ช่วงนี้จะเห็นว่า บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ของไทยเข้าไปบุกตลาดอินเดียมากขึ้น เช่น สยามแม็คโคร, ซีพี, อิตาเลียนไทย, ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์, ไทยซัมมิท, เดลต้า, แอลเอ ไบซิเคิ้ล, ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสทรี้, แพรนด้า, ร้อกเวิธ, เอสซีจี เทรดดิ้ง, ดัชมิลล์, ยูเรก้า ดีไซน์, แอ็ลไลด์ เม็ททัลส์, ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป ฯลฯ
นั่นเพราะประเทศอินเดียมีประชากรกว่า 1.3 พันล้านคน โดย 79.8% เป็นชาวฮินดู อีก 14.2% เป็นชาวมุสลิม และประชากรกว่า 60% ทำอาชีพเกษตรกรรม สำหรับ 5 เมืองแรกที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด ได้แก่ มุมไบ นิวเดลี โกลกัตตา บังคาลอร์ และเจนไน ตามลำดับ ซึ่ง 60% ของสินค้าไทยจะถูกขนขึ้นที่ท่าเรือมุมไบ
จากสถิติปี 61 ระบุว่าอัตรา GDP ของอินเดียเติบโตกว่า 7.3% มีรายได้ต่อหัวที่ 2,016.15 เหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2,379.51 เหรียญสหรัฐ ในปี 63 ปัจจุบันอินเดียมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่ง World Bank คาดว่า อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ภายในปี 63 ทำให้อินเดียเป็นประเทศนักลงทุนสนใจ เนื่องจากมีการเติบโตของชนชั้นกลาง และรายได้ที่เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนั้น สถิติปี 61 ยังชี้ว่าอินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 10 ของไทย โดยการค้าระหว่างไทยและอินเดียมีมูลค่า 12,463.75 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นไทยส่งออกไปอินเดีย 7,600.32 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอินเดีย 4,863.43 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งภาพรวมของสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปอินเดีย คือ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รวมถึงรถยนต์และส่วนประกอบ ขณะที่สินค้าที่ไทยนำเข้าจากอินเดีย ได้แก่ เพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เคมีภัณฑ์ รวมถึงเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
ขณะเดียวกันอินเดียก็ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพของ SMEs ไทย เพราะปัจจุบันการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดอินเดีย ยังมีปริมาณน้อย เนื่องจากปัจจัยด้านการขนส่ง และเป็นตลาดที่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการไทยยังไม่คุ้นเคย โดยสินค้า SMEs ไทยที่มีโอกาสเติบโต ได้แก่
- กลุ่มธุรกิจอาหาร เพราะอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ บวกกับความต้องการบริโภคโปรตีนจากสัตว์จะมีอัตราเพิ่มขึ้น ทั้งในตลาดโลกและตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะในอินเดีย
- กลุ่มธุรกิจบริการ เช่น บริการท่องเที่ยว และจัดงานแต่งงาน ซึ่งคนอินเดียนิยมเดินทางมาเที่ยว และแต่งงานในไทยกันมาก
- กลุ่มธุรกิจเครื่องประดับแท้ เนื่องจากเครื่องประดับไทยมีการเจียระไนที่ละเอียด มีรูปแบบสวยงามกว่าอินเดีย ทั้งยังมีราคาสมเหตุสมผลกว่าเครื่องประทับจากเกาหลีใต้ หรือจีนไทเป
- กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เพราะชาวอินเดียมองว่าเฟอร์นิเจอร์ไทยมีความสวย ประณีต จึงนิยมใช้ของตกแต่งบ้านจากประเทศไทย
- และกลุ่มธุรกิจยางพารา เนื่องจากชาวอินเดียนิยมนำไปเป็นส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์
สำหรับใครที่ต้องการต่อยอดโอกาสธุรกิจ มองหาคอนเน็กชั่น หรือสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ อย่าลืมแวะไปที่งาน Smart SME EXPO 2019 ในแนวคิด #ที่เดียวจบพบทางรวย 4-7 กรกฎาคม 2562 ณ ฮอลล์ 7-8 ณ อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี
โดยผู้เข้าชมจะได้พบกับการรวบรวมแนวคิดการทำธุรกิจไว้มากมาย อาทิ โซนธุรกิจสุขภาพ-ความงาม โซนธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม โซนนวัตกรรม โซนแฟรนไชส์ โซนสถาบันการเงิน และโซนสนับสุนนการทำธุรกิจ SMEs