“ผลงาน” ไม่ใช่ “งานหนัก” นักบริหารต้องแยกให้ออก : สุขุม นวลสกุล


ใครเป็นนักบริหารย่อมอยากมีผลงาน  เพราะผลงานเป็นสิ่งซึ่งเชิดหน้าชูตาทำให้นักบริหารได้รับการยกย่องและอยู่ในความทรงจำของผู้คน   เรียกว่า เป็นคนมี “ภาวะผู้นำ” ว่างั้นเถอะ

นักบริหารที่อยากเป็นผู้นำจึงต้องสร้างผลงาน  อย่างไรก็ตามอยากจะบอกกับนักบริหารทุกคนว่า  อย่าสับสนระหว่างคำว่า ผลงาน  กับ งานหนัก  แยกกันให้ออกนะครับ

 

การทำงานหนักนั้นเป็นธรรมชาติของนักบริหาร  นักบริหารที่ดีกับงานหนักเป็นของคู่กันอยู่แล้ว  แต่อย่าไปทึกทักเอาว่าการทำงานหนักนั่นคือผลงาน

 

อย่าบ่นทีเดียวนะว่า  ยังไม่เห็นอีกหรือว่าพี่เป็นผู้นำ   เคยเห็นพี่มาสายบ้างไหม  เช้าก่อนเจ็ดโมงพี่ถึงโรงงานแล้ว  เย็นหกโมงนี่ใครต่อใครกลับกันหมดแล้ว  แต่พี่ทุ่มสองทุ่มทุกวัน  เห็นไหมพี่เป็นผู้นำขนาดไหน

 

แต่ลูกน้องที่ได้ยินได้ฟังหัวหน้าที่มีความสับสนเรื่อง “ผลงาน” กับ “งานหนัก” อาจจะคิดอีกแบบ  “แหม นึกว่าพี่มีปัญหาครอบครัวเสียอีก  วัน ๆ ถึงไม่ค่อยได้กลับบ้าน”  เป็นอย่างนั้นไป

       

ก่อนหน้าเป็นอธิการบดี  ผมไม่ทราบงานโดยละเอียดของอธิการบดีมาก่อน  เมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นอธิการบดีแล้วจึงรู้ว่า  งานหนักที่สุดของอธิการบดีรามคำแหงคือเซ็นปริญญาบัตร  ก่อนวันพระราชทานปริญญาหนึ่งเดือนต้องอุทิศเวลาเซ็นปริญญาบัตรกว่าหมื่นใบ  แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย

 

แต่งานอย่างนี้อย่าไปเที่ยวอวดใครต่อใครนะ จะบอกให้ ไม่ใช่ตอนหาเสียงเพื่อให้เขาเลือกกลับไปเป็นอธิการบดีอีกรอบ  ดันประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า “ผลงานอธิการบดีสมัยแรกที่ผมภูมิใจที่สุดคือ เซ็นปริญญาบัตรสามหมื่นใบ”

 

เพราะแทนที่จะได้รับเสียงปรบมืออาจจะเป็นเสียงโห่  หรือมีเสียงตอบกลับมาว่า  “ใครเป็นอธิการบดี เขาก็เซ็นกันทั้งนั้นแหละ”  เอามาคุยอวดได้อย่างไร  ไม่เข้าท่า  ไม่น่าเลือกให้กลับไปเป็นอีกเลย จริงไหมครับ

 

สิ่งที่ผมต้องเอามาโชว์เป็นผลงานคือ  สิ่งที่เป็นนวตกรรมหรือปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยผม  ไม่ใช่อธิการบดีคนอื่นก็ทำได้    ซึ่งตอนพ้นจากอธิการบดีสมัยแรก  ผมเอาผลงาน ๒ งานที่ทำไว้มาใช้หาเสียง  ซึ่งน่าจะได้ผลเพราะผมได้รับเลือกเป็นอธิการบดีสมัยที่สองด้วยคะแนนท่วมท้นกว่าสมัยแรกเสียอีก  ขอคุยหน่อยครับ ๒ ผลงานดังกล่าวคือ

 

ผลงานแรก การเปิดวิทยาเขตบางนา  ซึ่งสร้างเสร็จมาก่อนหน้าที่ผมได้รับเลือกเป็นอธิการบดี  แต่อธิการบดีก่อนหน้าผม ๒ คนเปิดไม่สำเร็จ  เพราะโดนต่อต้านจากองค์การนักศึกษาสมัยนั้น  เนื่องจากทัศนะของนักศึกษามองเป็นการแยกพลังนักศึกษาไม่ให้รวมกันในที่เดียวกัน    แต่ผมดำเนินการเปิดจนสำเร็จทำให้นักศึกษาปีที่ ๑  ได้มีโอกาสเรียนเต็มหลักสูตร แทนที่จะเรียนแบบกวดวิชาเฉพาะเสาร์อาทิตย์เพราะที่หัวหมากแออัดมีห้องเรียนไม่พอ

 

ผลงานที่สอง ได้แก่  การเอาการเรียนการสอนทางโทรทัศน์ของรามคำแหงซึ่งแต่เดิมเผยแพร่ทางช่อง ๑๑ เวลา ๕ ทุ่มถึงตี ๑  ซึ่งดึกเกินไปนักศึกษาที่ไหนจะดู   มาเผยแพร่ทางช่อง ๗  เวลา ๖ โมงเย็นถึง ๒ ทุ่ม ซึ่งสมัยนั้นเป็นชั่วโมงประหยัดไฟรัฐบาลให้ทีวีทุกช่องหยุดเผยแพร่รายการปกติ    ผมวิ่งเต้นประสานงานจนได้รับอนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ เป็นผลงานที่ทำให้นักศึกษาสามารถเรียนอยู่ที่บ้านได้มีประสิทธิภาพขึ้น  และทำให้ชาวบ้านชาวเมืองมีความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยมากขึ้น   เพราะช่วงเวลาประหยัดไฟใครอยากดูทีวีก็จำเป็นต้องดูช่องรามคำแหง

 

ผลงานนั้นต้องเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นโดยการสร้างของเรานะครับ  ไม่ใช่ทำตามรอยเท้าคนอื่น  หรือทำที่คนก่อน ๆ เขาริเริ่มไว้  ไม่งั้นแทนที่จะได้รับคำสรรเสริญอาจถูกล้อเลียนแทนก็ได้

 

เหมือนอย่างเมื่อตอน พตท. เอ๊ย……นายทักษิณ ชินวัตรขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก   ท่านตั้ง รตอ. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย   ท่านปุระชัยสร้างผลงานดีเด่นเป็นที่พออกพอใจของประชาชนคือ  การจัดระเบียบสังคม ควบคุมคลับบาร์ดิสโก้เทคให้อยู่ในกฏกติกา  ไม่ปล่อยให้วัยรุ่นเที่ยวเตร่โดยไม่มีขอบเขต  จนได้รับฉายา “มือปราบสายเดี่ยว”  ตะแนนศรัทธาพุ่งพรวด  สำรวจโพลล์กันทีไรคะแนนไล่นายกรัฐมนตรีไปติด ๆ

 

ต่อมาอาจเป็นเพราะท่านดังจนเกินไป  ท่านจึงโดนย้ายไปอยู่กระทรวงอื่น  งานที่สร้างชื่อให้ท่านถูกรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยเอาไปสานต่อ ขยายการตรวจตราออกหัวเมือง ตั้งที่ปรึกษาและผู้ช่วย ฯ ออกช่วยตรวจ  เป็นข่าวครึกโครมเกือบทุกวันทางโทรทัศน์ช่องที่ท่านเคยเป็นผู้จัดการใหญ่มาก่อนเป็นรัฐมนตรี   แทนที่คนจะปรบมือให้  รัฐมนตรีท่านหลังกลับถูกล้อเลียนว่า  สงสัยจะเป็นโรคจิตต้องหาดมเยี่ยวเด็กก่อนนอน  เป็นอย่างนั้นไป

 

แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า  เราขึ้นมาเป็นนักบริหารที่ใดก็ตาม  ไม่ควรทำสิ่งที่ผู้บริหารเก่าเขาทำไว้   จริง ๆ แล้ว อะไรดี ๆ ที่นักบริหารรุ่นก่อนสร้างไว้  เราก็ควรสืบต่อหรือรักษาไว้  ไม่งั้นอาจจะโดนคนที่พอใจแช่งด่าเอาได้  ไม่ใช่ขึ้นมาแล้วต้องล้างไพ่   แต่อย่าทึกทักว่าผลงานของเขาจะเป็นผลงานของเราไปด้วย  เท่านั้นเอง

 

ดร.วิญญู อังคณารักษ์นักบริหารมือหนึ่งของกระทรวงมหาดไทยในอดีตซึ่งปัจจุบันนี้รีไทร์ออกจากราชการไปนานแล้ว  เคยเขียนลงหนังสือต่วยตูนว่า  ถ้าท่านผ่านจังหวัดอยุธยา  ท่านอดไม่ได้ที่จะแวะไปที่สวนสาธารณะบึงพระรามกลางกรุงเก่า   เพื่อรำลึกถึงความหลังด้วยความภาคภูมิใจ

 

ท่านเล่าว่า  ครั้งหนึ่งท่านมารับราชการเป็นปลัดจังหวัดที่นั่น  โดนแต่งตั้งให้รักษาการณ์นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพระนครศรีอยุธยา  ท่านมีโอกาสได้ไปดูงานที่ประเทศแถบยุโรป  ได้ไปเห็นนาฬิกาดอกไม้ที่สวนสาธารณะของประเทศหนึ่ง  ท่านชอบมาก  กลับมาจึงให้สร้างเลียนแบบไว้ที่บึงพระราม  ท่านบอกว่าชาวบ้านชาวเมืองพออกพอใจเรียกขานกันว่า “นาฬิกานายก ฯ”   ท่านปลื้มผลงานชิ้นนี้มาก

 

เห็นไหมละครับ  แม้เราจะเลียนแบบความคิดผู้อื่น  แต่ถ้าเอามาใช้ในสถานที่ ๆ เราบริหารอยู่เป็นคนแรก  ความคิดของคนอื่นก็อาจจะกลายเป็นผลงานของเรา  ทำให้ได้รับความชื่นชมศรัทธาจากผู้ที่พอใจในสิ่งที่เรานำมา  บางทีผู้นำก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรใหม่ ๆ   แต่เปิดหูเปิดตา  ไปไหนมาไหนเห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ  ก็จดจำมาทำในสถานที่ ๆ ตัวบริหารอยู่  จะดัดแปลงหรือเอามาทั้งดุ้นก็ดูตามความเหมาะสม  ก็กลายเป็นคนมีไอเดียมีผลงานโชว์ให้คนยอมรับได้เหมือนกัน

 

อย่างไรก็ตาม  การที่จะมีผลงานนั้นไม่ใช่มัวแต่เสนอไอเดียความคิดนะครับ  ถ้าเอาแต่เสนอแบบนั้น แทนที่จะได้รับการยกย่องอาจจะโดนโจมตีว่า  “ดีแต่พูด”   ต้องลงมือทำนะครับ   เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้นักบริหารมีผลงานเป็นที่ปรากฏนั้นจะต้องมี “ความมุ่งมั่น”ประกอบด้วย

 

ความมุ่งมั่นคือการที่จะทำอะไรควรจะประกาศให้คนอื่นที่ทำงานร่วมกับเราหรือถ้าทำงานส่วนรวมก็ให้ชาวบ้านชาวเมืองได้รับทราบอย่างกว้างขวาง  เพราะการให้คนอื่นรับรู้ด้วยจะเป็นเสมือนสัญญาประชาคมว่า เราจะทำสิ่งนั้นแน่   ไม่ใช่พูดลอย ๆ  ไม่ผูกมัดว่าจะต้องทำ

 

ความมุ่งมั่นหมายรวมถึงกำหนดเสร็จของสิ่งที่จะทำด้วย  ไม่ใช่ทำไปเรื่อย ๆ  เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น  เหมือนอย่างหลายโครงการที่ถูกล้อเลียนว่าเจ็ดชั่วโคตรคือไม่เห็นเสร็จสักกะที   วิธีที่จะทำให้มีผลงานจะทำอะไรควรมีเป้าหมายว่าจะให้สำเร็จภายในวันที่เท่าไหร่  

 

บางคนอาจจะบอกว่าแล้วเกิดไม่เสร็จตามที่วางไว้ละไม่เสียฟอร์มแย่หรือ    ไม่เสียหรอกครับ ถ้าเราสามารถอธิบายปัญหาอุปสรรคให้คนยอมรับได้    ดีกว่าไม่กำหนดไว้  เพราะอาจทำให้เราทำงานแบบเอ้อระเหย  ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ อยากมีผลงานควรรู้จักขีดเส้นตายให้งานที่ทำ ฝากข้อเขียนสำหรับนักบริหารที่อยากมีผลงานนะครับ