องค์กรในไทยส่วนใหญ่พร้อมสำหรับ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่จะเริ่มมีผล พ.ค.63


ในเดือน พ.ค.63 กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทยจะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ยังไม่สายเกินไปที่หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ จะหันมาวางแผนและมีวิธีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้เป็นไปตามกฎหมาย

เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้าด้วยว่า ข้อมูลของพวกเขาที่ถูกบริษัทจัดเก็บจะมีความปลอดภัย ไม่มีการรั่วไหลจนเกิดเป็นความเสี่ยงและสร้างความเสียหายให้แก่ลูกค้าในภายหลัง

PwC ประเทศไทย เผยรายงานล่าสุด Digital Trust Insights: Data Trust ที่ทำการวิเคราะห์บริษัทที่เป็นผู้นำในการสร้างความไว้วางใจในข้อมูล พบว่าปัจจุบัน องค์กรที่ไม่มีกระบวนการในการประเมินคุณค่าของข้อมูลอย่างเป็นทางการ มีอยู่เป็นจำนวนน้อยเท่านั้น โดย 72% จากผู้ถูกสำรวจมากกว่า 3,500 คนระบุว่า องค์กรของพวกเขามีกระบวนการดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และจากกลุ่มผู้ถูกสำรวจที่มีกระบวนการในการกำหนดคุณค่าให้กับข้อมูลอย่างเป็นทางการนี้พบว่า 37% มีการนำทีมงานที่ดูแลความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานเรียกองค์กรเหล่านี้ว่า เป็นผู้นำในการสร้างความไว้วางใจในข้อมูล (Data trust pacesetter)

ทั้งนี้ ผลสำรวจ Digital Trust Insights พบว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้นำในการสร้างความไว้วางใจในข้อมูลมีเหมือนกันคือ ความเชี่ยวชาญในการประเมินคุณค่า และใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงผลการดำเนินงาน โดย 61% ขององค์กรในกลุ่มนี้ได้พัฒนาแผนสำหรับการใช้ข้อมูลเพื่อทำให้การปฏิบัติการดำเนินไปอย่างชาญฉลาดและรวดเร็วขึ้น เปรียบเทียบกับเพียง 46% ขององค์กรทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ องค์กรที่เป็นผู้นำเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะเห็นอัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าถึง 3 เท่า (24%) เปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือ (7%)

ปัจจัยอีกประการที่ทำให้องค์กรเหล่านี้มีความโดดเด่นคือ ความสามารถในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ เพราะเมื่อข้อมูลมีมากขึ้น แน่นอนว่าการมีกฎระเบียบข้อบังคับในการป้องกันความเป็นส่วนตัวและข้อมูลก็ย่อมมีมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งในประเด็นนี้ องค์กรที่เป็นผู้นำในการสร้างความไว้วางใจในข้อมูลมองว่าเป็น “โอกาส” มากกว่า “อุปสรรค” โดยพวกเขาสามารถสร้างความไว้วางใจภายในองค์กรและทำให้เกิดความมั่นใจว่า มีการรวมศูนย์ของข้อมูลซึ่งนำไปสู่การประสานงานร่วมกัน นอกจากนี้ มากกว่า 3 ใน 4 ขององค์กรกลุ่มผู้นำที่ถูกสำรวจ กล่าวว่ากฎระเบียบยังช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย

อ้างอิง: PwC ประเทศไทย