จับตาเทรนด์ร้อน “Food Delivery” หลัง 3 ค่ายเตรียมดึงร้านค้าเข้าระบบ เรียกเก็บ GP 25-30%


อย่างที่ทราบดีว่า เทรนด์ของความสะดวกสบายที่เริ่มเข้ามามีบทบาทกับผู้บริโภคชาวไทย และส่งผลให้ธุรกิจ Food Delivery คึกคักอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

เทรนด์รักสะดวก ส่งตลาดโตกว่า 3 หมื่นล้าน

Food Delivery เป็นหนึ่งตลาดที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลายค่ายมีจำนวนออเดอร์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น Food Panda ที่เข้ามาในประเทศไทยมากว่า 7 ปี มียอดการสั่งอาหารแตะล้านออเดอร์ได้แล้ว ขณะที่ Grab food มียอดสั่งอาหารผ่าน APP สูงถึง 4 ล้านออเดอร์ ภายใน 4 เดือน เทียบกับทั้งปี 2018 ที่ผ่านมา

ด้าน Line Man ที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 มีการเติบโตในแต่ละปีได้ไม่ต่ำกว่า 300% รวมไปถึงการเข้ามาแชร์ตลาดของน้องใหม่อย่าง Get food ก็มียอดออเดอร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าตลาดในกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงถึงเกือบ 30,000 ล้านบาท

 

 

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ นั่นคือปัญหาการจราจรติดขัดที่ทำให้คนส่วนใหญ่เสียเวลาในการเดินทาง บวกกับบางร้านอาหารบางร้านต้องรอคิวนานโดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้บริโภคจึงเลือกซื้อความสบายโดยสั่งอาหารมาทานที่บ้าน ด้วยข้อดีที่สามารถเลือกสั่งอาหารได้หลากหลาย ลูกค้ามีโอกาสในการเข้าถึงร้านอาหารใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น แม้จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องบริการส่งอาหาร แต่หลาย ๆ ค่ายก็มีโปรโมชั่นส่วนลดออกมาแข่งขันเรียกลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้วจึง สะดวกสบาย และประหยัดกว่าการเดินทางไปที่ร้านด้วยตนเอง

ไม่เพียงเท่านั้น แต่อีกเหตุผลที่เป็นปัจจัยหนุนทำให้ธุรกิจนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากการใช้สมาร์ทโฟนที่มากขึ้นซึ่งจากสถิติตัวเลขการใช้ Facebook ในกรุงเทพมหานครพบว่ามีจำนวนสูงมากที่สุดในโลก ฉะนั้นการเข้าถึงธุรกิจออนไลน์จึงง่ายและเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจนี้เป็นอย่างดี

 

 

Lineman-Grab-Get food จัดระบบเรียกเก็บ GP

อย่างไรก็ดี หลังจาก 3 ค่ายใหญ่ Lineman- Grab food -Get food ได้เปิดทดลองให้ผู้ประกอบการร้านค้าเข้าสู่ระบบการสั่งอาหารผ่าน Application เมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา โดยเริ่มมีการแข่งขันกันจัดโปรโมชั่น ลดค่าจัดส่งเพื่อชิงช่วงชิงลูกค้า โดยผู้ประกอบการร้านอาหารไม่ต้องจ่ายค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากการขายให้กับทาง APP ทำให้การตั้งราคาขายไม่สูงจนเกินไป และดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาสนใจใช้บริการสั่งอาหารผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก 

 

 

แต่หลังจากหมดโปรโมชั่นช่วงทดลองระบบ ทั้ง 3 ค่ายได้แจ้งไปยังร้านอาหารที่เคยอยู่บน Application Food Delivery ให้มาลงทะเบียนเพื่อร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมจะได้สิทธิพิเศษ คือ เป็นร้านอาหารแนะนำระดับแรก ๆ มีตำแหน่งเมนูอาหารที่เห็นเด่นชัด และลูกค้าที่สั่งอาหารทาง APP จะจัดโปรโมชั่นจัดค่าส่งอาหารให้ในราคาพิเศษ โดยไม่ต้องเสียค่าส่งตามระยะทาง แต่มีเงื่อนไขทางร้านฯ ต้องเสียค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากยอดขายให้กับทาง APP Delivery (แอปฯ เดลิเวอรี่)

 

ดึงร้านค้าเข้าระบบ เรียกเก็บ GP 25-30%

เจ้าของร้านอาหารผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันส่งอาหารรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังจากทั้ง 3 ค่ายนำร้าน เข้าสู่ระบบ APP Delivery จากที่ก่อนหน้านี้ทางร้านมียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว แต่ประมาณช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ทาง APP Delivery ทั้ง 3 ค่าย ได้แจ้งจะทำการจัดระบบการสั่งอาหารผ่าน APP ใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ร้านที่เคยร่วมทดลองระบบฯ ก่อนหน้านี้มาลงทะเบียนเพื่อคู่ค้าหรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ซึ่งมีเงื่อนไขจะมีการจัดเก็บ Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากยอดขายให้กับทาง APP Delivery ทำให้ช่วงนี้เท่าที่ทราบหลายร้านมียอดขายลดลงไปมาก เนื่องจากอยู่ระหว่างการลงทะเบียนและรอการอนุมัติจากการทำสัญญา

โดยเจ้าหน้าที่ Lineman ระบุว่า หากเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์แล้ว ทาง APP Lineman Food Delivery จะขึ้นเป็นร้านอาหารแนะนำ และโปรโมชั่นค่าส่งในราคาพิเศษให้กับผู้สั่งอาหาร แต่ทางร้านต้องเสียค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่ง 30% จากยอดขาย และจะส่งบิลเรียกเก็บทุก ๆ สิ้นเดือน แต่ไม่ได้มีการบังคับ กล่าวคือหากร้านค้าใดไม่เข้าร่วมก็ไม่ได้สิทธิพิเศษดังกล่าว ลูกค้าที่สั่งอาหารก็ต้องจ่ายค่าส่งอาหารตามระยะทาง

ขณะที่ Grab food มีเงื่อนไขเดียวกันคือเสียค่า Gross Profit (GP) 30%  แต่ลูกค้าที่สั่งอาหารจะต้องชำระผ่านทาง APP Grab food โดยตรง และจะหักส่วนแบ่ง 30% ทันที จากนั้นทาง Grab food จะโอนค่าอาหารคืนให้กับร้านค้าแบบวันต่อวัน

 

 

ส่วนทาง Get food ได้แจ้งให้ร้านอาหารที่สนใจเข้าร่วมอบรมกับโครงการ “เคล็ดลับจากร้อยสู่ล้านก้าวไปกับ Get food” ระหว่างวันที่ 3-24 ธันวาคม 2563 หากร้านค้าที่ลงทะเบียนทำสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์ในช่วงวันดังกล่าวจะคิดค่า Gross Profit (GP) เพียง 25% เท่านั้น แต่หลังจากช่วงวันดังกล่าวจะคิด 30%

 

 

“จากการเรียกเก็บค่า GP ของทั้ง 3 APP ทางร้านจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาอาหาร เพราะถือเป็นค่าบริหารจัดการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า แต่คงปรับขึ้นไม่มาก เพราะเกรงจะกระทบกับทางลูกค้า แต่หากลูกค้ามาทานที่ร้านก็ยังคงขายในราคาเดิม” เจ้าของร้านอาหารรายเดิมกล่าว