“หม่าล่า” ชื่อนี้เราได้ยินมานานกับเครื่องเทศรสชาติอันเผ็ดร้อนที่มาจากจีน ที่เข้ามายังประเทศไทยมาสักระยะหนึ่ง และกลายเป็นวัตถุดิบยอดนิยมที่ร้านค้า ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารที่นำมาเป็นส่วนหนึ่งของเมนูทางร้าน ด้วยการดึงจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ผสมผสานกับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยที่ชื่นชอบรสเผ็ดอยู่แล้ว

ข้อมูลจาก ดาต้าเซ็ต ที่รวบรวมข้อมูลผ่าน DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ระหว่างวันที่ 31 ส.ค. – 11 ก.ย. 66 พบว่าเรื่องที่น่าสนใจ “หม่าล่า” กลายเป็นเทรนด์ฮิตของคนทำธุรกิจร้านอาหาร โดยบนสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, Instagram และ Twitter มีการพูดถึงร้านหม่าล่าเปิดใหม่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ถึง 11 ร้าน หรือตกวันละ 1 ร้าน

สำหรับประเภทเมนูอาหาร “หม่าล่า” ที่ถูกกล่าวถึงบนโลกโซเชียล อันดับ 1 คือ ชาบูหม่าล่า คิดเป็น 46%, อันดับ 2 สุกี้หม่าล่า คิดเป็น 37% และอันดับ 3 ปิ้งย่างหม่าล่า คิดเป็น 17% โดยจากการรวบรวมข้อมูล พบว่าปัจจุบันหลายร้านเริ่มเปิดให้บริการหม่าล่าแบบบุฟเฟต์ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลมากกว่า 24 ร้าน พบว่ามีราคาตั้งแต่ 159 บาท ถึง 599 บาท (เฉลี่ยตกหัวละ 289 บาท)

ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการที่ทำเกี่ยวกับหม่าล่าเท่านั้น แต่ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่เข้ามาร่วมวงออกแคมเปญ ดัดแปลง โดยใช้เมนูหม่าล่าเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น The Pizza Company ที่ออกเมนูใหม่อย่างพิซซ่าหน้าเครื่องหม่าล่า, MK Restaurants ที่ดัดแปลงน้ำซุปชาบูสุกี้ให้เป็นน้ำซุปหม่าล่าจีนเสฉวน, Bar B Q Plaza ออกเมนูที่มีชื่อว่า GON.X.BOX ซอสหม่าล่า ซึ่งเป็นข้าวกล่องหน้าหมูสไลซ์ซอสหม่าล่า

อาจสรุปได้ “หม่าล่า” ยังเป็นเครื่องเทศที่ถูกปาก และครองใจผู้บริโภคหลายคน รวมถึงการพูดถึงบนโลกโซเชียลที่มีอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าในอนาคตเราอาจได้ชิมหม่าล่า หรือเมนูแปลกใหม่ที่นำหม่าล่าเข้ามาผสมผสาน