มาบตาพุดเฟส 3 ถมทะเล 1,000 ไร่ ขยายท่าเรือ ตั้งเป้า HUB กลุ่มประเทศ CLMV


เดินหน้าท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ถมทะเล 1,000 ไร่ หลังกรมเจ้าท่าอนุญาตสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ คาดเพิ่มพื้นที่รับสินค้ากว่า 15 ล้านตันต่อปี

น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้เร่งเดินหน้าการก่อสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 หลังได้รับใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยองแล้ว

โดยให้บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนร่วมทุน ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เป็นลำดับแรก ทั้งในส่วนของการขุดลอกและถมทะเล พื้นที่ 1,000 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ใช้ประโยชน์ 550 ไร่ และพื้นที่เก็บกักตะกอน 450 ไร่ การขุดลอกร่องน้ำ และแอ่งกลับเรือ การก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการเดินเรือ ท่าเทียบเรือบริการ และท่าเทียบเรือก๊าซรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2569

สำหรับก่อนหน้านี้ กนอ.ได้ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ฯ ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อมูลโครงการฯ รวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นและข้อห่วงกังวลของประชาชน โดย กนอ.กำชับให้บริษัท กัลฟ์ฯ ดำเนินการให้อยู่ภายใต้กรอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (Environmental Health Impact Assessment: EHIA)

ขณะเดียวกัน กนอ.ได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับการติดตามตรวจสอบและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม (คณะกรรมการไตรภาคี) ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันวิชาการ รวมถึงชุมชนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ

นอกจากนี้ กนอ.อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด เพื่อจัดตั้งกองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กองทุน คือ

1.กองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉิน เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายในการเยียวยาความเสียหาย

2.กองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ

ซึ่งจะมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ ผู้แทน กนอ. ผู้รับเหมาก่อสร้าง/ผู้ดำเนินการถมทะเล และผู้แทนภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกองทุน

น.ส.สมจิณณ์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายหลักของการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การขยายพื้นที่ของท่าเรือฯ เท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายพลังงานในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมเป็น LNG Hub ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) รวมทั้งมีคลังและโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับ LNG

“ประกอบกับมีความได้เปรียบด้านความต้องการใช้ LNG ในประเทศที่มีปริมาณสูง โดยคาดว่าหลังจากดำเนินการพัฒนาแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับสินค้าผ่านท่า (สินค้าด้านปิโตรเคมี และก๊าซธรรมชาติ) ได้เพิ่มอีกมากกว่า 15 ล้านตันต่อปี” ผู้ว่าฯ กนอ. กล่าว