สาวออฟฟิศรุ่นใหม่ไม่ท้อ ปั้นแบรนด์กล้วย “หิ้วหวี” สร้างรายได้เสริม


การทำงานประจำ อาจจะทำให้บรรดาพนักงานออฟฟิศทั้งหลายมั่นใจว่ามีการเงินมั่นคง มีเงินหมุนเวียนให้ใช้ได้ทุกๆ เดือน ต่างจากงานฟรีแลนซ์ที่อาจจะมีอิสระแต่ก็เต็มไปด้วยสภาวะเสี่ยง อีกทั้งค่าครองชีพในปัจจุบันที่สูงลิบลิ่ว การมีรายได้เสริมเพิ่มจากงานประจำจึงเป็นตัวเลือกที่หลายคนมองหา ณ ขณะนี้

กมลณชนก หงษ์เวียงจันทร์ หรือ น้ำมนต์ สาวออฟฟิศที่เริ่มทำงานประจำด้วยตำแหน่งพนักงานตัดต่อ ของสถานีโทรทัศน์ ด้วยดีกรีการศึกษา เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขา เทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง
คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ที่ได้มองหารายได้เพิ่มเติมจากงานประจำที่ทำอยู่จนได้ธุรกิจที่ตอบโจทย์นั่นคือ ขายสินค้ากล้วยฉาบสูตรโบราณ ควบคู่ไปกับการทำงานประจำ ทำให้มีรายได้ดีขึ้น


น้ำมนต์ เล่าว่า ช่วงที่ทำงานประจำมีรายได้ที่มั่นคง แต่ด้วยรายจ่ายที่มากขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงมองหาสิ่งที่จะมาช่วยเพิ่มรายได้ ประกอบกับที่บ้านเกิดที่ จ.สุพรรณบุรี เดิมประกอบอาชีพรับจ้างและเกษตรกรรม ที่มีสวนเล็กๆ ไว้ปลูกพืชทางการเกษตร ทั้ง กล้วย อ้อย มะม่วง มะพร้าว พริก ตะไคร้ มะนาว และพืชล้มลุกอื่นๆ ที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่บ้านทำนาไม่ค่อยได้ อีกทั้งยังมีตากับยาย ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยไม่มีรายได้อะไร จึงอยากหาอาชีพให้ทุกคน มีรายได้กัน ส่วนตนเองก็ถือโอกาสนี้ สร้างรายได้เสริมไปในตัวด้วย

เปลี่ยนกล้วยเหลือทิ้ง สร้างอาชีพคนในบ้าน

“ปกติกล้วยในสวน ส่วนมากก็จะแจก หรือไม่ขายเป็นหวี ธรรมดา ราคา หวีละ 10-15 บาท ซึ่งบางทีก็สุกก่อน กินไม่ทันก็เสีย ต้องทิ้ง แม่ซึ่งเคยเป็นแม่ค้าขายกล้วยฉาบมากว่า 20 ปีอยู่แล้วจึง นำกล้วยกลับมาแปรรูปอีกครั้ง ซึ่งตอนแรก ทำกับคนรู้จักในหมู่บ้าน ซึ่งตลาดยังไม่กว้างมากนัก พอเราเห็นแม่ทำไว้ก็เลยอาสาขายให้ เพราะปกติเป็นคนชอบขายของอยู่แล้ว จึงอยากช่วยแม่ขยายตลาด เลยเอามาขายที่ออฟฟิศด้วย ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ขายแบบใส่ถุงธรรมดา ขายให้คนที่ออฟฟิศ แต่ยังไม่ได้คิดชื่อและทำแพ็คเกจจิงอย่างจริงจัง พูดง่ายๆ คือขายแต่ยังไม่ได้มีแบรนด์เป็นของตัวเอง”

จุดเด่นของ “กล้วยฉาบหิ้วหวี” คือ เราทำกันสดใหม่ ใช้น้ำมันใหม่ทุกครั้ง กล้วยเราปลูกเองเป็นกล้วยออร์แกนิคจากสวน ไม่ฉีดยาฆ่าแมลง ในขั้นตอนการทอดใช้เตาถ่านเพื่อประหยัดต้นทุน ทั้งยังให้รสชาติหอมหวานด้วยกลิ่นฟืนแบบสูตรโบราณ มีความพิถีพิถัน ใส่ใจทุกขั้นตอน ทำใหม่ๆ ตลอด ไม่เหม็นหืน ตอนนี้มี 3 รสชาติ คือ รสเค็ม รสหวาน และบาร์บีคิว รับจากบ้านครั้งละ 30-40 ถุง 2-3 วันก็ขายหมด พอคนเริ่มบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ทำให้มีออร์เดอร์เพิ่มขึ้น เราเห็นโอกาสจากการขายว่ามันขายได้ง่ายในตัวเมือง เป็นขนมขบเคี้ยวที่ทานง่าย เปิดถุงแล้วก็กินแบบเพลินๆ แป๊บเดียวก็หมด เราเองก็อยู่กับกองกล้วยมาตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ จึงอยากคิดต่อยอด เอาของที่มาจากบ้านทุ่ง มุ่งมาสู่เมืองกรุงให้คนกินรู้สึกพิเศษ ไม่ใช่แค่ซื้อไปกินอย่างเดียว แต่อยากให้คนซื้อเป็นของฝากกันด้วย เรามีแนวคิดที่ว่า ซื้อไปกินก็ได้ ซื้อไปเป็นของฝากก็เก๋..

พอเริ่มเข้าที่ เราก็เริ่มจริงจัง หลังจากขายได้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ โดยที่เราไม่ได้ลงทุนเปลี่ยนแพ็คเกจ เพราะมองว่าทำให้ต้นทุนเราเพิ่มมากขึ้น ถ้าต้นทุนเพิ่มขึ้น หมายถึงเราก็ต้องขายให้แพงขึ้น แต่เราอยากให้คนซื้อ ได้กินของดีๆ ราคาถูกเหมือนเดิม โจทย์จึงอยู่ที่ว่า ไม่เปลี่ยนแพ็คเกจบรรจุภัณฑ์ แต่เราจะออกแบบยังไงให้ต้นทุนไม่เพิ่ม?

ทำไมต้อง…”หิ้วหวี”

เราก็มานั่งคิดว่า ส่วนมากในตลาดเวลาที่ทำกล้วยกันเค้าก็จะใช้รูปกล้วย รูปต้นกล้วย ใบตอง เพื่อให้เห็นว่านี่คือ ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากกล้วยนะ ซึ่งมันก็ซ้ำๆ กันในตลาด เราก็เลยไม่อยากทำซ้ำๆ กับเค้า ก็เริ่มจากคิดชื่อเรียกก่อนเลย เวลาที่เรานึกถึงกล้วย หรือเรียกกล้วย เราก็จะเรียกเป็นหวี นี่ไงหวี! หวีคือหวี แบบหวีผมเลยดีกว่า ปิ๊ง!! แล้วหวีเฉยๆ มันก็ธรรมดาไป ก็คิดต่อ…..หิ้วหวีไหม? ฟังแล้วมันดูสนุก เลยคิดเพิ่มเอาเชือกป่านกระสอบมาทำเป็นหิ้วใส่โลโก้ บนหวี ออกมาแล้วมันดูลงตัว ไม่แพง ตอบโจทย์

พอเราใส่่หวีลงไปในถุง ยอดขายเพิ่มขึ้นมาก จากตอนแรกขายได้ 40-50 ถุง ตอนนี้ ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 400 – 500 ถุง และทำการตลาดโดย ใช้เฟซบุ๊ก ส่วนตัว และเปิดเพจชื่อ หิ้วหวี ถ่ายรูปโปรโมทให้อัปเดทอยู่ตลอด ทำให้ลูกค้าเห็นเรามากขึ้น คนที่สั่งสินค้าไปก็ถ่ายรูปรีวิวให้ คนก็เห็นเรามากขึ้น

ออเดอร์…”เดือนละครั้ง”

สำหรับราคาขายอยู่ที่ ถุงละ 25 บาท ซึ่งถ้าใครสนใจรับไปขาย เราก็มีราคาส่งให้อีก ใครอยากกินอยู่ไกลมีบริการส่ง Kerry คิดค่าส่งตามจริงไม่มีบวกเพิ่ม แต่ข้อเสียก็คือ บางทีก็เสียกลุ่มลูกค้าที่เค้าอยากกินเลย เราไม่มีสินค้าให้ตลอดเพราะทำแค่เดือนละ 1 ครั้ง บางทีลูกค้าก็รอไม่ไหว เราก็เลยถือจุดนี้ เป็นซิกเนเจอร์ของหิ้วหวีที่จะเปิดพรีออเดอร์เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น แต่มั่นใจได้เลยว่า ทำ สด ใหม่แน่นอน
ซึ่งในอนาคตถ้ามีลูกค้าต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้นอาจมีการพัฒนา ปรับเพิ่มรอบ การเปิดพรีออเดอร์หิ้วหวี มากขึ้น

“กล้วยฉาบเป็นของกินเล่นเพลินๆ ซึ่งทานง่าย ขายง่าย ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนซือไปกิน มีคนสั่งซื้อไปขายสร้างกำไรเล็กๆ น้อยๆ ดีกว่าฝากธนาคารกินดอกเบี้ยเป็นไหนๆ ถือเป็นการหารายได้เสริมจากงานประจำได้ดีเลยทีเดียว ฝากหิ้วหวี ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ ใครหิ้ว ให้หิ้วหวี กล้วยกรอบดีหวีหิ้วได้”

น้ำมนต์ฝากทิ้งทายกับ Smart SME ด้วยว่า “เมื่อไหร่ที่เรามีรายได้หลักทางเดียว มันอันตรายมาก การหารายได้เสริมอีกทางนอกจากงานประจำเป็นสำหรับมนุษย์เงินเดือนถือเป็นการกระจายความเสี่ยง
เรื่องรายได้ เมื่อเรามีรายได้มากขึ้น อย่าลืมแบ่งสรรปันส่วนออมเงินไว้เพื่อใช้ในอนาคตด้วยนะคะ….”

ขอบคุณข้อมูล Facebook : HiwweeBanana