โอกาสของธุรกิจโรงพยาบาลในยุค AEC มีโอกาสสดใส


การเปิด AEC จะทำให้แนวโน้มการทำธุรกิจโรงพยาบาลสดใส โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนไทยยังมีศักยภาพสูง แต่ต้องแข่งขันกับสิงคโปร์ อินเดีย และมาเลเซีย นอกจากนี้ยังขาดแคลนบุคลากรเป็นจำนวนมาก 

สุขภาพถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ในแต่ละประเทศให้ความสำคัญ และปลายปี 2558 นี้จะเริ่มมีการประชาคมอาเซียนขึ้น เมื่อมีประชากรเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจโรงพยาบาลนั้นเป็นธุรกิจสำคัญที่ต้องมีเพียงพอต่อความต้องการ

โดยข้อมูลจากองค์กรสหประชาชาติ (The United Nations : UN) ประมาณการว่า สัดส่วนจำนวนประชากรผู้สูงอายุ จากประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มประชากรในช่วงอายุนี้เพิ่มมากขึ้น ในปี 2558 ร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งหมดในอาเซียน หรือประมาณ 60 ล้านคนจากร้อยละ 7 ในปี 2543 และในปี 2603 จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 27 ทั้งนี้ในปี 2603 ประเทศสิงค์โปร์จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุพุ่งสูงถึงร้อยละ 40  และในปี 2558 ตลอดจนถึง ปี 2603 จะมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุในประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศพม่า สปป.ลาว ประเทศกัมพูชา และประเทศมาเลเซีย มีแนวโน้มเพิ่มถึงกว่า 2 เท่า ทั้งนี้อัตราประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับธุรกิจโรงพยาบาล เนื่องจากผู้ป่วยในโรงพยาบาลส่วนมาก เป็นผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่

                อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีคู่แข่งสำคัญ ทางธุรกิจโรงพยาบาลในอาเซียนอยู่ 3 ประเทศ คือ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศอินเดีย และประเทศมาเลเซีย สำหรับจุดเด่นของ 3 ประเทศดังกล่าวคือ โรงพยาบาลประเทศสิงคโปร์ จุดเด่นคืออุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ทันสมัย อีกทั้งคุณภาพของบริการในอันดับต้น ๆ ของโลก บุคลากรทางการแพทย์มีจำนวนที่เพียงพอ มีการประสานงานอย่างเป็นระบบของภาครัฐในการสนับสนุนภาคเอกชน นอกจากนี้ ยังมีข้อได้เปรียบที่บุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ อีกทั้งสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี บุคลากรในประเทศอินเดียก็เช่นกันที่มีบุคลากรที่มีทักษะด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี รวมถึงอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ต่ำกว่าศูนย์ อื่น ๆ ที่อยู่ในระดับคุณภาพเดียวกัน ส่วนประเทศมาเลเซีย เน้นให้บริการชาวมุสลิมในราคาที่ถูกกว่าชาวสิงคโปร์ และสำหรับประเทศไทยเรานั้น มีการรักษาที่หลากหลายและคุณภาพสูง ส่วนค่าบริการนั้นค่อนข้างต่ำกว่าคู่แข่งอย่างประเทศสิงค์โปร์ อีกทั้งทำเลที่ตั้งไทยถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และประเทศไทยยังมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยเองจึงมีข้อได้เปรียบคู่แข่งประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน แต่ธุรกิจโรงพยาบาลในประเทศไทยยังมีความบกพร่องในเรื่องการขาดแคลนบุคลากรทางการพยาบาล ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ ผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามาในประเทศเมื่อเปิดประตูอาเซียน ซึ่งการขาดแคลนบุคลากรจะส่งผลต่อภาพลักษณ์การบริการด้านพยาบาลของประเทศอย่างแน่นอน ทั้งนี้ยังรวมถึงผลกระทบทางด้านการเมือง ซึ่งยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ถึงแม้รัฐบาลจะเริ่มเข้าที่เข้าทางไปบ้างแล้วก็ตาม  ดังนั้นประเทศไทยควรมีการเร่งเพิ่มจำนวนบุคลากรทางการพยาบาล และวางแผนการพัฒนาพร้อมเฝ้าระวัง ตั้งรับสถานการณ์ต่าง ๆ เอาไว้ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ธุรกิจโรงพยาบาลของประเทศไทย