“เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้” วลีนี้ยังใช้ได้เสมอดูได้จากร้านขนม เครื่องดื่ม ตามสถานที่คอมมูนิตี้ต่าง ๆ ที่ให้รสชาติของความหวานเป็นส่วนใหญ่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าร้านเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายสำหรับผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทั้งในรูปแบบ “การสร้างแบรนด์” เอง หรือจะเป็น “การซื้อแฟรนไชส์” มาบริหาร แต่ในโลกของธุรกิจใช่ว่าทุกแบรนด์จะประสบความสำเร็จ อยู่รอดจากการแข่งขันอันดุเดือด
หากนึกถึงแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในตลาดธุรกิจร้านชา หลายคนที่ชื่นชอบเครื่องดื่มประเภทนี้คงคุ้นชื่อกับแบรนด์ HEYTEA ที่ท้าชิงกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Starbuck แบบไม่เป็นสองรองใคร โดยสิ่งที่น่าสนใจของ HEYTEA คือ Nie Yunchen ผู้ก่อตั้งที่มีอายุเพียง 30 เท่านั้น กับศักยภาพของเขาที่ปั้นแบรนด์จนมีมูลค่าทางการตลาดกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Nie Yunchen เริ่มดำเนินธุรกิจร้านชาชีส HEYTEA ในปี 2012 แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวได้เปิดร้านขายสมาร์ทโฟน ซึ่งในยุคนั้นกำลังเป็นเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง อย่างไรก็ตาม Yunchen ต้องพบกับความล้มเหลวเมื่อธุรกิจที่ทำไปไม่รอด และต้องปิดตัวลงในที่สุด
ด้วยจังหวะของชีวิตที่ตกอยู่ในความมืดมนว่าจะเอาอย่างไรต่อไปนี้ Yunchen ได้เดินผ่านร้านชานมไข่มุก แล้วภาพที่เห็นคือมีผู้คนกำลังต่อแถวซื้อกันเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของไอเดียเปิดร้านชาขึ้นมา โดยให้คำมั่นกับตัวเองว่าชานมไข่มุกที่อยู่ในมือของลูกค้าต้องวัตถุดิบที่มีคุณภาพ พร้อมกับรสชาติที่ถูกปากลูกค้า
สำหรับช่วงแรกของการเปิดร้าน Yunchen ใช้ชื่อร้านว่า Royal Tea และเปลี่ยนมาเป็น HEYTEA ในปีถัดมา แน่นอนว่าการทำธุรกิจเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เช่นเดียวกับ Yunchen ที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย ทั้งในเรื่องของรสชาติเครื่องดื่มที่ยังไม่ลงตัว ต้องมาการลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง ตลอดจนการคิดแคมเปญทำกิจกรรมร่วมกับลูกค้าเพื่อดึงดูดความสนใจให้คนเข้ามาที่ร้าน
จากความมุ่งมั่นที่มีทำให้ Yunchen ค้นพบสูตรเป็นของตัวเอง นั่นคือการผสมผสานเครื่องดื่มเข้ากับชีส จนรสชาติถูกปากลูกค้า และนี่คือจุดที่ทำให้ร้าน HEYTEA เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวจีน แม้ว่าทางร้านจะกำหนดราคาขายอยู่ที่แก้วละ 150 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับ Starbuck เลยทีเดียว
ปัจจัยความสำเร็จของ HEYTEA ภายใต้การบริหารของ Yunchen แน่นอนว่ามีหลายส่วนด้วยกัน ทั้งการสร้างเอกลักษณ์ นำมาสู่เรื่องเพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค ซึ่งแบ่งประเด็นได้ออกมา ดังต่อไปนี้
สร้างความรู้สึกแบรนด์เปรียบเสมือนเพื่อน
ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ HEYTEA ประสบความสำเร็จ โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนวัยรุ่น ซึ่งจะมีความชำนาญ เข้าใจในเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ดังนั้น Yunchen จึงสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลขึ้นมาผ่าน Mini Program ในแอปฯ Wechat โดยใช้ชื่อว่า HEYTEA GO เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่อยากจะสั่งซื้อเครื่องดื่ม เปรียบเสมือนเพื่อนที่เรียกหาได้ทุกเวลา
แพคเกจจิ้งที่มีเอกลักษณ์
ยุคนี้เป็นยุคของดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ที่กลายเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างกัน เช่นเดียวกับแบรนด์ที่เป็นโอกาสสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางนี้ โดย Yunchen มองว่าสิ่งแรกที่ผู้บริโภคจะให้ความสนใจ คือแพคเกจจิ้ง หากไม่ดึงดูดใจ โอกาสที่จะถูกถ่ายรูปโพสต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ดูแล้วเป็นเรื่องยาก
ดังนั้น HeyTea จึงพยายามพิถีพิถันเป็นอย่างมากสำหรับการดีไซน์แพคเกจจิ้งให้ถูกใจผู้บริโภค จะสังเกตเห็นได้ว่าแพคเกจจิ้งส่วนใหญ่ของ HeyTea จะมีลักษณะโปร่ง ซึ่งทำให้ผู้คนเห็นสีของเครื่องดื่มได้อย่างชัดเจน หากเป็นเครื่องดื่มประเภทเย็นก็จะมีการตกแต่งด้วยการใส่ผลไม้สดสร้างเป็นชั้น ๆ ส่วนเครื่องดื่มร้อน จะใช้ถ้วยกระดาษเพื่อป้องกันความร้อนให้กับผู้บริโภค
การออกแบบร้านที่ไม่เหมือนใคร
การออกแบบร้านของแบรนด์ส่วนใหญ่จะยึดติดกับการใช้เพียงแค่สีเดียวเพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ได้ง่าย แต่ HeyTea สนุกกับการออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยการออกแบบร้านด้วยโทนสีที่เข้ากับท้องถิ่น สร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้าเวลาเดินเข้ามาสั่งซื้อเครื่องดื่ม
ตัวอย่างสาขา HEYTEA ในหางโจวที่นำสีดั้งเดิมจากการเย็บปักถักร้อยมาใช้ออกแบบ หรือจะเป็นสาขาในเจิ้งโจ่วที่นำเทรนด์อนาคตมาใช้ในการออกแบบ เหล่านี้สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะแต่ละสาขาล้วนมีการออกแบบร้านที่ไม่เหมือนกัน
เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ HEYTEA ประสบความสำเร็จ อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า Yunchen ให้คำมั่นว่าเครื่องดื่มของเขาต้องมีคุณภาพ มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ดังนั้น วัตถุดิบทุกสิ่งอย่างต้องถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งใบชาที่นำเข้ามาจากในประเทศ และต่างประเทศ, ผลไม้ที่ต้องมีความสดใหม่เสมอ รวมถึงชีสที่นำเข้ามาจากนิวซีแลนด์
ปัจจุบัน HeyTea มีสาขาทั่วประเทศจีนเกือบ 400 แห่ง และมีสาขาในต่างแดน คือสิงคโปร์อีก 4 สาขา โดยข้อมูลในปี 2020 พบว่า มีสาขาของ HeyTea ขายได้วันละ 4,000 แก้ว สามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับธุรกิจ
ที่มา: marketthink, dsignsomething, daydaynews, chinatechblog, thai.cri