่องนี้อันตรายมากต้องรีบทำการแก้ไข นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อทำการจุดไฟให้ชีวิตอีกครั้ง 1. กำหนดเวลาปลอดอีเมลเรื่องงาน อีเมลเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ช่วยให้เราติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย แต่ความสะดวกในการสื่อสารนั้นมีค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพบว่าคุณกำลังตอบกลับข้อความอย่างต่อเนื่องเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะอีเมลล้นกล่อง หากจำนวนอีเมลที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้คุณไม่สามารถหยุดพักจิตใจของคุณได้เลย ทางออกของเรื่องนี้อยู่ที่การกำหนดเวลา คุณต้องเลิกตอบอีเมลตั้งแต่หลังสามทุ่มในวันทำงาน และงดตอบอีเมลในวันหยุดสุดสัปดาห์ 2. นัดเจอเพื่อนฝูงสัปดาห์ละครั้ง มันจะเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะแยกตัวออกมาจากที่ทำงาน ด้วยการนัดเพื่อนหรือคนรู้ใจไปทานอาหารระหว่างสัปดาห์ วิธีนี้จะทำให้คุณแยกออกจากงานได้ง่ายขึ้น การที่คุณไม่จมอยู่กับที่ทำงานทุกวันจะเป็นการดีกว่า การได้พบปะผู้คนจะช่วยเติมพลังชีวิตให้กับคุณ ตั้งงบอาหารมื้อเย็นระหว่างสัปดาห์กับคนที่คุณอยากเจอ 3. กำหนดขอบเขตของการทำงาน หนึ่งในสาเหตุของการที่ทำให้ชีวิตของคุณขาดสมดุลก็คือ คุณไม่กำหนดขอบเขตของการทำงาน บางครั้งการเป็นฮีโร่คอยช่วยเหลืองานเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรทำจนเป็นเรื่องปกติชนิดที่ขอได้ทุกวันโดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า บางครั้งการขอความช่วยเหลือที่ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ก็ต้องมีการปฏิเสธกันบ้าง ถึงเวลาเลิกงานก็ต้องเลิก แล้วไปใช้ชีวิตของคุณ 4. ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลายครั้งที่คนเรามักจะใช้วิธีการเพิ่มเวลาในการทำงาน ด้วยความหวังว่ามันจะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่เป็นอย่างนั้น การเพิ่มเวลาทำงานนำมาซึ่งความเหนื่อยล้าแบบสะสม มันไม่ดีต่อตัวคุณเองในระยะยาว ทางที่ดีควรเปลี่ยนมาเป็นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้เวลาในการทำงานให้น้อยลงจะดีกว่า เมื่อได้เวลากลับมาอะไรๆ ในชีวิตก็ดีขึ้น อ้างอิง: https://www.fool.com/careers/2019/08/28/no-work-life-balance-4-things-to-do-about-it.aspx

ใครว่าอายุเยอะต้องอยู่บ้านเฉยๆ! รวม 10 อาชีพ-ธุรกิจ ที่อายุ 45 ปีขึ้นไปก็ทำได้แถมรวยด้วย

ใครว่าอายุมากขึ้น ต้องรอให้ลูกหลานเลี้ยงเสมอไป ยิ่งโลกออนไลน์เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้ชีวิตอย่างในปัจจุบัน ยิ่งเกิดอาชีพใหม่ๆ มากมายให้เลือกตอบโจทย์ สร้างเป็นธุรกิจ หรืออาชีพได้อย่างง่ายดาย จริงอยู่ว่า หลายคนเคยชินกับการทำงานๆๆ รับเงินเดือนประจำในทุกๆ เดือน แต่ยุคที่เศรษฐกิจไม่เฟื่องฟูเหมือนเคย อะไรที่เคยแน่นอนก็กลายเป็นไม่แน่นอนได้ทุกเวลา โดยเฉพาะคนที่อายุ 45-65 ปี กลุ่มเป้าหมายที่หลายบริษัทเลือกหมายตาไว้ลำดับต้นๆ ยิ่งต้องเตรียมพร้อมไว้ และหากคุณจำเป็นต้องออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆ ทั้งกรณีที่เกษียณอายุ ถูกรีไทร์ ลาออก ตกงาน อาจจะทำให้เกิดความเครียด เครียด เครียด และเครียด จะดีกว่าไหม? ถ้าคุณลุกขึ้นมาหารายได้โดยใช้ความถนัดของตัวเองเพิ่มเงินในกระเป๋าให้มีเงินใช้จ่ายแบบไม่ต้องง้อใคร แถมมีเหลือใช้ไว้ในอนาคต ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี ลองเลือกจาก 10 อาชีพ ที่เรารวบรวมไว้ให้ต่อไปนี้ดูนะคะ เป็นตัวแทนขายประกันภัย-รถยนต์ ใครว่าอาชีพขายประกันน่าเบื่อเสมอไป บางคนจับทางได้ พรีเซนต์ดี พูดจาน่าฟัง ก็สร้างรายได้แตะหลักแสนในแต่ละเดือนซึ่งมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง เมื่อไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็ลองลุยดูสักตั้งค่ะ ขายของ online และขายคนใกล้ชิด ฮิตสุดในจุดนี้ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการขายของออนไลน์ เมื่อตลาดออฟไลน์ใช้ทุนสูง ตลาดออนไลน์จึงเป็นช่องทางที่คุณไม่ควรมองข้าม ลองสร้างเพจจากเฟซบุ๊ก หรือเสิร์ชหาข้อมูลเบื้องต้นแล้วลองโพสต์ขายอะไรก็ตามที่คุณถนัดดู ตัวอย่างมีเป็นพันเป็นหมื่นให้ศึกษา […]

ทำงานตัวคนเดียวมานาน จะรู้ได้ไงว่าเมื่อไหร่ควรรับคนเพิ่ม

“อยากเดินไวให้เดินคนเดียว แต่ถ้าอยากเดินได้ไกลต้องไปกันหลายๆ คน” คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงในการทำธุรกิจมากทีเดียว เพราะในโลกของการแข่งขันนี้ ต่อให้คุณจะสามารถทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้ แต่ใช่ว่ามันจะตลอดรอดฝั่งไปได้เสมอ ถึงแม้คุณจะเริ่มต้นสร้างธุรกิจขึ้นมา เปิดเพจของตัวเอง ลงทุนต่างๆ จนประสบความสำเร็จได้ แต่แล้วสุดท้ายวันหนึ่งคุณก็จำเป็นต้องจ้างพนักงานเพิ่มอยู่ดี เพื่อที่คุณจะสามารถไปใช้เวลาในการทำอย่างอื่นได้ แต่เมื่อไหร่กันที่เวลานั้นจะมาถึง คุณจะรู้ได้ยังไงว่าควรจะรับคนเพิ่มเข้ามาเมื่อไหร่ สามารถสังเกตได้ง่ายๆ เมื่อถึงช่วงเวลาเหล่านี้! เมื่อต้องการคนช่วยงาน เพื่อยอดขายที่มากขึ้นกว่าเดิม การทำงานด้วยตัวคุณเองอาจจะสร้างเงินได้เดือนละ 1 แสน แต่ถ้ามีคนมาช่วยตอบเพจ ตอบอินบ็อกซ์ รับออร์เดอร์เพิ่ม คุณอาจจะได้รับเงินเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่ค่าตัวพนักงานคนเดียวนั้นอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ เท่านั้นเอง ซึ่งตรงนี้แหละครับที่คุณต้องคำนวณให้ดีว่าธุรกิจคุณจะสามารถสร้างกำไรได้มากน้อยแค่ไหนหลังจากที่จ้างคนเพิ่มแล้ว แต่มั่นใจได้เลยว่าส่วนใหญ่ถ้ามีออร์เดอร์เข้ารัวๆ จนรับงานเองไม่ทัน ยังไงการจ้างคนให้มาช่วยรับงานต่อจากคุณ ช่วยแบ่งเบาภาระคุณ หักลบกันแล้วยังไงก็มีกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมแน่นอน เมื่อต้องการคนมาช่วยเพิ่มฐานลูกค้า เมื่อคุณทำงานทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว คุณอาจจะไม่มีเวลาออกไปหาลูกค้าใหม่ เพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับลูกค้าเก่า ซึ่งทำให้ธุรกิจคุณไม่ได้ขยับไปไหนสักที นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องจ้างคนเพิ่ม เพื่อให้เขามาทำหน้าที่แทนคุณ หรือเพื่อให้เขาหาลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการคุณอยู่ตลอดเวลา เช่น ถ้าปกติคุณเองสามารถหาลูกค้าเพิ่มได้เดือนละ 50 คน แต่ถ้าคุณจ้างพนักงานเพิ่ม คุณอาจจะให้เขาช่วยหาลูกค้าให้คุณได้เพิ่มอีก 50 คนเป็นเดือนละ 100 คนก็ได้ ซึ่งจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น นั่นหมายถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว […]

4 วิธีทำให้ทุกคนในองค์กรรักคุณ หัวหน้าแบบนี้ใครเห็นก็รักตายเลย

การเป็นหัวหน้าที่ดีไม่จำเป็นต้องอัปเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพื่อเอาใจพนักงานเสมอไป เพราะการทำงานในทุกๆ วันเขาต้องเจอกับความเครียดมากมาย ถึงแม้เงินเดือนที่มากขึ้นจะช่วยจูงใจให้เขาอยู่กับองค์กรต่อไปได้ แต่สุดท้ายความสบายใจต่างหากที่จะทำให้เขาไม่หนีไปไหนในท้ายที่สุด ซึ่งความสบายใจนี้คุณสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเองแบบไม่เสียเงินสักบาทเดียว เป็น 4 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้พนักงานในองค์กรสบายใจ และรู้สึกรักหัวหน้าอย่างคุณ พร้อมที่จะตื่นเช้าวันใหม่อย่างสดใสไปลุยงานต่อไปได้แบบไม่มีคำว่าเหนื่อย ทำตัวให้น่าเชื่อถืออยู่เสมอ ความน่าเชื่อถือนี้เกิดจากการรักษาคำพูดของคุณอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการพูดลอยๆ หรือพูดเล่นๆ ในสิ่งที่ลูกน้องต้องการ เช่น “สิ้นเดือนนี้ถ้าทำยอดได้ตามเป้า อาจจะมีการปรับเงินเดือน” หรือ “ถ้าทำงานดีเดี๋ยวให้วันลาพิเศษ”ซึ่งคำพูดลอยๆ นี่แหละครับที่ลูกน้องจะจดจำฝังใจ และคาดหวังที่จะได้รับ แต่เมื่อคุณแค่พูดผ่านๆ ลอยๆ สุดท้ายก็ลืม จะทำให้ลูกน้องมองว่าคุณขาดคุณสมบัติแห่งความน่าเชื่อถือ ต่อไปคำพูดของคุณจะไม่มีน้ำหนัก ดังนั้นในฐานะหัวหน้าคุณต้องจด และจำทุกคำพูดที่กล่าวออกไป และคิดให้ดีก่อนที่จะพูดเล่นในเรื่องอะไรที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจคุณ แค่คุณทำตามคำพูดของตัวเองได้ทุกคำ และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุณไม่ได้ลืม แค่นี้ก็จะทำให้ลูกน้องนับถือและเชื่อมั่นในตัวคุณแล้ว มองเห็นข้อดีในตัวพนักงานทุกคน คนทำงานทุกคนมักจะรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยและลำบากในหน้าที่การงานของตัวเองกันทั้งนั้น ซึ่งเขาไม่ได้ขออะไรมากมายนอกจากจะขอให้หัวหน้าอย่างคุณมองเห็นถึงความตั้งใจและความพยายามของเขา ซึ่งคำชมเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความประทับใจ และเป็นกำลังใจที่ดีอย่างไม่มีวันลืม เพราะคำชมจากปากของหัวหน้าอย่างคุณ นั่นหมายถึงว่าคุณได้มองเห็นถึงสิ่งที่พวกเขาเหน็ดเหนื่อยและพยายาม คำชมนั้นเป็นคำที่วิเศษมาก ซึ่งคุณไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียวเพื่อจะพูดชื่นชมใครสักคน และมันเป็นคำเล็กๆ มีประสิทธิภาพ จูงใจให้ทุกคนอยากร่วมงานกับคุณ คุยเรื่องงานแค่ในเวลางานเท่านั้น เป็นหนึ่งในสิ่งที่ลูกน้องและพนักงานหลายคนไม่ชอบใจมากๆ โดยเฉพาะพนักงานรุ่นใหม่ที่เคารพใน Work-Life Balance อย่างเต็มที่ […]

5 เหตุผลที่บริษัทสมัยใหม่ต้องมี Alternative Workplace

ปกติเมื่อพูดถึงสถานที่ทำงานสำหรับพนักงานประจำ ภาพที่นึกถึงเป็นอันดับแรกคืออาคารสำนักงาน และหากพูดถึงสถานที่ทำงานสำหรับฟรีแลนซ์และสตาร์ทอัพ เราก็มักจะนึกถึงร้านกาแฟและ Coworking Space ซึ่งมีให้เลือกมากมาย แต่เนื่องจากโจทย์ทางธุรกิจและการทำงานที่เปลี่ยนไป ปัจจุบันเราจึงเห็นบริษัทขนาดใหญ่หันมาให้ความสนใจกับการหาที่นั่งทำงานให้พนักงานภายนอกสำนักงานมากขึ้น จนเกิดเป็นเทรนด์ของ Alternative Workplace ขึ้นทั่วโลก 5 เหตุผลที่บริษัทควรให้ความสำคัญกับพื้นที่ทางเลือกสำหรับการทำงานของพนักงาน 1.การเข้าสู่ตลาดแรงงานของ Millennials และ Generation Z กลุ่มวัยทำงานที่กำลังเพิ่มบทบาทในองค์กรมากขึ้นคือกลุ่มคนวัย Millennials และ Generation Z ซึ่งก็คือกลุ่มที่เพิ่งเรียนจบและเริ่มต้นทำงานไปจนถึงกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ การมี Alternative Workplace ได้เข้ามาเป็นตัวช่วยในการตอบสนองและเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานของคนกลุ่มนี้ที่ชอบความแปลกใหม่และให้ความสำคัญกับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมการทำงาน ทั้งยังคาดหวังให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต เครื่องพิมพ์เอกสาร และห้องประชุมที่รองรับการประชุมทางไกล 2. แนวคิดการทำงานแบบ Agile ที่เน้นประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และการทำงานร่วมกัน หลายองค์กรมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อรับมือกับสภาพการแข่งขันและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยยึดหลักการทำงานแบบ Agile เป็นการทำงานด้วยกันระหว่างบุคลากรแผนกต่างๆ ที่มีบทบาทแตกต่างกัน ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่บุคลากรเหล่านี้มักแยกกันทำงานอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ดังนั้นพื้นที่ทำงานที่สะดวกสบายสำหรับทุกฝ่ายภายใต้บรรยากาศที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ หลุดพ้นจากกรอบเดิมๆ ขององค์กรจึงเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำงานของ Agile Team ซึ่ง Alternative Workplace ก็ตอบสนองความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี […]

60% มิลเลนเนียล อเมริกัน วางแผนเกษียณด้วยการถูกลอตเตอรี่

วัยที่เรียกตัวเองว่ามิลเลนเนียลของอเมริกา เมื่อถูกถามถึงเรื่องของการวางแผนในการเกษียณของพวกเขา จากการตอบแบบสำรวจในแอปฯ ด้านการลงทุนอย่าง Stash พบว่ามีมากถึง 60% ที่มองว่าการถูกรางวัลลอตเตอรี่เป็นแผนการเกษียณที่สมเหตุสมผล อย่างที่ทราบกันดีว่าโอกาสที่จะชนะลอตเตอรี่ในอเมริกานั้นมีอยู่ 1 ใน 292 ล้าน แต่ก็ดูเหมือนว่าโอกาสอันน้อยนิดนั้นยังอยู่ในแผนเกษียณของวัยมิลเลนเนียล เรื่องของการออมนั้นอาจจะไม่อยู่ในสายตาเลย เพราะคนวัยนี้ของอเมริกาจ่ายเงินเดือนทันทีที่เงินเข้ามา ชาวอเมริกันโดยทั่วไปไม่ได้ออมเพียงพอสำหรับการเกษียณอายุ แม้ว่าตัวเลือกทั้งหมดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการลงทุน Stash พบว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันคิดว่าการลงทุนนั้น “เสี่ยงเกินไป” แต่ก็ยังมีคำแนะนำเรื่องของการออมแบบ Erin Lowry ผู้เขียน Broke Millennial Takes เธอกล่าวว่ากุญแจสำคัญในการออมเพื่อการเกษียณคือการเริ่มต้นและเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย “ฉันขอแนะนำให้เริ่มต้นเล็กๆ ก่อน จากนั้นทุกๆ หกเดือนลองเพิ่มขึ้นอีกเพิ่มจนกว่าคุณจะบรรลุเป้าหมาย มันเป็นวิธีที่ช้า แต่ไม่หักโหมจนเกินไป” การเริ่มต้นการออมในช่วงอายุน้อยๆ อาจจะรู้สึกว่ายากลำบาก แต่สถานการณ์ที่เลวกว่าก็คือตอนที่คุณอายุเข้าสู่ช่วง 50-60 แล้วยังไม่มีเงินออมเลย นั่นน่ากลัวกว่ามาก

รับพนักงานเพิ่ม กับ อัปเงินเดือนพนักงานเก่า แบบไหนคุ้มกว่า?

เคยรู้สึกไหมครับว่า เวลาคุณจะรับพนักงานใหม่สักคน จะต้องเกิดความรู้สึกติดขัดในใจเล็กๆ ว่า พนักงานเก่าจะยอมรับได้หรือเปล่า เพราะพนักงานคนใหม่ที่รับมาอาจจะมาในตำแหน่งเดียวกัน แต่กลับมีเงินเดือนที่สูงกว่า ถ้าคุณเป็นพนักงานคุณเองก็อาจจะคิดมากว่า ทำไมไม่เพิ่มเงินเดือนให้คุณแทน คุณขอเงินเพิ่มแค่ไม่กี่พัน ดีกว่าไปจ้างพนักงานใหม่เงินเดือนหลายหมื่นตั้งเยอะ ซึ่งนี่คือสิ่งที่พนักงานเงินเดือนในสังกัดคุณจะมอง และเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันเข้าใจจนกว่าคุณจะได้อธิบาย และในทางกลับกันหัวหน้าบางคนก็อาจจะยังไม่มั่นใจว่า การรับพนักงานใหม่เข้ามาและให้เงินเดือนมากนั้นดีกว่า หรือแย่กว่า การอัปเงินเดือนให้กับพนักงานเก่า ซึ่งข้อสรุปของทุกอย่างคือ… เหตุผลที่ต่างกัน ทำให้การตัดสินใจต่างกัน สำหรับคำตอบที่ว่าอะไรดีกว่ากันนั้นคงตอบไม่ได้แบบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่คุณสามารถยกสถานการณ์ตัวอย่างของคุณมาเปรียบเทียบได้ง่ายๆ ว่า เมื่อไหร่ควรอัปเงินเดือนพนักงานเก่า และเมื่อไหร่ควรจ้างพนักงานใหม่ เมื่อไหร่ควรอัปเงินเดือนพนักงานใหม่ เมื่อคุณมีพนักงานลูกรักที่อยากจะรักษาเอาไว้อยู่คู่กับองค์กร รวมถึงคุณไม่ได้ขาดแคลนแรงงาน หรือคนในตำแหน่งใดจริงๆ ไม่ได้เดือดร้อน และส่งผลกระทบต่อการทำงาน เพียงแค่อยากให้พนักงานที่มีอยู่ตอนนี้แฮปปี้ และรู้สึกดีกับคุณมากขึ้น เมื่อไหร่ควรรับพนักงานใหม่เข้ามา เมื่อคุณขาดแคลนคนงานจริงๆ ในการทำงานบางครั้งอาจมีคนลาออก ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะไม่สามารถเว้นว่างได้ ไม่อย่างนั้นงานจะไม่เดินและส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นการอัปเงินเดือนจะไม่ช่วยอะไร และถึงแม้พนักงานคนใหม่จะเรียกเงินเดือนแสนแพง คุณก็ยังคงต้องจำใจรับเขามาร่วมงานอยู่ดี เพราะคุณต้องการคนมากจริงๆ พนักงานเก่าจะรู้สึกยังไง เมื่อรับพนักงานใหม่เงินเดือนเยอะ แต่ไม่เพิ่มเงินเดือนตัวเอง คุณไม่สามารถหนีปัญหาตรงนี้พ้นแน่นอน เพราะทันทีที่พนักงานใหม่เข้ามา พนักงานเก่าก็จะคิดในใจทันทีว่า ทำไมต้องรับคนใหม่ ทำไมไม่เพิ่มเงินเดือนพวกเขาแทน หรือคนใหม่ดียังไง ทำไมได้เงินเดือนเยอะกว่า โดยเฉพาะถ้าคุณรับคนใหม่เข้ามาเป็นหัวหน้าคนเก่าทันที คุณจะเกิดคลื่นใต้น้ำและคำถามที่ว่า […]

พนักงานหมดไฟ หัวหน้าอย่างเราควรทำยังไง?

อาการหมดไฟไม่ใช่อาการของคนเบื่อหน่ายจากการทำงาน หรือทำงานหนักแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ แต่ล่าสุดถูกบรรจุให้กลายเป็นโรคชนิดหนึ่งแล้ว เพราะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พนักงานหน้าใหม่ไฟแรงก็ตาม ซึ่งอาการหมดไฟจะทำให้ผลงานที่ผลิตออกมาไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงจะทำให้การทำงานตามกำหนดเดทไลน์นั้นไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ส่งผลกระทบมากมายต่อทั้งตัวพนักงานเองที่ทำงานได้ไม่ตรงเป้า และส่งผลกระทบต่อทุกแผนกที่ต้องรับผิดชอบงานชิ้นนั้นร่วมกัน ดังนั้นตัวคุณเองในฐานะหัวหน้าก็ต้องทำความเข้าใจ และให้คำแนะนำ พร้อมหาทางออกให้กับพนักงานเหล่านี้ด้วย เพื่อที่จะได้ประคับประคองงานให้ออกมาดี และฟื้นคืนความสดใสให้เขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง สาเหตุหลักของอาการหมดไฟที่พนักงานส่วนใหญ่เจอ 1. ไม่ชัดเจนในหน้าที่ของตัวเอง การทำงานไปวันๆ โดยไม่มีความรับผิดชอบที่ชัดเจน ไม่มีหน้าที่ที่ต้องดำเนินการหรือรับผิดชอบแบบเป็นชิ้นเป็นอัน จะทำให้พนักงานคนนั้นทำงานแบบเลื่อนลอย และไม่สามารถโฟกัสกับงานที่ทำได้อย่างเต็มที่ เขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีงานทำ ตัวเองด้อยกว่าคนอื่น และหมดเป้าหมายในการทำงานในแต่ละวันไป ซึ่งเป้าหมายนั้นสำคัญมากสำหรับการทำงาน เพราะมันเป็นตัวยึดเหนี่ยวให้พนักงานสามารถดำเนินงานไปได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องมอบความชัดเจนในตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมถึงความรับผิดชอบให้พนักงานทุกคนรู้ว่าเขาอยู่ในฐานะอะไร สำคัญยังไงกับองค์กรคุณ 2. หน้าที่การงานไม่ก้าวหน้า เพราะการทำงานไม่ว่าใครต่างก็หวังอยากจะได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งกันทั้งนั้น แต่เมื่อทำงานมานานหลายปีแล้วไม่มีทีท่าว่าจะได้ก้าวหน้า อาการหมดไฟก็ย่อมมาเยือน ซึ่งมันจะค่อยๆ เข้ามากัดกินความคิดไปทีละนิดๆ ว่าทำไมคนนั้นได้เลื่อนขั้น ทำไมคนนั้นได้ขึ้นเงินเดือน ทำไมเขาไม่ได้พัฒนาบ้าง การไม่ก้าวหน้าแบบนี้ไปนานๆ และเห็นคนแซงหน้าตัวเองอยู่เรื่อยๆ จะทำให้พนักงานหมดไฟในที่สุด และเริ่มที่จะทำงานแบบไม่ใส่ใจ ทำงานไปแบบวันต่อวัน หน้าที่สำคัญของหัวหน้าก็คือ ต้องมอบหมายงานที่ท้าทาย เพื่อให้เขาพิสูจน์ตัวเองมากขึ้น พัฒนาตัวเองมากขึ้น และมีเส้นทางของความก้าวหน้าให้เห็นชัดเจน เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถคำนวณได้ว่าตัวเองต้องฝึกฝนอะไร และใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะได้เลื่อนขั้น 3. ถูกโยกย้ายโดยไม่เต็มใจ […]

ส่อง! เส้นทางธุรกิจร้าน Potato Corner แบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลกที่เปิดมาแล้ว 27 ปี

ร้าน Potato Corner ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา จากกระแสข่าวที่ใครอยู่ในแวดวงบันเทิงคงจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งขอไม่ถึงพูดถึงในที่นี้ แต่เราจะไปลงรายละเอียดกันว่าแบรนด์ Potato Corner มีที่มาที่ไปของการทำธุรกิจอย่างไร จนเดินหน้ามาประสบความสำเร็จในวันนี้กัน หลายคงอาจจะเข้าใจว่าแบรนด์ Potato Corner เป็นของคนไทย แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น โดยร้าน Potato Corner เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศฟิลิปปินส์ในเดือนตุลาคม 1992 ภายใต้การบริหารของ Philippine Franchise Association, Inc. (PFA) หลังจากนั้นจึงต่อธุรกิจเป็นการขายแฟรนไชส์ในปีถัดมา ปัจจุบันแฟรนไชส์ของ Potato Corner ถือได้ว่ามีการเติบโตเป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะในฟิลิปปินส์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ได้แก่ สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, กัมพูชา, สิงคโปร์, คูเวต, ปานามา, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และไทย สำหรับร้าน Potato Corner มักจะตั้งอยู่ในบริเวณ หรือสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, […]

อย่าลืมสิ่งที่เรียกว่า “Passion” ในการสัมภาษณ์งานครั้งต่อไป

หลายต่อหลายครั้งที่คนมีความสามารถ พลาดโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่ที่ต้องการ ทั้งๆ ที่ประวัติการทำงานก็สวยหรู ผลการเรียนก็สุดยอด อะไรที่มันขาดหายไป ทุกวันนี้บริษัทต้องการคนแบบไหน เรื่องราวของอเล็กซ์จะช่วยให้คุณแสดงออกได้อย่างถูกต้องในวันสัมภาษณ์งาน อเล็กซ์มีประวัติที่น่าประทับใจ เขามีผลการเรียนดีเยี่ยมในโรงเรียน เติมโตขึ้นมาพร้อมกับโครงการทางเทคนิคมากมายที่ได้รับการยอมรับ และมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันจากที่ทำงานเดิม แต่เมื่อเขาสัมภาษณ์กับบริษัทสตาร์อัพด้านเทคโนโลยี บริษัทก็ทำให้เขาผิดหวัง แต่บนความเศร้าก็ยังมีความโชคดีสำหรับอเล็กซ์อยู่บ้าง เขาได้เรียนรู้สาเหตุของการถูกปฏิเสธ ปรากฎว่าผู้สัมภาษณ์คิดว่าอเล็กซ์ขาดความหลงใหล เขานั่งเงียบไม่ได้ระบุว่าเขามีส่วนร่วมในโครงการต่างที่อยู่ในประวัติส่วนตัวของเขาอย่างไร และไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่แรงกล้าที่พวกเขาเคยเห็นในผู้สมัครที่แข็งแกร่ง อเล็กซ์เติบโตขึ้นมาในฮ่องกงที่ซึ่งเขาได้รับการสั่งสอนให้ถ่อมตนไม่พูดจาโอ้อวด ซึ่งมันไม่ถูกต้องตรงที่ บริษัทที่เขาเข้าไปสัมภาษณ์นั้นอยู่ในสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่ผู้ทำการสัมภาษณ์มีความเชื่อว่าผู้สมัครที่มีความกระตือรือร้นจะพูดเสียงดัง และมีเรื่องเล่ายาวเกี่ยวกับความสำเร็จของพวกเขา อเล็กซ์จำเป็นต้องหาวิธีที่จะสื่อสารถึงความตื่นเต้นและความมุ่งมั่นในการสัมภาษณ์ โดยไม่ต้องเปลี่ยนบุคลิกหรือวัฒนธรรมที่ฝังแน่นของตัวเขา การแสดงให้เห็นถึงความหลงใหล หรือ passion ไม่ได้เป็นเพียงการเดาลอยๆ ของผู้สมัครงานที่ยอดเยี่ยม แต่ผู้นายจ้างมีการอ้างอิงถึงลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นในการสัมภาษณ์งานครั้งต่อไปคุณต้องหาวิธีถ่ายทอดสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณออกมา เริ่มต้นด้วยเหตุผลของคุณ ประวัติย่อและคำตอบในการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่เป็นรายการ “อะไร” ที่ใครบางคนทำโดยไม่เคยวิเคราะห์ว่า “ทำไม” ให้คุณเริ่มต้นที่จะบอกนายจ้างในอนาคตด้วยการอธิบายแรงจูงใจของคุณ – ทำไมคุณถึงเลือกทำกิจกรรมนั้น หรือทำไมต้องทำงานนั้น อเล็กซ์ชอบที่จะสร้างแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ เพราะเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีทำให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน พ่อแม่ของเขาเสียสละหลายอย่างเพื่อส่งเขาไปโรงเรียนชั้นยอดรวมถึงการซื้อตำราและอุปกรณ์การเรียนที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งเป็นต้นทุนที่สามารถลดลงได้ด้วยเทคโนโลยี แรงจูงใจของอเล็กซ์คือการติดตามการเข้ารหัสเป็นเรื่องส่วนตัวซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขา พูดคุยเกี่ยวกับงานที่คุณทำในช่วงเวลาพิเศษ สำหรับตำแหน่งส่วนใหญ่ผู้สมัครที่เหมาะสมนั้นคาดว่าจะฉลาดทำงานหนักและได้ผลลัพธ์ ผู้สมัครบอกผู้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เขาไป ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนอเล็กซ์จะซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะในห้องแล็บคอมพิวเตอร์ เมื่อมันถูกปิดเพื่อที่เขาจะได้อยู่ต่อไปเพื่อเขียนโปรแกรมต่อไป การทำงานหนักของเขาและชั่วโมงพิเศษที่จ่ายออกไปกลายเป็นโปรแกรมที่ผู้ดูแลระบบที่มหาวิทยาลัยของเขาใช้เพื่อช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แชร์เรื่องงานอดิเรกของคุณ เมื่อคุณหลงใหลในบางสิ่งบางอย่างมันมีแนวโน้มที่จะทะลักเข้าสู่แง่มุมอื่นๆ […]

3 ขั้นตอนในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมนุษย์เงินเดือน ที่พยายามจะสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงาน ซึ่งตอนนี้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะเทน้ำหนักไปให้กับชีวิตการทำงานมากกว่า ก็จะให้ทำยังไงได้กับสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ การแสดงออกว่าเป็นคนทุ่มเทให้กับงานเป็นสิ่งที่พึงกระทำมากกว่าเรื่องอื่นๆ หลายคนคิดว่าการที่จะทำให้ตนเองก้าวหน้ากว่าคนอื่นในที่ทำงาน คือการที่ทำงานให้หนักกว่าคนอื่น ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อจะเป็นคนแรกที่เข้ามาทำงาน และเป็นคนสุดท้ายที่จะกลับบ้าน หรือไม่ก็เร่งทำงานอย่างหนักอีกหลายชั่วโมงเมื่อคนอื่นกลับบ้านกันไปหมดแล้ว แต่วิธีการแบบนี้มันใช้ไม่ได้ในระยะยาว คนเราจะทำงานหนักได้ต่อเนื่องนานสักแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องล้มป่วย การทำงานหนักอย่างบ้าคลั่ง นอกจากจะทำให้สุขภาพเสียแล้วยังทำให้ชีวิตของตัวเองพังตามไปด้วย โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัว ความเครียดของคุณจะตามติดตัวคุณกลับบ้าน คนรอบตัวจะสัมผัสได้ถึงความเครียดนั้น งานนี้เรียกได้ว่าพากันเครียดไปทั้งบ้านเลยทีเดียว เรามีวิธีที่จะทำให้ประสิทธิภาพงานของคุณดีขึ้นแต่ใช้เวลาน้อยลง อ่านดูแล้วน่าสนใจใช่ไหม จากนี้ไปโบกมือลาการใช้แรงกายในการเพิ่มผลผลิตของงาน แต่ให้มาเน้นหรือทำการโฟกัสงานในช่วงเวลาที่เหมาะสมดีกว่า แล้วชีวิตของคุณจะเข้าสู่สมดุลได้ในเวลาอันรวดเร็ว 3 ขั้นตอนในการเร่งประสิทธิภาพการทำงาน 1.คุณต้องโฟกัสกับงานที่สำคัญ อย่าพยายามทำงานทุกอย่าง คุณต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าพลังงานของคุณเองมีอยู่อย่างจำกัด การทุ่มเทพลังงานให้กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะงานที่คุณโฟกัสจะออกดอกออกผลที่น่าพอใจออกมาเสมอ มันดีกว่าการที่คุณจะเอาเรี่ยวแรงไปทำเรื่องนั้นนิดเรื่องนี้หน่อย ได้งานแต่เพียงด้านปริมาณไม่มีงานที่เป็นคุณภาพเลย 2.หาช่วงเวลาทองของคุณให้เจอ คุณรู้จักช่วง “เวลาทอง” ของคุณไหม หากใครยังหาไม่เจอให้ลองทบทวนดูว่าในแต่ละวันที่คุณนั่งทำงาน มีช่วงเวลาไหนที่คุณสามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและได้ผลงานออกมาดีที่สุด มันอาจจะเป็นเวลา 2 ชั่วโมงในช่วงเช้า หรือเวลาในช่วงบ่ายใกล้เลิกงาน ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น หาช่วงเวลาแบบนั้นให้เจอแล้วทำการลงตารางนัดหมายกับตัวเองในช่วงเวลานั้น อย่ายอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งช่วงเวลานี้ไปจากคุณ 3.ทำงานที่โฟกัสในช่วงเวลาทองของคุณ จากนั้นก็ให้เอางานที่คุณ “โฟกัส” มาทำในช่วง “เวลาทอง” ของคุณ เพียงเท่านี้เองคุณก็จะพบว่า ประสิทธิภาพการทำงานของคุณจะเพิ่มขึ้น […]

ฟันธง 10 ความเชื่อเกี่ยวกับการนอน อะไรจริงอะไรหลอก

การนอนกลายเป็นปัญหาระดับโลกไปแล้ว เพราะทุกวันนี้คนเราใช้เวลาในแต่ละวันทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยพยายามลดเวลาในการนอนหลับเพื่อไปทำอย่างอื่น มาดูกันว่าความเชื่อเกี่ยวกับการนอนหลับที่เราพยายามจะเอามาเป็นข้ออ้างนั้น อะไรที่เป็นจริงบ้าง เจนนิเฟอร์ แอชตัน หัวหน้าข่าวด้านการแพทย์ของสำนักข่าว ABC จะพาเราไปหาคำตอบในเรื่องนี้ ความเชื่อที่ 1: คนเราสามารถทำงานได้ดี แม้จะนอนเพียงวันละ 5-6 ชั่วโมง ไม่จริง: 95% ของวัยเจริญพันธุ์ยังคงมีความต้องการนอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ความเชื่อที่ 2: คนเราสามารถนอนชดเชยในวันสุดสัปดาห์ได้ หากนอนไม่พอระหว่างสัปดาห์ ไม่จริง: หากร่างกายนอนไม่พอในแต่ละวัน ระบบของฮอร์โมนและระบบเผาผลาญจะทำงานผิดเพี้ยนไปหมด มันจึงไม่สามารถชดเชยได้ด้วยการนอนมากกว่าเดิมในวันสุดสัปดาห์ ความเชื่อที่ 3: การนอนไม่พอไม่ส่งผลระยะยาวกับร่างกาย ไม่จริง: คนที่นอนหลับไม่เพียงพออย่างต่อเนื่องมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สำหรับการเสื่อมของระบบประสาทและสมอง และอาจนำไปสู่ความผิดปกติทางอารมณ์อย่างภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ความเชื่อที่ 4: เปิดทีวีจะช่วยให้นอนหลับได้เร็วขึ้น ไม่จริง: แสงทุกชนิดส่งผลต่อการนอนหลับของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันจะทำลายประสิทธิภาพของการนอนอย่างรุนแรง อย่าเผลอหลับไปทั้งๆ ที่ทีวียังเปิดอยู่ มันทำลายสุขภาพคุณ ความเชื่อที่ 5: คุณจะนอนหลับได้ดีขึ้นเมื่อห้องนอนของคุณเย็น จริง: หากคุณตื่นกลางดึกบ่อยครั้งพบว่ามีผลมาจากอากาศที่ร้อนเกินไปของห้องนอน ค้นหาอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณเอง แล้วพยายามรักษามันเอาไว้ ความเชื่อที่ 6: […]

รวม 5 ตัวช่วยสำหรับแม่ค้าออนไลน์ ให้ตอบแชทไวจนลูกค้าหลงรัก

ทุกวันนี้โลกของเรามีการแข่งขันกันทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะกับธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มต้นง่าย ทำได้ทุกคน และด้วยความง่ายนี้เอง การลด แลก แจก แถม จึงเกิดขึ้น รวมถึงแข่งขันกันในด้านการให้บริการที่ดี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ชื่นชอบอะไรที่รวดเร็ว หวือหวา ใจร้อนมากขึ้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่สามารถละเลยการตอบแชทแบบรวดเร็วได้ เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เกิดเครื่องมือต่างๆ และเทคนิคใหม่ๆ ในการตอบแชทขึ้นมามากมายที่จะช่วยให้คุณทำธุรกิจออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว ตรงใจ และให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ทันท่วงที ปิดการขายได้ยอดทะลุแสนแบบที่ตั้งใจ 1. ตั้งข้อความอัตโนมัติเอาไว้เลย อันดับแรกเริ่มด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการเซตตั้งค่าตอบกลับข้อความอัตโนมัติ ซึ่งเป็นระบบที่ Facebook มีมาให้อยู่แล้วครับ เมื่อลูกค้าทักมาครั้งแรก ข้อความอัตโนมัติของคุณจะเด้งขึ้นทันที ซึ่งข้อความตรงนี้คุณต้องตั้งค่าเอง โดยการพิมพ์ว่าจะให้ตอบกลับว่าอะไร เช่น บอกเงื่อนไขในการใช้บริการคุณเอาไว้เลยว่า ให้ลูกค้าส่งรูปสินค้าที่ต้องการมา พร้อมบอกขนาด บอกปริมาณ และจำนวนที่ต้องการสั่ง หรือโอนเงินพร้อมส่งสลิปหลักฐานการโอนกลับมา และกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ การบอกถึงขั้นตอนการใช้บริการตั้งแต่ข้อความตอบกลับ จะทำให้ลูกค้าหมดคำถามในการสั่งซื้อ และช่วยประหยัดเวลาในการแชทลง ปิดการขายได้ไวขึ้น และสร้างยอดขายได้มากกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด 2. ใครเมนท์อะไรมา ให้ตอบกลับผ่าน Inbox ได้เลย สำหรับเทคนิคนี้เป็นเคล็ดลับขั้นเซียนที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือเก๋าเขาทำกัน เนื่องจากการตอบคอมเมนท์ที่ลูกค้าถามมาโดยตรง จะทำให้การสนทนาสิ้นสุดทันที รวมถึงทำให้ลูกค้าที่สนใจสินค้าคนอื่นๆ […]

5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณมีรายได้มากกว่างานประจำ

สิ่งที่คุณกำลังจะได้อ่านต่อจากนี้คือเคล็ดลับของ Luisa Zhou ผู้สร้างระบบ Employee to Entrepreneur ซึ่งใช้ในการให้ความรู้กับผู้คนถึงวิธีที่จะออกจากงานประจำของพวกเขา แล้วเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง 1.ลบทิ้ง-มอบหมาย-ทำเอง นี่คือหนึ่งในเคล็ดลับการสร้างความสำเร็จของเธอ เธอจะเริ่มต้นจากการเขียนสิ่งที่เธอกำลังจะทำในแต่ละวันขึ้นมา จากนั้นก็จัดลำดับความสำคัญ งานไหนที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ให้ลบทิ้ง งานไหนที่มีคนทำแทนได้ก็ให้มอบหมาย และสุดท้ายก็จะเหลืองานที่เธอจะต้องทำเองจริงๆ หากคุณลองทำคุณจะพบว่ามันเหลืองานที่คุณจะต้องทำจริงๆ น้อยมาก นั่นหมายความว่าคุณจะมีเวลาเพิ่มขึ้นสำหรับเอาไปทำเรื่องสำคัญมากขึ้นแล้ว 2.ใช้ประโยชน์จาก “เวลาว่าง” ในหนึ่งวันหากคุณพิจารณาอย่างแท้จริงแล้วคุณจะพบว่า มีช่วงเวลาว่างระหว่างกิจกรรมต่างๆ ที่คุณจะต้องทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ใช้รออาหารในแต่ละมื้อ เวลาที่ใช้ในการรอขณะเดินทาง หรือแม้แต่ระหว่างรอรับการตรวจที่โรงพยาบาล เธอใช้เวลาเหล่านี้ไปกับการเรียนรู้หลักสูตรใหม่ๆ ทำการตอบอีเมลของลูกค้า และใช้ในการสร้างเนื้อหาสำหรับโซเชียลมีเดีย คุณเริ่มจะเห็นความสวยงามของเวลาว่างบ้างแล้วหรือยัง 3.ทำงานให้เข้ากับจังหวะชีวิตของคุณ หลายคนบอกว่าเคล็ดลับการเพิ่มผลผลิตการทำงานคือการตื่นแต่เช้า เพราะซีอีโอของบริษัทใน Fortune 500 ล้วนแล้วแต่ทำกัน แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้เหมาะกับทุกคน เธอเองรู้ตัวดีว่าเธอเป็นพวกนอนดึกและทำงานได้ดีในช่วงดึก ดังนั้นเธอจึงออกแบบให้ตัวเธอทำงานสำคัญในช่วงเวลาที่เธอพร้อมเท่านั้น คุณต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าช่วงเวลาไหนที่คุณทำงานได้ดีที่สุด ช่วงเวลาไหนที่ทำได้แค่งานง่ายๆ 4.ทำตามตารางเวลาที่คุณคิดมาแล้ว ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่เชื่อหรือไม่ว่า ทุกวันนี้คุณก็ยังคงปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปวันๆ เธอแนะนำว่าการวางแผนการใช้เวลาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณรู้ว่าใน 1 วันคุณมีเวลาช่วงไหนเพื่อทำอะไร ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่คุณกำหนดเอาไว้ว่าจะทำอะไร ก็เพียงแค่ลงมือทำตามที่กำหนดไว้ทันที อย่าเสียเวลาเตรียมตัวหรือเสียเวลาคิด เพราะคุณคิดมาเสร็จเรียบร้อยแล้วว่าเวลาช่วงนั้นๆ คุณจะต้องทำอะไร 5.กำหนดเป้าหมายแล้วทำสิ่งที่สนับสนุนเป้าหมายเท่านั้น […]

ระวังตัวให้ดี! รู้ไหมว่าใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์ต้องระวังโทษอะไรบ้าง

ขึ้นชื่อว่าสินค้าแบรนด์เนม เชื่อว่าย่อมเป็นที่ดึงดูดของใครหลายคนที่อยากจะควักเงินในกระเป๋าสตางค์ออกมา เพื่อซื้อสินค้าที่เราต้องการอยากได้ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง จึงทำให้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าของปลอม จะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภค เพราะด้วยราคาที่ถูกกว่า ดีไซน์ที่มองผ่านๆ เหมือนกับสินค้าตัวจริง อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ย่อมเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษ ดังต่อไปนี้ หากมีการทำซ้ำ หรือดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์จะมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาท อีกทั้งถ้ามีการทำเพื่อการค้าจะมีโทษจำคุก ตั้งแต่ 3 เดือน – 2 ปี และมีโทษปรับ 50,000 -400,000 บาท ซึ่งสามารถยอมความได้ โดยต้องมีผู้แจ้งความร้องทุกข์ นอกจากนี้ กรณีปลอมเครื่องหมายการค้าจะมีโทษจำคุก 4 ปี โทษปรับ 400,000 บาท และอีกกรณี คือการเลียนแบบเครื่องหมายการค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของแบรนด์นั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท แต่ไม่สามารถยอมความทั้ง 2 กรณี ในส่วนของผู้ซื้อนั้นมีความพยายามแก้กฎหมายกำหนดอัตราโทษให้กับผู้ที่ซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

6 เทคนิคที่ช่วยให้การประชุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาทั้งวัน

ไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการหรือผู้บริหาร การประชุมเป็นสิ่งที่คนทำงานทุกคนต่างต้องเจอ โดยการประชุมแต่ละครั้งก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น เพื่อการเสนอหรือแบ่งปันข้อมูลและความคิดเห็น เพื่อตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่าง หรือเพื่อสรุปงานต่างๆ ซึ่งจะดีกว่าไหม ถ้าเราใช้เทคนิคดีๆ มาจัดการให้การประชุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการพูดคุยหรือหารือกันทั้งวัน ดังต่อไปนี้ 1. มีวาระการประชุมที่ชัดเจน นอกจากวัน เวลา และสถานที่สำหรับการประชุมแล้ว ทุกครั้งที่ส่งคำเชิญเข้าร่วมประชุม ต้องไม่ลืมที่จะแนบรายละเอียดวาระและวัตถุประสงค์ หรือหัวข้อต่างๆ ที่จะพูดคุยในที่ประชุมไปด้วย และหากเป็นไปได้ ก็ควรจะระบุด้วยว่าแต่ละคนที่ได้รับคำเชิญเข้าประชุมมีหน้าที่รับผิดชอบประเด็นไหนเป็นพิเศษหรือไม่ เพื่อจะได้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าร่วมการประชุม 2. จัดการเวลาให้ดี เรื่องเวลาเป็นเรื่องที่หลายคนมักจะละเลยทั้งที่สำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อเวลาในการทำงานของคนที่เข้าร่วมประชุม เวลาที่ระบุไว้ในคำเชิญคือเวลาที่จะต้องเริ่มต้นการประชุม ดังนั้นจึงควรเผื่อเวลาในการเดินไปที่ห้องประชุม และเผื่อเวลาสำหรับเตรียมอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการประชุม เช่น คอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ ไมโครโฟน หรือสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในระหว่างประชุมก็ต้องระวังเรื่องการพูดคุยเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากวาระการประชุมจนมากเกินไป เพื่อให้การประชุมจบลงตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ นอกจากเรื่องตรงเวลาแล้วการกำหนดเวลาประชุมให้เหมาะสมก็สำคัญเช่นกัน การที่ใช้เวลามากไม่ได้หมายความว่าการประชุมจะออกมามีประสิทธิภาพเสมอไป ผู้ที่จัดการประชุมจึงควรพิจารณาให้ดีว่าการประชุมแต่ละครั้งควรใช้เวลาสั้นหรือยาวแค่ไหน 3. เชิญเฉพาะคนที่จำเป็นต้องเข้าประชุมจริงๆ เท่านั้น บางคนอาจคิดว่าการเชิญคนในทีมที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วยทุกคนเป็นสิ่งที่สมควรทำ แต่ในความเป็นจริงแล้วบางคนอาจไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมด้วยเสมอไป ซึ่งจะทำให้เขาเสียเวลาในการทำงานไปโดยใช่เหตุ ทุกครั้งที่จัดการประชุมเราจึงควรเลือกเฉพาะคนที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น 4. เปิดโอกาสให้ทุกคนในที่ประชุมมีส่วนร่วม ในการประชุม ทุกคนในที่ประชุมควรมีโอกาสได้พูดคุย แสดงความคิดเห็น […]

8 นิสัยที่ทำให้คุณกลายเป็นคนเจ้าเสน่ห์

คนที่มีเสน่ห์นั้นพวกเขามันจะมีพลังดึงดูดพิเศษ ที่ทำให้คนอยากเข้าใกล้ จะพูดจะทำอะไรก็ดูดีดูน่าเชื่อถือไปหมด หลายคนเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้พรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่จากการศึกษาครั้งล่าสุดพบว่า เรื่องของเสน่ห์เป็นสิ่งที่สร้างกันขึ้นมาได้ เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วเราก็ควรจะเรียนรู้ที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนมีเสน่ห์ขึ้นมา เพราะสิ่งที่จะตามมานั้นมีประโยชน์กับตัวคุณอย่างมากมาย คุณจะสามารถดึงดูดคนเข้ามาเสริมสร้างเครือข่ายของคุณ นั่นหมายถึงจำนวนของลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย 8 นิสัยที่จะทำให้คุณกลายเป็นคนมีเสน่ห์ 1.คุณต้องมีความหลงใหล เวลาที่ใครสักคนแสดงออกถึงความหลงใหลในอะไรบางอย่างแบบสุดหัวใจ พลังงานเหล่านั้นจะถูกส่งออกมายังคนรอบข้าง และเมื่อพวกเขาสัมผัสกับมันได้ คุณจะกลายเป็นคนที่น่าสนใจขึ้นมาทันที หาให้เจอว่าอะไรที่คุณกำลังหลงใหลมันแบบโงหัวไม่ขึ้น 2.คุณต้องลองทำสิ่งใหม่ๆ คุณต้องกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ลองค้นหาดูว่ามีอะไรที่คุณชอบแต่ยังไม่เคยลองทำ เลือกแล้วทำมันเลยตั้งแต่วันนี้ การลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ จะส่งผลดีให้กับอารมณ์ของคุณโดยตรง คนที่มีความสุขนั้นจะเปลี่ยนตัวเองเป็นแม่เหล็กคอยดึงดูดคนรอบข้างที่น่าสนใจเข้ามาเสมอ 3.คุณต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่าพยายามที่จะเลียนแบบใคร เพราะนั่นจะทำให้คุณถูกกลืนเข้าไปในฝูง แล้วก็จะไม่มีใครสนใจคุณอีกเลย ในบรรดาคนที่มีเสน่ห์พบว่าพวกเขามักจะมีบุคลิกที่แตกต่างจากคนทั่วไปไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งเสมอ ดังนั้นการเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุด มันจะทำให้คุณแตกต่างและน่าสนใจ 4.อย่าเดินตามสูตรสำเร็จ ไม่มีอะไรน่าเบื่อมากไปกว่าการใช้ชีวิตตามสูตร ผู้คนที่มีเสน่ห์ต่างก็เลือกเดินในเส้นทางของตัวเอง แม้มันจะแลดูผิดปกติไปจากสิ่งที่คนทั่วไปทำก็ตาม ผู้ที่มีเสน่ห์คือนักสร้างสรรค์ที่พร้อมจะฝ่าฝืนกฎเกณฑ์เก่าๆ เพื่อสร้างแนวคิดใหม่ที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจ 5.เลือกที่จะฟังเสียงตัวเอง เรื่องนี้ โอปราห์ วินฟรีย์ เป็นคนที่อธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เธอกล่าวว่า “การตัดสินใจที่ถูกต้องในชีวิตทุกครั้งเกิดจากความกล้าหาญของฉันเอง ส่วนการตัดสินใจที่ผิดพลาดทุกครั้งเกิดขึ้นจากการที่ไม่ยอมฟังเสียงของหัวใจตัวเอง” คงจะยืนยันได้ชัดเจนว่าคนมีเสน่ห์มักจะทำตามที่หัวใจเรียกร้องเสมอ 6.เรียนรู้ตลอดเวลา สำหรับคนมีเสน่ห์ส่วนหนึ่งเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่เคยรู้ นำไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และด้วยการเรียนรู้แบบไม่รู้จบนี่เองจะทำให้ตัวเรากลายเป็นคนที่น่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะมันเพิ่มโอกาสในการเปิดการสนทนากับคนในแวดวงต่างๆ เพิ่มมากขึ้น 7.แบ่งปันสิ่งที่คุณค้นพบ […]

เสือกี่ตัว…ก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้! การสร้างสุดยอดทีม ไม่จำเป็นต้องมีแต่ “คนเก่ง”

องค์กรยุคนี้ต้องการคนแบบไหน ? หากมองย้อนไปสมัยก่อนคนเก่งเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ทำงานได้รับเลือกคนแรก แต่เดี๋ยวนี้คนเก่งอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับบางองค์กรแล้วก็ได้ นั่นเพราะคนเก่ง มักจะมีปัญหาในเรื่อง “ไม่สามารถทำงานเป็นทีมได้” ซึ่งการสร้างทีมนั้น ถ้าคุณเป็นหัวหน้าทีมก็ย่อมอยากสร้าง “สุดยอดทีม” ขึ้นมา ซึ่งผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะถ้ามีลูกทีมที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ผลลัพธ์ย่อมออกมาดีอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้มีจุดที่ควรระวังอยู่ครับ นั่นคือ การสร้างทีมต้องรู้จักการรวบรวมลูกทีมที่หลากหลายเพื่อให้เกิดความสมดุล เราหยิบยกตัวอย่างกีฬา เช่น ทีมฟุตบอลจะไม่คัดเอาแต่ผู้เล่นระดับหัวกะทิมาอยู่ในทีม เพราะถ้าคุณเลือกเฉพาะคนเก่งๆ คนในทีมอาจชิงดีชิงเด่นกันจนไม่สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ดังคำกล่าวที่ว่า “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” อธิบายง่ายๆ ก็คือยิ่งคนเรามีประสบการณ์ หรือมีผลงานมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งอยากทำอะไรในแบบของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น และคนที่มีความสามารถก็มักอยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ พวกเขาจึงไม่ชอบสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อการแสดงความคิดเห็นเริ่มกลายเป็นการถกเถียง คนประเภทนี้มักจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร และแน่นอนว่าย่อมมีใครสักคนในทีมที่ทำงานต่อไปโดยเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วต้องมีคนที่ออกจากทีมไป เมื่อต้องสร้างทีม สิ่งสำคัญคือต้องมองให้ออกว่าลูกทีมแต่ละคนมีลักษณะเด่นอะไรบ้าง เช่น เขาเป็น “คนที่ชอบออกไปยืนข้างหน้าเพื่อนำคนอื่น” “คนที่มองภาพรวมได้อย่างสุขุม” “คนที่นำสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญมาใช้ให้เกิดประโยชน์” หรือ “คนที่คอยสนับสนุนคนอื่น” คุณอาจเคยได้ยินคนพูดว่า “ผมไม่มีเงินพอที่จะจ้างพวกหัวกะทิหรอก” แต่แทนที่จะมานั่งคร่ำครวญว่า “หาคนเก่ง ๆ นี่มันยากจริง ๆ” เขาเอาเวลาไปคิดหาวิธีแบ่งหน้าที่ให้ลูกทีมแต่ละคนเพื่อสร้างทีมที่สมดุล…ยังดีกว่า ข้อมูลจาก […]

พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ความสามารถมากมาย ต้องใช้ 4 เทคนิคเหล่านี้ในการสัมภาษณ์งาน

สถานการณ์การว่างงาน จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ทำการสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2562 พบว่า มีกำลังแรงงานประมาณ 38.09 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 37.62 ล้านคน ผู้ว่างงานจำนวน 4.4 แสนคน และผู้รอฤดูกาล 3.0 หมื่นคน ด้วยอัตราการว่างงานที่มากบวกกับค่าครองชีพที่สูงในปัจจุบัน จึงส่งผลให้การหางานเป็นเรื่องยาก มีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะหากจะหางานที่ตรงกับความถนัดและรายได้ที่พึงพอใจ แต่ไม่ว่าการสัมภาษณ์งาน จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกดดันเพราะทุกครั้งเราใส่ความคาดหวังที่จะได้งานลงไปไม่น้อย และความกดดันนี้เองที่เป็นส่วนทำให้เราทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะหากเราเป็นคนที่พูดน้อย เข้ากับคนไม่ค่อยเก่ง และค่อนข้างรักสันโดษแบบคน Introvert อยู่เป็นทุนเดิมด้วยแล้ว การสัมภาษณ์งานมักเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเตรียมตัวให้มากกว่าคนทั่วไปอยู่เสมอ …อย่ากังวลใจไป เรามี 4 เทคนิคการสัมภาษณ์งานสำหรับคน Introvert ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดีจาก Jobthai มาฝาก ดังต่อไปนี้ วางแผนเตรียมตัวสัมภาษณ์ให้ดี แม้ว่าเรซูเม่ของเราจะดูดีแล้ว จดหมายสมัครงานก็ถือได้ว่าโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่น แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่การสัมภาษณ์งานที่คน Introvert อาจรู้สึกอึดอัดและไม่เป็นตัวเอง การวางแผนจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในของการสร้างความมั่นใจ ลองอ่านทบทวนคุณสมบัติของตำแหน่งงานให้ละเอียด แล้ววิเคราะห์ตัวเองว่าเหมาะสมกับตำแหน่งที่เปิดรับไหม อย่าลืมค้นหาคำถามที่มักใช้ในการสัมภาษณ์งานจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีคนนำมาแบ่งปันกัน คำถามพื้นฐานอย่างการแนะนำตัวเอง เล่าถึงสิ่งที่เคยทำมาในอดีต และมองชีวิตอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร เหล่านี้คือคำถามทั่วไปที่หากเราตอบได้อย่างมั่นใจก็จะเป็นผลดีต่อการสัมภาษณ์งาน นอกจากนี้ควรไปถึงให้ได้ก่อนเวลาสัมภาษณ์สักประมาณ […]

วิธีทำให้ SEO ติดไฟเขียวผ่านตลอด โพสต์เมื่อไหร่ได้หน้าแรก Google แน่นอน

การทำ SEO คืออะไรคงไม่ต้องย้อนกลับไปอธิบาย เพราะหลายคนเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเทคนิคในการใส่คีย์เวิร์ดให้ Google มองหาเว็บไซต์คุณเจอ และนำเว็บไซต์มาเสนอให้ผู้คนได้พบเห็นมากขึ้น แน่นอนว่ายิ่งคีย์เวิร์ดนั้นมีคนสนใจเยอะ คู่แข่งก็เยอะตาม คุณจึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยอย่างปลั๊กอินในการโพสต์บทความและสิ่งต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ และถูกหลักแบบที่ Google ชื่นชอบ การทำ SEO ไม่จำเป็นต้องเน้นคีย์เวิร์ดเสมอไป การทำ SEO นั้นถ้าคุณเน้นที่คีย์เวิร์ดก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณติดหน้าแรกได้ง่ายขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่มีความรู้ด้านนี้เลย คุณมีเพียงประสบการณ์และมีความรู้อย่างถ่องแท้ในเรื่องที่ต้องการจะสื่อจริงๆ และคุณสามารถเขียนบทความให้น่าสนใจ มีประโยชน์ ตอบโจทย์คนอ่านได้ บทความของคุณก็สามารถติดหน้าแรกได้เช่นกัน นั่นเพราะบทความคุณมีคุณภาพมากเพียงพอ ทำให้คนคลิกและแชร์ รวมถึงส่งต่อกันไป เปิดอ่านกันมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยในด้าน SEO มากเท่านั้น ติด SEO ง่ายๆ ด้วยการใช้ Plug-in หากแต่ถ้าคุณไม่มีพรสวรรค์ในการชักจูงคนให้สนใจในบทความ หรือไม่มีฐานแฟนคลับระดับโตที่พร้อมจะกดแชร์ คุณก็สามารถใช้วิธีง่ายๆ แบบที่คนทั่วๆ ไปใช้กันได้ นั่นคือการใช้งานปลั๊กอินที่มีชื่อว่า Yoast SEO ซึ่งเป็นตัวช่วยในการตรวจเช็ก SEO ของคุณว่าตรงกับที่ Google ต้องการมากน้อยแค่ไหนแล้วหรือยัง ซึ่งปลั๊กอินตัวนี้ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยส่งให้เว็บคุณติดหน้าแรกแบบโดยตรง แต่มันจะช่วยเช็กลิสต์โครงสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ได้ว่าตอนนี้สำเร็จและถูกต้องเหมาะสมไปแล้วกี่ […]

5 นิสัยเศรษฐีที่คุณควรทำตาม

ใครๆ ก็อยากจะเป็นเศรษฐีกัน คุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หลายต่อหลายครั้งที่เรานำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับนิสัยของบรรดาคนร่ำรวยทั้งหลาย แต่บางเรื่องก็ดูจะไกลเกินไปที่จะทำตาม เพราะดูเหมือนว่าต้นทุนของพวกเขามีมากกว่า หรือที่หลายคนมักจะบอกว่าพวกเขาไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่สิ่งที่เรานำมาฝากกันวันนี้เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ ขอเพียงตั้งใจจริง นี่คือนิสัยที่คุณควรจะทำตาม 5 นิสัยเศรษฐีที่คุณควรทำตาม 1.ขับรถมือสอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนิสัยข้อนี้อ้างอิงจากหนังสือ The Millionaire Next Door โดย Thomas Stanley ที่บอกว่าคนรวยมักจะใช้รถยนต์ที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าคุณซื้อรถใหม่ราคาของมันจะสูงมาก และทำให้เกิดหนี้สินระยะยาวถ้าคุณไม่ได้ซื้อมันด้วยเงินสด แต่ถ้าเป็นรถมือสองราคาของมันจะถูกลงมากมาย และมันจะถูกจนอยู่ในระดับที่คุณสามารถซื้อมันได้ด้วยเงินสด งานนี้ได้ของดีแถมยังไม่ต้องมีหนี้สินระยะยาว 2.สร้างรายได้จากช่องทางที่หลากหลาย นิสัยข้อนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุด การเพิ่มรายได้ของคุณในช่องทางที่หลากหลายนั้น ยุคสมัยนี้เป็นอะไรที่สามารถทำได้ง่ายมาก รายได้จากการเขียน e-book, blog และบทความ เป็นงานที่คุณทำได้หลังจากเลิกงานประจำ นี่ยังไม่รวมอาชีพอิสระอย่างการขับ Uber และการเป็น Coach ให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่ใครๆ ก็สามารถเป็นได้ ด้วยการสร้างช่องทางรายได้ที่หลากหลายคุณไม่เพียงทำให้คุณสร้างรายได้พิเศษเท่านั้น แต่คุณยังสามารถปกป้องตัวเองได้หากมีบางสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับรายได้หลักของคุณ 3.ให้เงินออมทำงานให้คุณ เรื่องนี้มีการพูดถึงบ่อยมาก แต่ก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน วิธีที่ง่ายที่สุดในเรื่องนี้ก็คืออย่างน้อยที่สุดก็ให้เงินออมของคุณอยู่ในบัญชีที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุด และโปรดจำเอาไว้ว่านี่คือเงินออม มีเอาไว้เพื่อสะสมไม่ใช่เงินเพื่อการลงทุน เมื่อเวลาผ่านไปเงินออมของคุณจะเติบโตขึ้นจนน่าตกใจ […]

เพิ่มยอดขายด้วยการ Live สด พร้อมบอก 5 วิธีที่ทำให้ยอดคนดูเพิ่มขึ้น!

ระบบ Live สด นั้นไม่ใช่ระบบใหม่แต่อย่างใด เพราะทางเฟซบุ๊กได้ปล่อยให้ออกมาได้เล่นกันสักพักนึงแล้ว และเป็นที่นิยมของคนขายของออนไลน์อย่างมาก เนื่องจากเป็นระบบที่เฟซบุ๊กได้ปรับอัลกอริธึ่มให้มีคนเห็นมากที่สุด ดังนั้นการ Live สด จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดขายได้ดีที่สุดช่องทางนึงเลย มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากการ Live สด และสร้างตัวตนขึ้นได้บนโลกออนไลน์ Live สด คืออะไร และเพิ่มยอดขายได้ยังไงบ้าง การ Live สด ก็คือ การถ่ายทอดสดให้ผู้ติดตามในเพจ หรือคนในเฟซบุ๊กได้ดู และสามารถมีส่วนร่วมไปพร้อมๆ กันได้เลย ซึ่งการ Live สด จะทำให้คนดูรู้สึกอิน และได้เป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์ของคุณได้มากกว่าการโพสต์ปกติทั่วไป เพราะเขาสามารถพูดคุยกับคุณได้ทันที อีกทั้งข้อดีคือ ผู้ติดตามเพจของคุณจะมีอัตราการมองเห็นโพสต์ของ Live สด ได้มากกว่าโพสต์ชนิดอื่น เพราะเป็นระบบที่เฟซบุ๊กผลักดันอย่างมาก ซึ่งนอกจากการ Live สด จะช่วยดึงดูดผู้คนให้พบเห็นคุณมากขึ้นแล้ว มันยังช่วยให้กลุ่มเป้าหมายได้มองเห็นสินค้าตัวเป็นๆ ของจริงแบบเรียลไทม์ เป็นคอนเทนต์ที่จริงมากที่สุดในบรรดาคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ ลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าคุณได้ทุกมุม ทั้งขนาด ทั้งสี และวิธีการใช้งาน ด้วยความตอบโจทย์ตรงนี้ทำให้กลุ่มลูกค้าสนใจอยากดู Live สด ของคุณมากขึ้น และมีโอกาสสูงที่เขาจะตัดสินใจสั่งซื้อ […]

7 ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่ธุรกิจต้องเข้าใจ

ในฐานะผู้ประกอบการคุณต้องคอยถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า “ฉันต้องเอาเรี่ยวแรงและเงินทุนไปทุ่มเทให้กับตลาดส่วนไหนดี” นั่นหมายถึงคุณจะต้องกำหนดให้ได้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร และพวกเขาเหล่านั้นมีความต้องการเรื่องอะไรอยู่ ทำไมเขาถึงต้องใช้สินค้าและบริการของคุณ ผู้ประกอบการหลายคนมานึกถึงคำถามข้างต้นช้าเกินไป พวกเขาเดินหน้าทำธุรกิจตามความเชื่อของตัวเองไปก่อนแล้ว และเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาคิด จึงเริ่มหันกลับมาทบทวนเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าและบริการของตน ซึ่งหลายรายพบว่ามันช้าเกินไป ธุรกิจของพวกเขาเสียหายไปแล้ว กุญแจสำคัญในการตอบคำถามว่า “ทำไมลูกค้าถึงต้องใช้สินค้าและบริการของคุณ” ควรจะเป็นคำถามแรกตั้งแต่แรกก่อนที่คุณจะลงมือทำธุรกิจ หากคุณไม่รูัว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ก็ให้เริ่มต้นคิดจากความต้องการพื้นฐานของมนุษย์เป็นตัวตั้ง เพราะถ้าหากสินค้าของคุณสามารถตอบโจทย์ข้อใดข้อหนึ่งในความต้องการเหล่านี้ ก็แสดงว่าธุรกิจของคุณน่าจะมาถูกทางแล้ว 7 ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่ธุรกิจต้องเข้าใจ 1.ความมั่นคงปลอดภัย หากไม่มีเรื่องเหล่านี้มนุษย์จะเต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล 2.ความสนุกสนาน หากไม่มีเรื่องเหล่านี้ชีวิตก็จะน่าเบื่อ 3.ความต้องการเป็นคนสำคัญ เรื่องนี้อยู่ในใจของมนุษย์ทุกคน 4.ความรัก มนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องทำการติดต่อและสร้างความรักอยู่เสมอ 5.ความเป็นตัวของตัวเอง มนุษย์มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก 6.ความรู้ มนุษย์รักการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง 7.ความมีส่วนร่วม มนุษย์มีความต้องการในเรื่องการยอมรับจากผู้อื่น ความต้องการในเรื่องเหล่านี้เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ หากผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจจากการสร้างสินค้าและบริการที่สามารถรองรับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างน้อยหนึ่งข้อ ก็พอที่จะมั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ถ้ามันไม่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานข้อใดเลย คุณอาจจะต้องอธิบายให้ได้ก่อนว่า “ทำไมถึงมีคนอยากใช้สินค้าของคุณ” ก่อนที่จะไปทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจของคุณ

Bill Gates บอกเคล็ดลับในการ “จ้างคนที่ดีที่สุด” มาทำงาน

การสรรหาคนที่มีความสามารถในทศวรรษหน้าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายบริษัท ในขณะที่กลุ่มคนในวัยทำงานเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว บริษัทต่างจะทำอย่างไรในการรับสมัครและรักษาคนที่มีความสามารถที่ดีที่สุดเอาไว้ บิลล์เกตส์ เป็นหนึ่งในหลายคนที่เข้าใจเรื่องนี้ดี สิ่งที่เขาให้คำแนะนำเมื่อหลายปีก่อนกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้ เขาเคยบอกว่าการที่บริษัทต่างๆ จะสามารถรักษาคนที่มีฝีมือเอาไว้ได้ ต้องยื่นข้อเสนอพิเศษให้กับพนักงานของตนเอง และเรื่องพิเศษนั่นคือ “ความยืดหยุ่น” เรื่องสถานที่และเวลาในการทำงาน เรื่องของการทำงานโดยไม่ต้องเข้ามาที่ออฟฟิศ กลายเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่คาดหวังว่าจะได้รับในชีวิตการทำงานในปัจจุบัน คนหนุ่มสาวที่มากความสามารถต่างก็เลือกที่จะทำงานกับบริษัทที่มอบความยืดหยุ่นเรื่องนี้ให้กับพวกเขาได้ บริษัทไหนที่ตามเรื่องนี้ไม่ทันก็จะทำให้เสียโอกาศในการได้พนักงานรุ่นใหม่มากความสามารถ บริษัทควรเสนอเวลาที่ยืดหยุ่นในการทำงานให้กับพนักงาน จากการศึกษาล่าสุดของ FlexJobs พบว่าร้อยละ 84 ของกลุ่มคนวัย Millennials มีความต้องการเรื่องของสมดุลของชีวิตการทำงานมากขึ้น และ 54 เปอร์เซ็นต์ต้องการตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังมีการวิจัยจาก Qualtrics สำรวจพบว่าประมาณร้อยละ 76 ของคนวัย Millennials จะยอมลดค่าตัวในการจ้างงานให้กับบริษัทที่มีข้อเสนอเรื่องของ เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น อยากได้คนเก่งเข้ามาทำงาน อยากรักษาคนเก่งเอาไว้กับตัว บริษัทควรจะให้ความสำคัญในเรื่องความยืดหยุ่นของเวลาทำงาน เพราะมันคือความต้องการพื้นฐานของคนรุ่นใหม่ที่บริษัทต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจ อ้างอิง: https://www.inc.com/marcel-schwantes/bill-gates-says-companies-that-offer-this-perk-to-employees-will-have-a-clear-edge.html

5 นิสัยแย่ๆ ที่ทำลายความสำเร็จของคุณ

บางครั้งเราก็เอาแต่มองหาข้อดีต่างๆ เพื่อเอามาปรับใช้และหวังว่ามันจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น แต่ไม่ทันระวังตัวเลยว่าหากในตัวคุณเองยังมีนิสัยแย่ๆ อยู่เต็มไปหมด มันอาจจะกลายเป็นสาเหตุว่าที่ว่าเอาของดีเข้าตัวเท่าไรชีวิตก็ไม่ดีขึ้นสักที ลองมาทำการกำจัดนิสัยไม่ดีเหล่านี้กันดู แล้วคุณจะพบว่าชีวิตดีๆ นั้นอยู่ใกล้แค่นี้เอง นิสัยแย่ # 1 – ขี้ขลาด “ความคิดสร้างสรรค์ต้องกล้าหาญ” ทุกคนสามารถมีความคิดสร้างสรรค์กันได้ทั้งนั้น แต่การปล่อยให้ความขี้ขลาดและสงสัยคลานเข้ามาในความคิดของคุณ เป็นหนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในกระบวนการสร้างสรรค์ทางความคิด ความกล้าเท่านั้นที่จะยกระดับความไม่รู้ของคุณเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทำให้คุณพร้อมที่แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ นิสัยแย่ # 2 – ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่มีอะไรจะดับไฟในตัวของคุณเองได้รวดเร็วเท่ากับการที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะในเวลาที่คุณต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา การที่นำเอาความคิดของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มันคือการปิดกั้นจิตนาการของคุณอย่างไม่น่าให้อภัย เลิกเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วพัฒนาตัวตนในอย่างที่คุณอยากจะเป็น นิสัยแย่ # 3 – ฟุ้งซ่านไม่โฟกัส หากคุณยังเป็นคนที่คอยเอาแต่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูทุกๆ 5 นาที แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะที่ฟุ้งซ่านจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นิสัยแบบนี้ทำให้คุณไม่สามารถโฟกัสงานใดๆ ในชีวิตของคุณได้เลย คุณต้องกลับมาเป็นเจ้านายตัวเองให้ได้ เริ่มต้นด้วยการกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าเวลาไหนที่ต้องทำงาน เวลาไหนถึงจะกดหน้าจอโทรศัพท์ การโฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำคือพื้นฐานของความสำเร็จ นิสัยแย่ # 4 – ยอมรับแต่พลังด้านลบ ความคิดเห็นจากคนอื่นมีทั้งความคิดเห็นที่ดีและไม่ดี หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เลือกเอาแต่รับพลังงานด้านลบเข้าตัว ก็จะกลายเป็นคนที่รับแต่สิ่งที่คนอื่นไม่ชอบเข้ามา แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่คนอื่นชอบก็มีอยู่มากมาย ดังนั้นการยอมรับทั้งคำติและคำชมจะทำให้ชีวิตของเราประสบความสำเร็จได้มากกว่า การที่เอาแต่ยอมรับกับพลังด้านลบอย่างเดียว […]

ไม่ใช่ใครก็ได้! เปิดเงื่อนไขคนขับ “Grab” คุณสมบัติแบบไหนถึงจะได้เป็นพนักงาน

“Grab” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมในสังคมไทยที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง แบบไม่ต้องใช้เวลารอนอน ซึ่งในเวลาต่อมามีการขยายบริการไปสู่การรับสั่งอาหารให้กับลูกค้าที่ไม่อยากออกไปข้างนอก แต่อยากรับประทานอาหารอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ ด้วยความนิยมที่แพร่หลาย และครอบคลุมบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การรับ-ส่งผู้โดยสาร, การส่งอาหาร, การส่งพัสดุ จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้ของผู้คนทั้งในรูปแบบของงานประจำ และอาชีพเสริม อย่างไรก็ตาม การขับ Grab นั้นไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำกันได้ เพราะทางบริษัทได้มีเงื่อนไขของคุณสมบัติผู้ที่จะให้บริการนี้อย่างชัดเจน จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย มีอายุอย่างน้อย 20 ปีบริบรูณ์ เพื่อทำสัญญาได้ตามกฎหมาย หากมีอายุตั้งแต่ 65 ปีบริบูรณ์ ต้องตรวจสุขภาพ มีใบรับรองแพทย์มายืนยันว่าร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องโทษคดี หรืออยู่ระหว่างถูกกล่าวโทษ รอลงอาญา ไม่มีประวัติอาชญากรรม มีกรมธรรม์ประกันสำหรับการประกอบการยานพาหนะ มีใบขับขี่ มีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น หมวกนิรภัย ที่มา: grabdriverth

How to!! ฟังดีๆ นี่คือวิธี เป็น “หนี้” อย่างมีความสุข

เมื่อคุณเตรียมตัวเตรียมใจ และพร้อมสำหรับการ เป็นหนี้ คำนี้หลายคนอาจจะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย กังวลใจ รู้สึกเหมือนมีภาระติดตัวตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะว่าหากคุณตั้งมั่นที่จะอยู่ในวินัยของการใช้จ่าย วางแผนอย่างรอบคอบ คำว่าหนี้ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณแต่อย่างใด วันนี้ Smart SME มีวิธีให้คุณเป็นหนี้ อย่างเป็นสุขมาฝากกัน ด้วย บัญญัติ 8 ประการ ต่อไปนี้ ก่อหนี้เมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น เพราะเราต้องใช้หนี้ที่ก่อขึ้นทุกก้อน รู้จักหักห้ามใจตัวเอง ไม่วิ่งตามกระแสบริโภคจนเกินตัว ภาระการผ่อนชำระหนี้ทั้งหมดในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน คิดให้ดี และอ่านสัญญารวมทั้งเอกสารอื่นๆ ให้ถี่ถ้วน ใช้เงินจากสินเชื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ตั้งใจมั่นว่าจะจ่ายหนี้ให้ตรงเวลาตามเงื่อนไข หากเริ่มจ่ายหนี้ไม่ไหว ควรรีบหารือกับเจ้าหนี้ เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันแต่เนิ่นๆ หลีกเลี่ยงสินเชื่อนอกระบบ เพราะโดยทั่วไปดอกเบี้ยสินเชื่อในระบบจะถูกกว่าและหากเกิดปัญหาก็ยังมีทางดูแล ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย

จบทุกข้อสงสัย! 7 เทคนิคการตั้งราคาสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่

ปัจจุบันธุรกิจค้าขายเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นของผู้ประกอบการรายใหม่ ที่หันมาทำอาชีพอิสระหรือเลือกเป็นอีกอาชีพเสริม จนเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของธุรกิจค้าขายที่มีตัวช่วยอย่างระบบออนไลน์ มาทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นอีกทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากมายก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ แต่นั่นหมายถึงการมีคู่แข่งรอบด้านด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งปัจจัยที่มักทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ตกม้าตายตั้งแต่เริ่ม คือ การตั้งราคาไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ ในทุกธุรกิจต้องมีการกำหนดราคาไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม การตั้งราคาถือเป็นด่านแรกที่ผู้ประกอบการรายใหม่ต้องตีโจทย์ข้อนี้ให้เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไปหากรู้ว่าอะไรที่มีผลต่อการกำหนดราคาสินค้าของคุณ วันนี้ เรามี 7 เทคนิคการตั้งราคา เพื่อผู้ประกอบการรายใหม่ มาฝากกัน 1. ทำความรู้จักสินค้าของตัวเองให้ดีเสียก่อน ก่อนจะตั้งราคาสินค้าผู้ประกอบการใหม่ต้องรู้จักสินค้าของตัวเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนสินค้าต่อหน่วย รวมไปถึงรู้ว่าสินค้านั้นเป็นสินค้าประเภทไหน เช่น สินค้าทั่วไปซื้อง่ายขายคล่อง สินค้าเฉพาะเน้นกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ทั้ง 2 แบบสามารถบวกกำไรมากน้อยไม่เท่ากัน ซึ่งจำเป็นต้องประเมินจากต้นทุน จำนวนคู่แข่ง รวมไปถึงความต้องการของผู้บริโภค แน่นอนว่าสินค้าเฉพาะจะสามารถบวกกำไรได้มากกว่า แต่มีกลุ่มเป้าหมายที่เล็กกว่าสินค้าทั่วไปเช่นกัน 2. สำรวจตลาด หรือ ตรวจสอบราคากลาง ก่อนจะตั้งราคาทุกครั้งควรสำรวจตลาดเพื่อเช็กราคา สินค้า บริการ ฯลฯ เป็นอย่างไร มีค่ากลางอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วมาคำนวณต้นทุนของเราว่าควรจะบวกกำไรมากน้อยแค่ไหนถึงจะได้ราคาที่เหมาะสมไม่หนีจากราคาตลาด ตัวอย่าง สินค้า เครื่องประดับแฟชั่น 1 ชิ้น ต้นทุนอยู่ที่ 500 บาท ในตลาดสินค้า เครื่องประดับแฟชั่นประเภทเดียวกัน […]

5 นิสัยต้องมีของผู้ประสบความสำเร็จ

จากการรวบรวมข้อมูลของผู้เขียนจากการเข้าร่วมงานสัมมนา การอ่านหนังสือ และการพูดคุยกับผู้ประสบความสำเร็จที่หลากหลาย พอจะสรุปได้ว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จต่างก็มีนิสัย 5 อย่างนี้เป็นส่วนประกอบ ดังนั้นหากคุณนำเอานิสัยเหล่านี้ไปพัฒนาตัวเองก็เชื่อได้ว่าคุณเองก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จได้ 5 นิสัยที่จะเพิ่มโอกาสให้กลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จ 1.กำหนดสิ่งที่คุณต้องการ มหาเศรษฐี นักกีฬาระดับโลก และเหล่าผู้ที่ประสบความสำเร็จ ล้วนทำในสิ่งนี้เหมือนๆ กัน นั่นก็คือการกำหนดสิ่งที่ต้องการอย่างชัดเจน พวกเขาต่างก็รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ จากนั้นก็ลงมือทำทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงสิ่งที่ต้องการ พวกเขาเขียนมันขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้วลงมือทำงานอย่างหนัก 2.ทำงานมากกว่าแค่หาเลี้ยงชีพ เวลาทำงานทั่วไปของคนเราก็คือเริ่ม 8.00 แล้วไปหยุดตอน 17.00 นั่นเป็นเวลาการปกติของการหาเลี้ยงชีพ นั่นคือมันเพียงพอให้คุณได้มีเงินสำหรับการใช้ชีวิตไปวันๆ หากคุณต้องการความสำเร็จมากกว่านั้น คุณก็ต้องลงมือทำอะไรที่มันมากกว่าเวลาที่เรากล่าวไปแล้วข้างต้น คิดแล้วลงมือทำสร้างความแตกต่างให้มันเกิดขึ้น 3.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จมีความคิดเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่แตกต่างออกไป พวกเขามักจะได้รับข้อมูลเชิงบวกจากการอ่านหนังสือ, การพบปะพูดคุย และการเข้าร่วมสัมมนา กับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคนอื่นๆ การพัฒนาตนเองมีเป้าหมายคือเปลี่ยนระบบทั้งหมดของคุณให้เป็นระบบเดียวที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการได้ 4.เต็มใจรับความเสี่ยง ความเต็มใจที่จะรับความเสี่ยงเป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ความเสี่ยงสามารถอยู่ในรูปของเงินและเวลา คุณจะต้องจัดการรับความเสี่ยงตามความเหมาะสม เพราะการไม่ยอมเสี่ยงก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย 5.ทำตามคำแนะนำของ Einstein Albert Einstein บอกเอาไว้ว่า “สิ่งสำคัญคือการรักษาสิ่งสำคัญให้คงอยู่เป็นสิ่งสำคัญต่อไป” การกระทำทั้งหมดที่คุณทำควรทำโดยคำนึงถึงเรื่องนี้เสมอ หากทุกครั้งที่คุณถามตัวเองว่า “การกระทำนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับเป้าหมายของฉันใช่หรือไม่” ถ้าคำตอบคือใช่ก็ยอดเยี่ยม คุณกำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง ความงดงามของนิสัยเหล่านี้คือ ถ้าคุณทำทุกอย่างคุณจะได้เรียนรู้และเห็นถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป […]

1 … 22 23 24 … 73