ส่อง! 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ในปี 63


ม.หอการค้า เผย 10 ธุรกิจ ดาวรุ่ง และ 10 ธุรกิจดาวร่วง ปี 2563 พร้อมคาดการณ์ เศรษฐกิจ อยู่ในอาการฟื้นตัว มีปัจจัยหลักเรื่องสงครามการค้า จีนกับสหรัฐฯ คาดเศรษฐกิจยังโตได้ 3.1 %

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ 10 อันดับธุรกิจรุ่งและร่วงปี 2563 ว่า จากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจปี 2562 คาดว่าจีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.5 ส่งออกหดตัวร้อยละ 5.1 รวมถึงปัจจัยด้านอื่นๆ โดยเฉพาะความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนการทำสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมปี 2562 ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้คาดการณ์ว่า

10 อันดับธุรกิจร่วงปี 2563 ประกอบด้วย

1.ธุรกิจเช่าหนังสือ
2.ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร
3.ธุรกิจร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต
4.ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร
5.ธุรกิจหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ไม้
6.ธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิม
7.ธุรกิจคนกลาง
8.ธุรกิจอินเทอร์เน็ตประเภทฮาร์ดดิสไดรฟ์
9.ธุรกิจดั้งเดิมไม่มีการดีไซน์และใช้แรงงานมาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น
10.ธุรกิจร้านถ่ายรูป โดยธุรกิจร่วงเหล่านี้ผู้ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน

10 อันดับธุรกิจดาวรุ่งปี 2563 ประกอบด้วย

1.ธุรกิจแพลตฟอร์ม
2.ธุรกิจเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านโครงข่าย
3.ธุรกิจเกม
4.ธุรกิจด้านขนส่งโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต
5.ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
6.ธุรกิจฟาสฟู้ดส์
7.ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ
8.ธุรกิจด้านพลังงาน
9.ธุรกิจก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน
10.ธุรกิจเครื่องสำอางและบำรุงผิว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ มองว่าเศรษฐกิจปีหน้าอยู่ในอาการฟื้นตัว มีปัจจัยหลักจีนกับสหรัฐได้ข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม และทางออก Brexit ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์

ดังนั้น จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 กำลังฟื้นตัวขึ้นและส่งผลให้ดอกเบี้ยไม่ได้เพิ่มขึ้นไปมาก แม้จะมีปัจจัยทางการเมืองที่หลายฝ่ายมองว่าอาจจะมีปัญหาการชุมนุมนอกสภา แต่เชื่อว่าจะอยู่ภายใต้กฎหมาย แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ปรับ ครม.ต่อเนื่อง แต่จะปรับหรือไม่ปรับ นักการเมืองทุกคนต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์อยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดเศรษฐกิจปีหน้าเติบโตร้อยละ 3.1 ได้อย่างแน่นอน