วัยทีนหันมาซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า


เมื่อทำการเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันี้กับปีที่ผ่านมา พบว่าวัยทีนในปัจจุบันหันมาเป็นผู้บริโภคในการซื้อของออนไลน์มากขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า 3 เท่า จากเดิม 2% เพิ่มเป็น 9% ซึ่งที่มาของข้อมูลมาจากรายงานประจำปีเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กของ Kaspersky Lab

รายงานแสดงให้เห็นว่า เด็กๆ ก็เหมือนผู้ใหญ่ที่ชอบและสนุกกับการค้นหาของที่อยากได้ผ่านทางออนไลน์ ซึ่งต่อไปอาจจะกลายเป็นช่องทางหลักของการซื้อของในอนาคต ดังนั้นผู้ปกครองจำเป็นต้องให้คำแนะนำกับเด็กๆ เพื่อที่จะทำการช้อปปิ้งออนไลน์ได้อย่างถูกวิธี ปราศจากความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์

สถิติความสนใจของเด็กและเยาวชนมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการเข้าเว็บไซต์การซื้อของออนไลน์ทั่วโลก โดยข้อมูลรายงานนี้ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในการใช้งานซื้อของออนไลน์ในแถบรัสเซียและประเทศในโซน CIS คิดเป็น 23% ตามมาด้วยโซนอเมริกาเหนือ 15% ยุโรปและตะวันออกกลางคิดเป็น 11% ส่วนเอเชียและละตินอเมริกาคิดเป็น 9% ในประเทศไทยเด็กและเยาวชนให้ความสนใจกับการซื้อของออนไลน์เติบโตขึ้น 5 เท่า จาก 1.02% เป็น 5.64% ซึ่งนับเป็นความสนใจอันดับที่ 4 รองมาจาก การเล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง และการเล่นเกมส์

จากสถิติที่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละพื้นที่ เว็บไซต์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดทั่วโลก ได้แก่ AliExpress Amazon และ Ebay ในส่วนของเว็บไซต์ในประเทศจีน เด็กๆ จะให้ความสนใจมากขึ้นอย่ารวดเร็วต่อเนื่องทุกปี หากแบ่งตามประเภทสินค้า ด้านสปอร์ตจะเป็น Nike กับ Adidas อิเล็กทรอนิกส์จะเป็น Apple กับ Samsung และสินค้าแฟชั่นต่างๆ จะเป็น Gucci, Vans, Supreme, Zara และ Bershka เหล่านี้เป็นเว็บไซต์ที่ผู้บริโภควัยเด็ก ให้ความสนใจในการค้นหาและซื้อของออนไลน์มากที่สุด

มีการตั้งขอสังเกตว่า การค้นหาสินค้าออนไลน์หรือแม้แต่การเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องจบด้วยการซื้อของ พวกเด็กๆ อาจเพียงแค่เข้าไปดูในรายการของที่อยากได้ และนำมาบอกเพื่อนๆ และครอบครัวนั่นเอง เพราะฉะนั้นการที่เด็กๆ ให้ความสนใจในการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้นก็ไม่ควรจะเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมและให้คำแนะนำกับเด็กๆ ในความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นและสิ่งที่ควรระวังพื้นฐานทั่วไป

ประเทศไทยเป็นประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือได้ว่าประชากรมีส่วนร่วมในการใช้งานออนไลน์มากที่สุด โดยตลาดอีคอมเมิร์ซตั้งเป้าการซื้อของออนไลน์ในส่วนของค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2566 ซึ่งเด็กในปัจจุบันจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนหรือหยุดชะงักได้ เพราะพวกเขาเริ่มการซื้อของออนไลน์ด้วยตัวเองเร็วเกินไป ดังนั้นควรจะต้องให้คำแนะนำและใช้เครื่องมือที่จะช่วยปกป้องการเงินออนไลน์ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ และต้องเริ่มทำตั้งแต่เนิ่นๆ

คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยจากการซื้อของออนไลน์

– เตือนพวกเขาว่า หากมีการใช้งานไวไฟสาธารณะและทำการชำระเงินออนไลน์ จะทำให้ถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ง่าย ดังนั้นไม่ควรใช้ไวไฟสาธารณะในการซื้อของออนไลน์

– ควรตกลงกับเด็กๆ ว่าก่อนที่จะทำการซื้อของออนไลน์จะต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ หรือผู้ปกครองช่วยเด็กในการทำการชำระเงิน จนกว่ามั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถทำการชำระเงินได้ด้วยตนเองอย่างปลอดภัย ไม่ควรให้ข้อมูลบัตรเครดิตกับเว็บไซต์ที่น่าสงสัยหรือไม่คุ้นเคย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากอาชญากรทางไซเบอร์

– ให้คำแนะนำพวกเขาให้หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลใดๆ จากร้านค้าไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือผ่านทางออนไลน์ และต้องให้เด็กกล้าที่จะถามเมื่อเกิดปัญหาหรือมีข้อสงสัย

– ไม่ควรให้ข้อมูลบัตรเครดิต กับบุคคลอื่นนอกจากคนในครอบครัวอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งเพื่อนหรือผู้ปกครองคนอื่นๆ ต้องให้เด็กจำไว้ว่าไม่มีใครมีสิทธิมาขอข้อมูลเหล่านี้เด็ดขาด

– ต้องจำไว้เสมอว่าหากมีการบันทึกข้อมูลส่วนตัวและบัตรเครดิตไว้ในมือถือ หากมีการสูญหายหรือโดนขโมยอาจตกไปอยู่มือคนไม่หวังดีได้

– ใช้งานซอฟต์แวร์ที่สามารถควบคุมเรื่องความปลอดภัยได้

อ้างอิง: Kaspersky