“เวลาเปลี่ยน..เงื่อนไขเปลี่ยน..ปั้นชาวนาให้เป็น SME”


14705616_10154585944826462_3552402750948413663_n

            

                                                                ดร.พนม ปีย์เจริญ

…พูดกันเล่นๆ มานานแล้ว ว่าเมื่อไหร่ชาวนาไทยจะเปลี่ยนจาก”กระดูกสันหลังของชาติ มาเป็นสันในของชาติบ้างเพราะเป็นกระดูกที่แบกรับภาระของชาติมาตลอดชีวิตแต่ไม่เคยลืมตาอ้าปากกันได้เลยสักที

ภูมิปัญญาและองค์ความรู้ในการสร้างผลผลิตให้เป็นเมล็ดข้าวที่ถ่ายทอดกันมายาวนานกลับกลายเป็นตัวก่อหนี้สินที่พูนพอกขึ้นทุกวัน ยิ่งอยากรวย ยิ่งเป็นหนี้ท้ายที่สุดเมื่ออยากมีเงินก้อนใหญ่ ถ้าไม่ไปกู้เขามาก็ต้องขายที่ดินที่ใช้ทำมาหากินให้นายทุน เป็นปัญหาซ้ำซากมานานปีหลายชั่วอายุคนแล้วถึงวันนี้แทนที่จะดีขึ้นเพราะลูกหลานมีความรู้มากขึ้นกลับยิ่งหนักข้อขึ้น เพราะถูกพ่อค้ากดราคาขายข้าวจนชาวนาแทบไม่เหลืออะไรจึงมีข่าวชาวนามารวมตัวกัน ว่าจะไม่ขายข้าวให้โรงสีแล้วแต่จะสีข้าวขายกันเอง แล้วรอดูพ่อค้าไม่มีข้าวขาย มาง้อขอซื้อข้าวจากชาวนา

โดยต้องเริ่มต้นจากตนเองหรือชาวนาเองก่อนว่าทำนาไม่มีทางร่ำรวยแบบพ่อค้า เพราะฉะนั้นพี่น้องชาวเกษตรกรต้องเริ่มคิดแบบเกษตรกร ไม่เน้นมีความเป็นอยู่แบบฟุ้งเฟ้อ ฟู่ฟ่าแบบคนร่ำรวย ชนิดใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนแพงๆ กินอาหารขยะชนิดหัวสูงแต่รายได้ต่ำเป็นต้นจากนั้นลองมาหาวิธีเหมือนในหลายประเทศเขาทำกัน ชนิดที่สามารถทำได้จริง เช่น

1.ทำร้านค้า ขายสินค้าที่เราผลิตเอง โดยถ้าเรามีที่นาหรือเรือกสวนไร่นาที่ติดถนนเราก็สร้างร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่เป็นผลผลิตของตนเองและเพื่อนชาวนาใกล้เคียงของเพื่อนร่วมอาชีพที่อยู่ใกล้เคียงกันมาวางขายถ้าเป็นชาวนาที่พอจะมีกำลัง ก็ลงทุนซื้อเครื่องสีข้าวขนาดเล็กสีข้าวในนาตนเองและนาบริเวณใกล้เคียง เอามาขายข้างถนนสดๆกันเลย สีทุกวันใหม่สดทุกวัน ประเภท”ผู้ผลิตถึงผู้บริโภค” ตัดคนกลางทิ้งไปเลยเพราะสินค้าอื่นๆไม่ว่าจะเป็นพืชผักผลไม้ อาหารสดอาหารแห้งร้านขายของฝากฯลฯ ยังเอามาวางขายข้างทางได้ แล้วทำไมข้าวจะเอามาขายไม่ได้

2.นำข้าวคุณภาพที่สีแล้ว โดยเฉพาะข้าวเกษตรอินทรีย์ใส่บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยไปขายในตลาดนัดชุมชนที่รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มขึ้นมาแล้วนำข้าวและสินค้าเกษตรมาวางขายหรือตั้งเป็นคาราวานข้าวและพืชผลทางเกษตรนำไปขายในหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนพนักงานมากๆ โดยหมุนเวียนกันไปทั้งเดือนเพื่อให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างทั่วถึงหรือแม้กระทั่งวิธีการอย่างที่หน่วยงานอย่างปั้มน้ำมันปตท.ที่ให้พี่น้องชาวเกษตรกรเอาข้าวไปขายในปั้มน้ำมัน ถือได้ว่าเป็นการ”ตกปลาในที่ที่มีปลา”เพราะลูกค้าที่เข้าไปในปั้มน้ำมันนั้นก็มีอยู่แล้ว ที่จอดรถก็สะดวกสบายถือว่าสมประโยชน์กันทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นถ้ามีปั้มน้ำมันอื่นๆหรือหน่วยงานอื่นๆจะสนับสนุนก็จะเป็นเรื่องดีไม่เว้นแต่โรงพยาบาลที่มีคนไปใช้บริการเยอะอยู่แล้ว ก็ให้ชาวนานำข้าวกล้องข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวซ้อมมือ ข้าวก่ำและข้าวอื่นๆที่ปลอดสารพิษไปวางขาย  สร้างเป็นจุดขายที่เน้นในการดูแลรักษาสุขภาพให้กับผู้ป่วยผู้รักสุขภาพ ขายในราคาที่ปลอดคนกลางก็จะเป็นการช่วยเหลือชาวนาได้อีกส่วนหนึ่ง

3.ขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ต้องใช้ข้าวสารจำนวนมากเป็นประจำอยู่แล้วขอความร่วมมือติดต่อช่วยซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางอย่างเช่นที่กองทัพบกทำอยู่ จึงอยากให้หน่วยงานอื่นๆทำเช่นเดียวกันนี้ทั้งกองทัพเรือ กองทัพอากาศ ไม่เว้นแม้แต่ภาคเอกชนถ้าจะทำ CSR ก็นี่เลยครับบริษัทฯห้างร้านใดต้องซื้อข้าวมาปรุงมาขายให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ก็สั่งซื้อกับชาวนาโดยตรงก็นับว่าเป็นการช่วยเหลือชาวนาและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรอีกทางหนึ่งด้วย

4.ขอความร่วมมือจากประชาชน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเปลี่ยนจากกระเช้าของขวัญประเภทเหล้า เครื่องกระป๋องของขบเคี้ยว ขนมช็อคโกแล็ตฯลฯ ให้มาเป็นกระเช้าข้าวชนิดต่างๆ ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียวข้าวกล้อง ข้าวก่ำ ข้าวดอยฯ เป็นต้น สิ่งที่สำคัญในเบื้องต้นก็คือต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาคเอกชนในส่วนต่างๆอาทิ

@ ขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพช่วยออกแบบร้านค้าที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ที่มองเห็นแล้วรู้ได้ทันทีเลยว่า เป็นร้านขายข้าวสารของชาวนาหรือชุมชนเช่นออกแบบหลังคาให้เป็นรูปหมวกชาวนา หรือสร้างร้านค้าเหมือนเถียงนาหรือสร้างร้านเป็นรูปคาราวานเกวียนของชาวนาเป็นต้น

@ ออกแบบหีบห่อหรือบรรจุภัณฑ์ให้ดูเก๋ไก๋ ทันสมัยในขนาดและปริมาณต่างๆพร้อมทั้งบอกสรรพคุณพร้อมทั้งเรื่องราว(Story)ที่น่าสนใจเกี่ยวกับข้าวหรือผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆและคุณประโยชน์ต่างๆใส่ไว้ข้างๆบรรจุภัณฑ์ด้วย

@ กลุ่มเกษตรกรต้องรีบรวมตัวกัน พร้อมให้นึกคำสอนของพ่อ ทั้งเรื่อง”เศรษฐกิจพอเพียง” “รู้รักสามัคคี” จัดตั้งกลุ่มกันขึ้นมาให้แข็งแรงและแข็งแกร่งแต่งตั้งทีมทำงานขึ้นมาเพื่อให้สามารถรวมตัวกันได้เหนียวแน่นและสามารถสนองความต้องการของหน่วยงานที่ต้องการสินค้าในจำนวนมากและสม่ำเสมอระยะยาวๆด้วย

สิ่งเหล่านี้ต้องคิดไว้ล่วงหน้าด้วยเพราะถ้าทำเช่นนี้ไม่ได้และรวมตัวกันไม่แข็งแกร่งต่อเนื่องวังวนก็จะกลับไปสู่รูปแบบเดิมๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เริ่มคิดใหม่ทำต่างจากเดิมได้แล้วครับ พี่น้องชาวนาไทยเพราะเวลาเปลี่ยนไปแล้ว เงื่อนไขก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โลกดิจิตอลอะไรก็สกัดไม่อยู่หรอกครับ ถ้าเราทำจริง สู้จริง เอาจริงมีคนพร้อมช่วยพี่น้องชาวนาและพี่น้องชาวเกษตรกรรมอยู่ไม่น้อยเลยครับชั่วโมงนี้