เมื่อ Facebook ไม่ตอบโจทย์ “ตลาดออนไลน์”


การเติบโตของ Mobile Device เป็นปัจจัยเร่งสปีดความเร็วของการเติบโตของตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยมีรายงานการเข้าถึงสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคนไทยที่ศึกษาโดย Ericsson ConsumerLab สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กว่าปีละ 17% ในปี 2012 และเพิ่มขึ้นเป็น  36 % ในปี 2013 

เซียนตลาดออนไลน์ กล่าวกันว่า  เมืองไทย คือ เมืองหลวงของ Facebook ในเอเซีย เฉพาะประเทศไทยมีผู้คนเปิดบัญชีใช้เฟสบุ๊คมากถึงกว่า 25 ล้านบัญชี (ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 27 ล้านบัญชี) นั้นคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของประชากรทั้งหมดของประเทศไทย

จึงไม่แปลกใจ ที่ “ตลาดออนไลน์” จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงขึ้นส่งผลกระทบต่อ SMEs รายย่อยบางรายที่คุ้นชินกับการค้าแบบเก่า หรือการเปิดหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้า  ขณะที่บางรายไม่ต้องมีต้นทุนหน้าร้านกับขายสินค้าได้อย่างมากมาย โดยทั้งหมดของแม่ค้าออนไลน์ ไทยใช้ Facebook เป็นหน้าร้าน สูงที่สุด รองลงมาได้แก่ อินสตราแกรม ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งบริษัทลูกของเฟสบุ๊ค

ความเติบโตของธุรกิจเฟสบุ๊คนี้เอง ทำให้เราทุกคนเริ่มหันมาสนใจใช้ เฟสบุ๊คเป็นช่องทางการตลาดมากขึ้น จนแม้แต่เฟสบุ๊คเองก็เริ่มมองเห็นการทำรายได้จากการโฆษณาด้วยเช่นกัน  โดยเฟสบุ๊คทำการลดอัตราการแชร์ข้อมูลหน้าฟีดข่าวจากเคย 10% ของจำนวนเพื่อน ลดลง 8 6 2 และปัจจุบันเหลือเพียง 1 % เท่านั้น

นี่คือ  สาเหตุที่ “ทำให้ลูกค้าเห็นหน้าฟีดข้อความน้อยลง”  บรรดาแม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายเริ่มสงสัยว่าทำไม “ยอดขายลดลง” อย่างต่อเนื่องนับจากปี 2012 เป็นต้นมา ทำให้แม่ค้าออนไลน์มีต้นทุนค่าโฆษณากับเฟสบุ๊คเพิ่มขึ้น เพื่อแลกกับการที่เฟสบุ๊คนำเอาหน้าฟีดของเราไปกระจายให้เพื่อนเราเห็นเพิ่มขึ้น 

ทำอย่างไรในการกระจายหน้าฟีดข่าวของเราให้เพื่อนเห็นมากขึ้น อย่างแรก “กดไลท์ให้กระฉูด”  เราคงต้องเริ่มอ่านฟีดของเพื่อนมากขึ้น “กดไลท์” ให้เพื่อนเพิ่มขึ้น “เจาะแจะ” คอมเมนท์ให้เพื่อนบ้าง โดยหวังว่าเพื่อนจะกลับมากดไลท์ให้ โพสของเราบ้าง…ซึ่งจะทำให้หน้าฟีดยังเชื่อมโยงกันอยู่

อย่างที่สอง “ต้องเนียนมากขึ้น” เน้นการโพสเรื่องราวที่มีประโยชน์ เรื่องราวที่เป็นรสนิยม เรื่องราวที่เป็นความสนใจ บลา ๆๆๆ ทั้งหมดนั้นต้องหลีกเลี่ยง “โพสโฆษณาตรง” โพสโฆษณาสินค้าตรง ๆ เฟสบุ๊ครู้และเข้าใจว่าโพสนี้หาสตางค์ได้ จึงไม่กระจายโพสในอัตราที่สูงเพื่อให้แม่ค้าต้องซื้อโฆษณาโพส (boost post)  ดังนั้นต้องเนียน “สอดแทรกโฆษณา” ในภาพ ในข้อความ ยิ่งขึ้น

อย่างที่สามที่ คือ “รู้จัก application ให้มาก”  application ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน แม่ค้าออนไลน์ จำเป็นต้องเรียนรู้ รู้จัก และสร้างกลุ่มลูกค้าในทุกแอพพิเคชั่น เพราะลูกค้ามีรสนิยมแตกต่างกัน เช่น กลุ่มแฟนคลับดารา มักใช้ instargram  กลุ่มนักข่าว นักการเมือง มักใช้ Twiter  คนวัยทำงานมนุษย์เงินเดือน มักใช้ Line  อื่น ๆ  ซึ่งทั้งหมดคือ ลูกค้า  แม่ค้าควรจำไว้ว่า “ลูกค้ามีอยู่ในทุกแอพพิเคชั่น” และทุกแอพพิเคชั่นล้วนไม่ต้องเสียเงินในการใช้

สุดท้าย  คือ “เพื่อนมาก connections เยอะ” คือความสำเร็จในตลาดออนไลน์  บรรดาแม่ค้าที่เคยค้าขายด้วยระบบหน้าร้านหรือมี shop ให้ลูกค้าเดินเข้าหา ขอบอกว่า “บนโลกออนไลน์วันนี้..แม่ค้าต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าหาลูกค้าด้วยวิธีต่าง ๆ” ถึงจะบรรลุเป้าหมายของการขายสินค้าบนโลกออนไลน์

เมื่อ “เฟสบุ๊ค ไม่ตอบโจทย์” การตลาด เพราะเงื่อนไขทางธุรกิจของเฟสบุ๊คเอง แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้จักปรับตัว ต้องก้าวให้ทันเทคโนโลยี แล้วใช้เทคโนโลยีด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าเสมอ เพื่อให้ธุรกิจสร้างรายได้ให้อย่างต่อเนื่อง สำคัญอยู่ที่ “ปรับตัวให้ทันสถานการณ์ อย่าหยุดหาความรู้” 
          เรียนรู้การตลาดกับ ผม ได้ทุกวัน ที่ FB/SmeMeFan

          ขอบคุณรูปจาก https://charathbank.files.wordpress.com