ดีมานด์ในอุตสาหกรรมค้าปลีกจะหายไป 10% อย่างถาวร ผลจากการระบาดของโควิด-19


การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมค้าปลีก ทำให้ร้านต่าง ๆ ต้องพากันปิดหน้าร้าน ทำการปลดพนักงานประจำร้าน แล้วหลายรายต้องยื่นล้มละลาย

นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านค้าปลีกของธนาคาร Wells Fargo ได้กล่าวว่า ดีมานด์หรือความต้องการซื้อของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยรวม อาจจะหายไป 5-10% อย่างถาวร เมื่อเทียบกับความต้องการที่เกิดขึ้นก่อนมีการแพร่ระบาดของโควิด-19

สาเหตุมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อทำการรับมือกับการแพร่ระบาด ร้านค้าจำนวนไม่น้อยปรับตัวไม่ทันทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในช่วงที่มีการกักตัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการที่ไม่เปิดช่องทางจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์

Wells Fargo ได้ทำการสำรวจผู้บริโภคมากกว่า 1,000 คน ในช่วงอายุต่าง ๆ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากวางแผนที่จะลดการใช้จ่ายลงประมาณ 8% นอกจากนี้ยังพบว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการในการซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าลดลงในระยะยาว ซึ่งตัวเลขที่พอจะยืนยันเรื่องนี้ได้ก็คือ การที่ Under Armour ออกมาประกาศว่า ยอดขายของบริษัทจะลดลงมากถึง 60% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020

นอกจากนี้ผลสำรวจของ Wells Fargo ยังพบว่า มากกว่า 40% ของคนตอบแบบสอบถามบอกว่า พวกเขาจะกลับไปซื้อเสื้อผ้าที่หน้าร้านหลังจากการระบาดสิ้นสุดลง 3 เดือน และอีก 11% บอกว่าจะกลับไปซื้อเสื้อผ้าที่หน้าร้านก็ต่อเมื่อมีวัคซีนหรือยารักษาโรคนี้แล้วเท่านั้น

จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงนี้การซื้อขายทางออนไลน์จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยอดของการซื้อเครื่องแต่งกายและรองเท้าทางออนไลน์คิดเป็น 25% ของยอดขายทั้งหมด และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

อ้างอิง :

https://www.cnbc.com/2020/05/13/10percent-of-retail-demand-might-be-lost-forever.html?fbclid=IwAR0jpQYl2q44TAjYcfzNop0-L0B4f_OnUTkBYyi0nYMjK_n93bqlZE6jaHs