แบรนด์ดังกุมขมับ เศรษฐกิจจีนชะลอตัวทำสูญเสียรายได้


เศรษฐกิจจีนเติบโตช้าที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2018 ที่ผ่านมา ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีอัตราการขยายตัว 6.6% ซึ่งอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990

จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนได้ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมกาแฟ, อุตสาหกรรมกาแฟ รวมถึงอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple ได้รับผลกระทบจากยอดขายในจีนที่ตกลง ทำให้รายได้ของบริษัทไม่เป็นไปเป้าหมายที่วางเอาไว้ และคาดการณ์ว่าในปี 2019 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ยังคงต้องทนทุกข์ทรมานกับสถานการณ์นี้ต่อไป

แบรนด์ใหญ่ต้องกุมขมับ

Tim Cook ซีอีโอของ Apple ออกมาประกาศว่า บริษัทไม่สามารถทำรายได้ตามเป้าหมายในไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2018 ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขาย iPhone ในประเทศจีนที่ลดลง หลังสิ้นสุดของการประกาศของ Apple นำมาสู่หุ้นของบริษัทที่ร่วงลง 8%
มีการคาดการณ์สถานการณ์ยอดขายตกของ Apple จะเกิดขึ้นกับแบรนด์ดังอื่นๆ ระดับโลกเช่นกัน เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งในปี 2019 นี้จะมีอัตราการขยายตัวไม่มากนัก

ตลาดรถยนต์น้ำตาร่วง

จีน คือตลาดสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก จากข้อมูลของ MarketLine เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ใหม่ในจีนมีการเติบโตถึง 2.5% ในปี 2017 คิดเป็นมูลค่า 408.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การเติบโตอย่างรวดเร็วนำมาสู่การขยายตัวของชนชั้นกลางตามไปด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนดังกล่าวเต็มใจที่จะควักเงินซื้อรถยนต์ใหม่ให้กับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม จำนวนบริษัทรถยนต์จากชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น Volkswagen และ Ford กลับมียอดขายในจีนที่ทรงตัว เนื่องจากการแข่งขันกับคู่แข่งภายในประเทศที่มีราคาถูกกว่า รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ถดถอยลง

กาแฟขมขื่น

แม้แต่แบรนด์กาแฟระดับโลกอย่าง Starbucks ก็ยังต้องประสบปัญหากุมขมับไม่แพ้กับแบรนด์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างที่ทราบกันดีว่า Starbucks มีแผนที่จะเจาะตลาดในจีนให้กลายเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ แต่แผนงานนี้กลับไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ เมื่อผู้บริโภคชาวจีนลดค่าใช้จ่าย จึงส่งผลต่อการเติบโต

ไม่เพียงเท่านั้น Starbucks ยังต้องพบคู่แข่งตัวสำคัญอย่าง Luckin Coffee ซึ่งเป็นแบรนด์ท้องถิ่น ที่หวังยกตัวเองขึ้นมาให้เหนือกว่า Starbucks ด้วยกลยุทธ์ขยายสาขาออกไปให้ได้มากที่สุด พร้อมเสนอโปรโมชันลดราคา และบริการส่งฟรีถึงบ้าน

นอกจากนี้ ในส่วนผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม และแบรนด์ดัง อาจได้รับผลกระทบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และผู้บริโภคชาวจีนมองหาวิธีการใช้เงินให้เกิดความคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะแบรนด์ค่าปลีกที่มีความเสี่ยง เพราะถูกมองว่ายังคงต้องพึ่งพาตลาดจีน เช่น Adidas ที่นักวิเคราะห์มองว่าจะมียอดขายตกลง 18% จากยอดรวมที่ขายทั้งหมดในจีน

ที่มา:

https://edition.cnn.com/2019/01/20/economy/china-economy-q4/index.html 

https://www.retail-insight-network.com/comment/slowing-china-expected-to-be-a-drag-on-global-brands/