จับประเด็นเล่นหุ้น ทำเงินให้งอกเงย : เกาะขอบอนาคตหุ้นท่องเที่ยวโดดเด่นน่าสนใจไปกับ หุ้น SPA


ในห้วงที่ผมกำลังปั่นบทความอยู่เป็นช่วงสงกรานต์ บรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งที่ในช่วงนี้ประเทศไทยประสบกับภาวะภัยแล้ง แต่ก็ยังถึงว่า “คึกคัก” แม้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะดูซบเซา แต่ก็ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมหนึ่งที่ทำกำไรได้อย่าง “โดดเด่น” และเพิ่มขึ้นทุกปี หากเราเชื่อมั่นในธุรกิจท่องเที่ยว ผมแนะนำให้ลองอ่านบทความนี้ เพราะเราจะมาวิเคราะห์เจาะโมเดลธุรกิจกันว่า หุ้น SPA นั้นมีการเติบโตอย่างไรในอนาคต ติดตามกันเลยครับ

ลักษณะธุรกิจ

SPA บริษัทดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ คือ

1.ธุรกิจสปา ภายใต้แบรนด์ “Let’s Relax” และ แบรนด์ “RarinJinda Wellness Spa”
2.ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ในนาม “โรงแรม ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท” เป็นโรงแรมสไตล์บูติก ที่จังหวัดเชียงใหม่ และร้านอาหารในนาม “Deck 1”
3.ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาภายใต้แบรนด์ “Blooming”
4.กิจการโรงเรียนเกี่ยวกับการนวดแผนไทยในนาม “โรงเรียนสอนนวดแผนไทยบลูมมิ่ง” เพื่อให้การอบรมบริการนวดและสปาแก่พนักงานเทอราพิสต์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท

กลุ่มลูกค้าหลักของ SPA คือใคร

กลุ่มลูกค้าหลักของSPA ได้แก่ คนจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และยุโรป โดยในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าฝั่งเอเชียจะมีจำนวนมากขึ้นและเติบโตค่อนข้างจะรวดเร็วครับ

หุ้น SPA กลุ่มลูกค้า

(ที่มาภาพ : บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด มหาชน)

จากภาพเราจะเห็นว่ากลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวจีนเติบโตขึ้นมากกว่า 122% เมื่อเทียบกับลูกค้ากลุ่มอื่นๆ นั่นหมายความว่าบริการของ SPA นั้นถูกใจชาวจีนเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบัน SPA มีแบรนด์ให้บริหาร ดังต่อไปนี้

– RarinJinda Wellness Spa เป็นแบรนด์ระดับบน มีสาขาทั้งสิ้น 4 สาขา (ปี 2558)
– Let’s Relax เป็นแบรนด์เรือธง ระดับกลาง มีสาขาทั้งสิ้น 14 สาขา
– บ้านสวน เป็นแบรนด์ระดับล่าง ที่เทคโอเวอร์มา ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 5 สาขา

โดยฐานลูกค้าของ SPA ในปัจจุบันมีกว่า 60,000 ราย และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อรายประมาณ 800-1000 บาทต่อหัว มี Utilization Rate ที่กว่า 85%

นอกจากการบริหารแบรนด์ของตนเองแล้ว SPA ยังรับบริหารแบรนด์อื่นตามโรงแรมต่างๆ จากช่องว่าที่ธุรกิจ SPA ในโรงแรมมักจะมีลูกค้าน้อย เพราะอยู่ในมุมที่คนภายนอกไม่รู้จักมากนัก ทำให้ SPA รับบริหารแบรนด์ด้วยการเปลี่ยนให้เป็นแบรนด์ของตนเอง ลูกค้าก็จะรู้จักมากขึ้น และเข้ามาใช้บริการมากขึ้น นั่นทำให้การขยายสาขาเป็นไปได้อย่างรวดเร็วขึ้นตามไปด้วย

อนาคตของ SPA

สำหรับอนาคตของ SPA นั้นจะมีกลยุทธ์การขยายกิจการ อันได้แก่ การเข้าไปบริหารจัดการ SPA ในโรงแรมภายใต้แบรนด์ของตนเอง การเทคโอเวอร์แบรนด์สามดาว (บ้านสวน) เพื่อขยายฐานลูกค้า การขยายไปต่างประเทศด้วยการขายแบรนด์ให้กับประเทศจีน และอนาคตจะมีการขยายสาขาทุกปีๆ ละ 10 สาขา นอกจากนั้น SPA ยังทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในแบรนด์ของตนเอง เป็นการต่อยอดกิจการที่ชาญฉลาดทีเดียวครับ

ประเมินมูลค่าของหุ้น SPA

สำหรับการคำนวณมูลค่าหุ้น SPA นั้น เราต้องพิจารณาก่อนว่าหุ้นตัวนี้ถือเป็นหุ้น “โตเร็ว” และการโตนั้นทีมงานจะเน้นที่การขยายสาขาเป็นหลัก จากกำไรที่ทำได้ในปี 2558 ด้วยจำนวนสาขาราวๆ 22 สาขา เราสามารถคำนวณกำไรต่อสาขาได้ประมาณ 5 ล้านบาทต่อสาขา (ข้อมูลจาก set.or.th)

อนาคตนั้นผู้บริหารบอกกับเราว่าจะมีการขยายสาขาราวๆ 10 สาขาต่อปี โดยเรือธงในการขยายก็คือแบรนด์ตรงกลางที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวราวๆ 800-1000 บาทต่อหัว ทำให้เราประมาณการคร่าวๆ ได้ว่ากำไรโดยรวมของ SPA จะเพิ่มขึ้นปีละกว่า 20-30% ก็เป็นไปได้ครับ

เมื่อเราลองนำกำไรมาคำนวณราคาปัจจุบัน ด้วยพีอีเดียวกับคือ 40 เท่ากว่า จะทำให้ราคาหุ้นนั้นมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นได้อีกราวๆ 20-30% ภายในหนึ่งปี สำหรับนักลงทุนหุ้นโตเร็วแล้ว ราคานี้ถือว่าพอรับได้ แต่สำหรับนักลงทุนแนวเน้นคุณค่า ราคานี้อาจจะรู้สึกว่าไม่ถูกเลยครับ ใครที่รับกับราคาหุ้นไม่ไหวคงต้องหันไปมองหาหุ้นตัวอื่นแทนนะครับ… ไว้ตอนต่อๆ ไปผมจะนำหุ้นที่น่าสนใจมา “เจาะลึก” กันใหม่ ติดตามให้ได้นะครับ
(นายแว่นธรรมดา)