ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 วันนี้หลายประเทศเริ่มเปิด หลังมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับคนในประเทศจนครอบคลุมแล้ว
จากสถานการณ์ตลาดส่งออกของไทย โดยข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พบว่า ในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ของปี 64 ตลาดส่งออกหลักของผู้ประกอบการไทย มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากมูลค่าส่งออกรวม 85,577 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,668,290 ล้านบาท โดยมี 10 ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุดได้แก่
1.สหรัฐอเมริกา มูลค่าการส่งออก 398,137 ล้านบาท โดยมีสินค้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ โทรศัพท์และอุปกรณ์ และเครื่องจักรกล ฯลฯ
2.จีน มูลค่าการส่งออก 351,305 ล้านบาท โดยมีสินค้าสำคัญ ได้แก่ ผลไม้สด แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อากาศยานและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ และยางพารา ฯลฯ
3.ญี่ปุ่น มูลค่าการส่งออก 260,415 ล้านบาท โดยมีสินค้าสำคัญ คือ เหล็กและผลิตภัณฑ์ รถยนต์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ยางพารา และทองแดง ฯลฯ
4.สหภาพยุโรป มูลค่าส่งออก 237,685 ล้านบาท สินค้าสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ และเครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
5. กลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่าส่งออกรวม 638,909 ล้านบาท โดยหากเจาะเฉพาะประเทศ พบว่าตลาดเวียดนาม มีความน่าสนใจไม่น้อย จากมูลค่าการส่งออก 134,510 ล้านบาท มากที่สุดในกลุ่มอาเซียน รองลงมาคือ มาเลเซีย ที่จำนวน 120,916 ล้านบาท โดยมีสินค้าสำคัญ คือ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป และเครื่องปรับอากาศ ฯลฯ
6. ทวีปออสเตรเลีย มูลค่าการส่งออก 137,316 ล้านบาท สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง ฯลฯ
7.ประเทศเอเชียใต้ มูลค่าส่งออกรวม 115,553 ล้านบาท โดยเฉพาะอินเดีย มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด 82,814 ล้านบาท สินค้าสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ไขมันและน้ำมันฯ รถยนต์และส่วนประกอบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ ฯลฯ
8.ฮ่องกง มูลค่าส่งออก 106,136 ล้านบาท มีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แผงวงจรไฟฟ้า และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ฯลฯ
9.กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง มูลค่าส่งออก 91,793 ล้านบาท สินค้าสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องปรับอากาศ ข้าว และอัญมณีและเครื่องประดับ เฯลฯ
10.กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา มูลค่าส่งออก 88,021 ล้านบาท สินค้าสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องยนต์สันดาป และเม็ดพลาสติก
สำหรับสินค้าที่ส่งออกส่วนใหญ่จะเป็นภาคของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และกลุ่มซัพพลายเชน ในส่วนของกลุ่มผู้ประกอบการ SME นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ให้ความคิดเห็นว่า สินค้าในกลุ่มของ SME ที่น่าสนใจในการเปิดตลาดต่างประเทศนั้น ได้แก่ กลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอาง
ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป อาหารเสริม และสมุนไพรแปรรูป เป็นต้น ซึ่งเทรนด์ตลาดโลกได้ให้ความสนใจต่อสินค้าเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์ของโควิด-19 ในขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือยอย่าง อัญมณีและเครื่องประดับยังคงมีกาหดตัวอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการ SME ควรเน้นการปรับเปลี่ยนธุรกิจ และการผลิตไปสู่แนวทาง BCG เพื่อรับกับเทรนด์การปรับตัวของประเทศผู้นำเข้าหลัก อย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ทั้งการปรับตัวสู่ยุค New Normal การใส่ใจสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด การควบคุมและลดพิษในกระบวนการผลิต อีกประเด็นที่สำคัญสิทธิมนุษยชน การใช้แรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย