กลยุทธ์เออ-ออ

เจาะลึกกลยุทธ์เออ-ออ ศาสตร์การตลาดที่ทำให้ลูกค้ายอมควักเงินและภักดีแบบไม่มีคำถาม

ถอดรหัสปรากฏการณ์กลยุทธ์เออ-ออ พฤติกรรมการตามกระแสของคนไทยที่สร้างยอดขายพุ่ง พร้อมเปิดกลยุทธ์ CREATOR จากอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อป เทคนิคสร้างความภักดีต่อแบรนด์ และเผยธุรกิจมาแรงที่จะใช้ประโยชน์จากการตลาดแบบนี้ได้ในอนาคต

 

ปรากฏการณ์กลยุทธ์เออ-ออในสังคมไทย: เมื่อกระแสมาเร็ว คนก็พร้อมตามเร็ว

เคยสงสัยไหมว่าทำไมสกินแคร์บางแบรนด์ถึงวางขายปุ๊บก็หมดปั๊บ? ทำไมเสื้อผ้าบางคอลเลกชันเพียงแค่เปิดพรีออเดอร์ก็ Sold out ในเสี้ยววินาที? หรือทำไมร้านอาหารบางร้านถึงมีคิวยาวเหยียดทุกวัน?

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็น “ปรากฏการณ์เออ-ออ” – พฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่พร้อมจะคล้อยตามกระแสโดยไม่ลังเล ซึ่งเป็นที่มาของงานวิจัย “ER-OR MARKETING: การตลาดแบบเออ-ออ พฤติกรรมตามกระแสของคนไทยในปัจจุบัน” โดย วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU)

“การเออ-ออ ไม่ใช่แค่กระแสข้ามวัน แต่สามารถเป็นจุดเริ่มต้นสร้างความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว”

ทำความเข้าใจพฤติกรรม “เออ-ออ” – ไม่ใช่แค่การตามกระแสแบบไร้เหตุผล

ผศ. ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า พฤติกรรม “เออ-ออ” หมายถึง การคล้อยตามหรือทำตามของคนในสังคม โดยเชื่อว่า “คนส่วนใหญ่น่าจะเลือกสิ่งที่ถูกต้อง” ทำให้กล้าที่จะทำตามโดยไม่ต้องศึกษาข้อมูลก่อน

 

ผศ. ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด (CMMU)

 

แรงจูงใจ 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเออ-ออ

  1. อิทธิพลทางสังคม (Social Influence) – เพราะทนต้านกระแสสังคมไม่ไหว (แรงจูงใจจากภายนอก)
  2. การซื้อสิ่งที่ได้รับความนิยม (Band Wagon Motivation) – เพราะต้องการการยอมรับ (แรงจูงใจจากภายใน)
  3. ความกลัวการพลาดโอกาส (FOMO) – เพราะกลัวว่าตัวเองจะพลาดอะไรไป หรือถูกตัดขาดจากสังคม (แรงจูงใจจากภายใน)

ความจริงแล้ว การ “เออ-ออ” สะท้อนถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม มีตัวตน และต้องการการยอมรับ นักการตลาดที่เข้าใจอินไซต์นี้ สามารถใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมไม่เพียงเพื่อสร้างยอดขายพุ่ง แต่ยังสร้างความเชื่อมั่น ความสัมพันธ์ และครองใจลูกค้าได้ระยะยาว

3 ธุรกิจมาแรงที่พร้อมใช้ประโยชน์จากการตลาดแบบเออ-ออในอนาคต

นอกเหนือจากธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เทคโนโลยี และการลงทุนแล้ว ยังมีอีกหลายกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการใช้การตลาดแบบ “เออ-ออ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

1. ธุรกิจแฟชั่นและความงาม – เกาะเทรนด์ตัวแม่ไว้ ยังไงก็ไม่เอ๊าท์

เมื่อดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อปสวมใส่หรือใช้ผลิตภัณฑ์ใด ก็มักเกิดกระแสให้คนอยากซื้อตาม โดยเฉพาะถ้าเป็น Limited Edition ยิ่งกระตุ้นให้คนเออ-ออตามกันเพราะกลัวตกขบวน

 

Asian clerk recommending

 

2. ธุรกิจสุขภาพและฟิตเนส – กระแสรักสุขภาพที่ไม่มีวันตาย

คนจำนวนมากพร้อมลงทุนกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส คอร์สออกกำลังกาย อาหารเสริม หรืออาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญหรืออินฟลูเอนเซอร์มารับรอง พร้อมภาพเปรียบเทียบก่อน-หลังที่เห็นความแตกต่างชัดเจน

 

Young woman workout in gym healthy lifestyle

 

3. ธุรกิจการท่องเที่ยวและที่พัก – เทรนด์ที่ไม่มีวันตาย

ใครๆ ก็ชอบตามกระแสสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ จุดชมวิวสุดปัง ที่พักสุดชิค หรือคาเฟ่เก๋ๆ เพื่อประสบการณ์ที่น่าประทับใจและได้ภาพสวยๆ มาโชว์ในโซเชียลมีเดีย โดยรีวิวแน่นๆ ช่วยสร้างความมั่นใจและกระตุ้นความรู้สึกว่า “ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต”

เปิดเผยทริก “CREATOR” จากอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อป  ป้ายยาอย่างไรให้เกิดกระแสเคลิ้มตาม

คุณมาวิน ทวีผล (เพจ mawinfinferrr) คุณภาพเพรง เลี้ยงสุข (Techsauce) และคุณบรรพต ธนาเพิ่มสุข (ช่องยูทูป “ถามอีก กับอิก Tam-Eig”) แชร์ทริก “CREATOR” ที่ช่วยให้การป้ายยาไม่ใช่แค่จูงใจให้ผู้บริโภคเออ-ออตามชั่วคราว แต่ยังสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาวผ่านกลยุทธ์เออ-ออ:

 

 

 

1. Consumer & Content Centric – รู้เขา รู้เรา… ป้ายยา 100 ครั้ง ก็ปังทุกครั้ง

การสร้างคอนเทนต์ที่อิมแพคโดนใจต้องอาศัยความเข้าใจที่ลึกซึ้งทั้งในตัวสินค้าและพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะการใช้โซเชียลมีเดียของแต่ละเจเนอเรชัน เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์และเข้าถึงลูกค้าในแต่ละแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Real – หมดยุคภาพดีสร้างได้ เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็มองออก

อินฟลูเอนเซอร์ยุคนี้ต้องมีตัวตนชัดเจน เป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของตัวเอง มีแนวทางการทำคอนเทนต์ที่โดดเด่น แตกต่าง ไม่เลียนแบบใคร ต้องทดลองใช้สินค้าจริงและแสดงความจริงใจ เพื่อให้ผู้ติดตามไว้วางใจและยินดีเออ-ออตาม

3. Emotional – เปลี่ยนคนดูสู่คนอิน

การสร้างคอนเทนต์ที่ “โดนใจ” ดึงอารมณ์ร่วม ไม่ว่าจะสนุกสนาน อบอุ่น ฟีลกู้ด หรือสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้ผู้ชมไม่เพียงรับรู้ แต่ยังเกิดความประทับใจ มีอารมณ์ร่วม ช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ใกล้ชิดกับผู้ชมมากขึ้น และสร้างความภักดีระยะยาว

4. Adaptation – ปรับตัวไว นำ 1 ก้าวก่อนใครเสมอ

การตลาดแบบเออ-ออเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย อาจดังได้เพียงข้ามคืนหรือแผ่วได้เพียงข้ามวัน ทั้งอินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ต้องปรับตัวให้ทันเทรนด์ ทันพฤติกรรมผู้บริโภค และทันเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ

5. Trend Setter – เทรนด์นี้เทรนด์ไหนใครๆ ก็สร้างได้

แม้การเกาะกระแสจะสำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตามกระแสไปทั้งหมด บางจังหวะต้องกล้าแตกต่างและสร้างเทรนด์ด้วยตัวเอง รู้จักคาดการณ์เทรนด์ใหม่ๆ หรือมองหามุมมองที่ยังไม่มีใครเห็น เพื่อกลายเป็นผู้นำเทรนด์ตัวจริง

6. Ownership – ทุกคนมีส่วนร่วม

สร้างคอนเทนต์หรือกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม เช่น ร่วมออกไอเดีย โหวตดีไซน์สินค้า หรือแชร์ความคิดเห็น ทำให้รู้สึกว่า “นี่คือแบรนด์ของเรา” คนส่วนใหญ่มักจะภูมิใจในสิ่งที่ตนมีส่วนร่วม ทำให้เกิดความจงรักภักดีโดยธรรมชาติ

7. Recognition – สร้างความทรงจำที่ประทับใจ

แม้กระแสในโลกโซเชียลจะมาไวไปไว แต่การสร้างตัวตนที่ชัดเจนและภาพลักษณ์ที่ติดตรึงในใจ พร้อมสร้างความทรงจำที่ดี จะทำให้อินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์โดดเด่นเป็นที่จดจำในระยะยาว และสามารถสร้างกระแสใหม่ให้ใครๆ พร้อมเออ-ออตามได้

กลยุทธ์เสริมเพื่อกระตุ้นพฤติกรรม “เออ-ออ”

นอกจากการใช้อินฟลูเอนเซอร์แล้ว ยังมีอีกหลายแนวทางที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรม “เออ-ออ” ได้:

  • สร้างคอนเทนต์ที่จริงใจจากผู้ใช้ตัวจริง (User-Generated Content) – การบอกเล่าเรื่องราวจากคนธรรมดาที่มีประสบการณ์จริงสร้างความน่าเชื่อถือและจุดกระแสเออ-ออได้อย่างรวดเร็ว
  • สร้างคอมมูนิตี้ของคนที่คอเดียวกัน – เปิดโอกาสให้สมาชิกรีวิว แชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และให้คำแนะนำกัน ช่วยเพิ่มความมั่นใจและกระตุ้นพฤติกรรมเออ-ออตาม
  • สร้างกระแสไวรัล – คอนเทนต์ที่มีโอกาสแมสสูง เช่น คลิปวิดีโอสั้นสนุกๆ ข้อความจำง่าย ภาพดึงดูดความสนใจ หรือ Challenge ที่ชวนให้อยากเข้าร่วม สร้างการรับรู้ในวงกว้างและจูงใจให้เออ-ออตามได้ทันที

บทสรุป การตลาดกลยุทธ์เออ-ออ – กลยุทธ์ทรงพลังที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม

พฤติกรรม “เออ-ออ” ไม่ใช่แค่การตามกระแสอย่างไร้เหตุผล แต่เป็นพฤติกรรมที่มีที่มาจากความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและการยอมรับ นักการตลาดและแบรนด์ที่เข้าใจอินไซต์นี้สามารถใช้กลยุทธ์ “CREATOR” เพื่อไม่เพียงสร้างกระแสชั่วคราว แต่ยังสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

 

 

การมุ่งเน้นที่ความจริงใจ ความเข้าใจผู้บริโภค การสร้างอารมณ์ร่วม การปรับตัวตามกระแส การกล้าสร้างเทรนด์ใหม่ การให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม และการสร้างตัวตนที่จดจำได้ จะช่วยให้แบรนด์สามารถใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมเออ-ออได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ที่มา: วิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU)

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ