ใครทันบ้าง ? น้ำ RC, เมาเทนดิว, ซาสี่, คิกคาปู้, ไบเล่ ถ้าทัน..แสดงว่าไม่เด็กแล้วนะ !
ในโลกของการทำธุรกิจ ไม่มีอะไรอยู่ยั่งยืนหากไม่เรียนรู้ที่จะปรับปรุงธุรกิจ ปรับตัวและพัฒนาให้ทันสมัยทันโลก ทันต่อพฤติกรรมลูกค้า โดยกาลเวลา 10 ปี สามารถ “ดิสรัปต์” เปลี่ยนผ่านสิ่งใหม่ ๆ ณ ช่วงเวลานั้น ให้กลายเป็น Retro Brand หรือ Product Older โดยปริยาย.. ชนิดมาไวไปไวมาก
สำหรับคนที่เกิดและใช้ชีวิตในยุค 70-90 ต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับ เครื่องดื่มที่แอดฯ บอกไว้ข้างต้น แต่สิ่งที่ประหลาดใจ คือ ปัจจุบัน หากสังเกตดี ๆ เราจะเห็นเครื่องดื่มยุค 90′ ซึ่งหลายแบรนด์นั้นเคยล้มหายไปตามกาลเวลาไปแล้ว แต่ถูกหยิบนำมาทำตลาดและจำหน่ายอีกครั้ง เหมือนได้ “คืนชีพ” และเกิดใหม่อีกครั้ง
RC, เมาเทนดิว, ซาสี่, คิกคาปู้, ไบเล่.. คือตำนานเครื่องดื่ม และน้ำอัดลมในยุค 90′ ที่รุ่นเดอะ วัยกลางคน (วัยรุ่นตอนปลาย) ขึ้นไปต่างเคยชื่นชอบ ซื้อดื่มเป็นเครื่องดื่มแห่งยุคก็ว่าได้
ทว่า..การ come back !! ครั้งนี้ ย่อมต้องมีอะไรดี มิเช่นนั้น บริษัทผู้ผลิต ผู้ทำตลาด และผู้จัดจำหน่าย คงจะไม่พลิกฟื้นคืนแบรนด์น้ำดังในอดีตเหล่านี้ มาสู้ศึกเครื่องดื่มในปัจจุบันที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดบ้าคลั่ง
ลองไปติดตาม เพื่อไขข้อสงสัยกันว่า เพราะอะไร ? เครื่องดื่มและแบรนด์น้ำอัดลมในอดีต ถึงกลับมาวางขายกันอีกครั้ง เชื่อว่า เด็กอายุ 14 ในยุคนี้ ก็อยากลองซื้อดื่มดูบ้าง หรือแม้แต่วัยรุ่น 90′ ถ้าอยาก 14 อีกครั้ง.. ก็ต้องซื้อดื่มเช่นกัน !
โดยปัจจุบัน ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ภาพรวมมีมูลค่าสูงราว ๆ 50,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตในแต่ละปี ๆ บวกลบ เฉลี่ย 1-2% มาโดยตลอด ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่แข่งขันกันมาอย่างยาวนาน และก็มีผู้เล่นรายใหม่ ๆ ที่อยากเข้ามาชนแบรนด์ยักษ์ ๆ อยู่เสมอ เพราะหากทำยอดขายได้เข้าเป้า โดนใจลูกค้า ก็จะมองที่ส่วนแบ่งการตลาดแม้จะน้อยนิด แต่ก็เป็นเม็ดเงินที่มหาศาลเช่นกัน
ส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลม ในประเทศไทย (แยกเป็นรายบริษัท)
• 51% บจก.โคคา-โคล่า (ประเทศไทย)– โค้ก, แฟนต้า, สไปรท์
• 37% บจก.เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย)– เป๊ปซี่, มิรินด้า, เซเว่นอัพ
• 8% บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ– เอส (est)
• 3% บจก.อาเจ กรุ๊ป– บิ๊ก โคล่า
• 1% อื่นๆ
น้ำอัดลม ประเภทที่ได้รับความนิยม และขายดี
• กลุ่มน้ำดำ 70% , น้ำสี 30%
• กลุ่มที่เติมน้ำตาลปกติ 90% , ไม่ใส่น้ำตาล (no sugar) 10%
• กลุ่มชนิดขวด PET 78%, ขวดแก้ว 12%, กระป๋อง 10%
กลับมาพูดถึง Retro Brand เครื่องดื่ม และน้ำอัดลมในตำนานกันต่อ..
โดยจะขอพูดถึงแบรนด์ Sarsi หรือ “ซาสี่” นี่คือ “ตัวพ่อ” น้ำอัดลมสีดำก็ว่าได้ ที่ในอดีตเริ่มขายใน ประเทศไต้หวัน และ ประเทศฟิลิปปินส์ จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยายวางขายแถวประเทศอาเซียน
โดย ในประเทศไทย ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ ‘ไฮ-มาร์ค แทน’ ผลิตโดย บริษัท กรีนสปอร์ต จำกัด ซึ่งรสชาตินั้นจะคล้าย ๆ กับ ‘รูทเบียร์’ หรือที่เรา ๆ เรียกว่าน้ำอัดลมรส ‘ยาหม่อง’
อย่างที่รู้กันว่า “ซาสี่” เคยรุ่งเรื่อง แล้วต่อมาก็หายไปนานร่วม 10-20 ปี โดยเหตุผลที่พอคาดเดาได้ คือ บริษัท กรีนสปอร์ต จำกัด คงไม่ได้มีงบประมาณในการทำตลาดโฆษณามากเมื่อเทียบเท่ากับ ‘เป๊ปซี่’ (Pepsi) และ ‘โคคา-โคล่า’ (Coke)
และอีกอย่าง คือ ด้วยความที่ ซาสี่ ผลิตออกมามีรสชาติซ่าส์แบบยาหม่อง ทำให้มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ผิดกับ Coke และ Pepsi ที่รสชาติถูกใจมหาชนมากกว่า จึงทำให้แบรนด์อยู่ได้ไม่ยั่งยืน
จนกระทั่ง ย้อนไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2561 (ปี 2018) มีผู้บริโภคหลายคนที่พบเห็น ซาสี่ เริ่มมีวางขายมากขึ้นทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าโชห่วย มีวางขายบน Market Place ด้วย เช่น Shopee และ Lazada สร้างความประหลาดใจไม่น้อย ซึ่งคนที่ประหลาดใจแน่นอนว่า คือ คนในยุค 90′ ย้อนกลับไป
ใครปลุกตำนาน “ซาสี่” !?
คำตอบ คือ “บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ไทยเบฟ’ คือผู้ที่นำ ซาสี่ กลับมาจัดจำหน่ายใหม่อีกครั้ง
ด้วยเหตุผลที่เป็นการโชว์วิสัยทัศน์ได้อย่างดีเยี่ยม คือ ทางผู้บริหารของ “ไทยดริ้งค์” เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ภาย ที่ยังเติบโตไปได้เรื่อย ๆ
จึงหยิบเอาเครื่องดื่มนในตำนาน ซึ่งได้เลือก “ซาสี่” เครื่องดื่มรูทเบียร์ต้นตำรับกลิ่นหอมและรสซ่าส์ ! ให้กลับมาสร้างความคึกคักให้ตลาดน้ำอัดลมอีกครั้ง
โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก เป็นกลุ่มวัยรุ่นซะด้วย ! ตลอดจนถึงวัยทำงาน ที่ชอบลองของใหม่ที่มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาด รวมทั้งกลุ่มคนที่ชื่นชอบและคิดถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของซาสี่ ซึ่งยังคงโหยหา สินค้าย้อนยุค และพร้อมซื้อบริโภคที่มีอยู่ทั่วประเทศ จึงมองว่า ซาสี่ จะไม่มีวันตาย หากได้รับการ R&D อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์เทรนด์และพฤติกรรมลูกค้า
อีกหนึ่งน้ำซ่าส์.. ย้อนยุคในตำนาน และถูกปลุกให้กลับมาซ่าส์ ! อีกครั้ง คือ Kickapoo Joy Juice หรือ “คิกคาปู้ “
“คิกคาปู้” หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า “คิกคาปู้ จอย จูซ” เป็นเครื่องดื่มที่ถือกำเนิดในสหรัฐฯ ตั้งแต่เมื่อปี 1965 แต่ปัจจุบันเหลือการทำตลาดแค่ในเอเชียเท่านั้น โดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย และบังคลาเทศ
โดยกระแสของ “คิกคาปู้” กลับมาอีกครั้ง หลังจากเคยหายไปตามกาลเวลายาวนานร่วม 10-20 ปีเช่นกัน ซึ่งเริ่มมีการนำเข้ามาขายในไทยบ้าง ในรูปแบบกระป๋องที่คุ้นเคย ราคาก็ราว ๆ กระป๋องละ 20-30 บาทเห็นจะได้
“คิกคาปู้ ” คือชื่อของเครื่องดื่ม น้ำอัดลมรสชาติที่แปลกแยก ไปจาก โค้ก เป๊บซี่ แฟนต้า มิรินด้า อย่างชัดเจน รสชาติ หวานอมเปรี้ยว อร่อยมาก ๆ ซึ่งได้หายหน้าไปตั้งแต่สมัยคนวัย 30+ นั้นอยู่ในช่วงวัยมัธยม-มหาวิทยาลัย ราว ๆ นั้น
สำหรับห้างฯ ที่วางจำหน่ายเครื่องดื่ม “คิกคาปู้” ที่ยังพบเห็นอยู่บ้าง (แต่วางบนเชลฟ์จำนวนไม่มาก) ได้แก่..
– แฟมมิลี่ มาร์ท
– เทสโก้ โลตัส
– ท็อปส์
– ร้านโชห่วยทั่วไปในแต่ละท้องที่
สำหรับบริษัทหรือผู้ที่นำ “คิกคาปู้” กลับมาจำหน่าย ไม่ทราบแน่ชัด แต่มี FC หลายท่านบอกว่า ที่มาเลย์ (ประเทศมาเลเซีย)มีวางขาย และในโซน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจังหวัดชายแดนใต้ ก็พบเห็นมีวางจำหน่ายกันอยู่ นอกจากนี้เพื่อน ๆ สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Shopee และ Lazada ได้เช่นกัน
RC Cola หรือ “อาร์ซี” คือเครื่องดื่มและน้ำอัดลมยุค 90’ที่เหมือนตายแล้วฟื้นขึ้นอีกแบรนด์หนึ่งในปัจจุบัน
RC Cola (อาร์ซีโคล่า) หรือชื่อเต็มคือ “รอยัลคราวน์โคล่า” ผลิตโดย บริษัท สากลเบเวอร์เร็ดจ์ จำกัด เป็นน้ำดำอีกยี่ห้อหนึ่งที่เคยเข้ามาตีตลาด แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนเคยหายไป แทบไม่มีให้เห็นตามตู้แช่แล้ว แต่ปัจจุบันกลับมาอีกครั้งอย่างที่บอก ด้วยการจัดจำหน่ายโดย บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์
ข้อมูลธุรกิจ บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์
ผลประกอบการ
ปี 2563
รายได้ : 220.8 ล้านบาท
ขาดทุน : -28 ล้านบาท
ปี 2564
รายได้ : 209 ล้านบาท
ขาดทุน : -46 ล้านบาท
ปี 2565
รายได้ : 209.8 ล้านบาท
ขาดทุน : -47.3 ล้านบาท
“อาร์ซีโคล่า” แบรนด์น้ำดำระดับโลก ที่มีจุดกำเนิดในสหรัฐอเมริกาแหล่งเดียวกับโค้กและเป๊ปซี่ แบรนด์นี้ยังมีอายุที่เก่าแก่มาก ๆ กว่า “110 ปี” เป็นเหมือน “มรดก” (heritage) ที่ถูกสืบทอดมาอย่างยาวนาน ขณะที่การทำตลาดในไทยที่ผ่านมา ต้องบอกว่า ไม่คึกคัก
แต่.. วันนี้ ‘อาร์ซี’ come backe !! โดยผ่านการโปรโมทโฆษณาที่ดูเหมือนว่าแบรนด์มีชีวิตชีวามากขึ้น พร้อมแข่งขันและลงสู้ในศึกสมรภูมิน้ำดำอีกครั้ง
DNA ของแบรนด์อาร์ซีโคลา ที่เป็น “จุดแข็ง”
1. อาร์ซี โคล่า มีความเป็นอเมริกัน 100%
2. อาร์ซี โคล่า มีความเป็น Heritage ที่ไม่มีแบรนด์ไหนเสมอเหมือน
3. อาร์ซี โคล่า เป็น 1 ใน 3 แบรนด์น้ำดำ ที่มีส่วนผสมของ “โคล่าแท้” ถือเป็นการเคารพต่อความดั้งเดิม ทำให้แตกต่าง ตลอดจน “ค่ายอื่น” ทำอย่างไร ? ก็ไม่เหมือนต้นตำรับ (Original) อย่าง อาร์ซี
ปัจจุบัน “อาร์ซีโคล่า” มีวางจำหน่ายแล้วที่ Jiffy, Makro, Lawson , 108shop, PT Maxmart, Bangjak greennet. และ ห้างฯ Themall หรือ Shopee และ Lazada
บทสรุป ปัจจัยที่ยังทำให้น้ำดื่มในตำนานกลับมาขายได้ ก็เพราะผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ยังมองเห็นถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงถามหา และมีกลุ่มที่ชื่นชอบเครื่องดื่มในอดีตที่ปัจจุบันก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย เป็นกลุ่ม Unique ที่มีกำลังซื้อ และก็ดูมีโอกาส มีความเป็นไปได้ ในการสร้างแบรนด์ ปั้นยอดขายใหม่อีกครั้ง ผ่านช่องทางจำหน่ายรูปแบบ ดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ ที่ปัจจุบันทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถใกล้ชิดกันมากขึ้น
การ “ชุบชีวิต” เครื่องดื่ม Retro Brand ไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ จะทำได้ง่าย ๆ เพราะในแง่ของธุรกิจ การผลิต การรีแบรนด์ งบการตลาด การโปรโมท ช่องทางจำหน่าย การขนส่งสินค้า ฯลฯ ทุกอย่างย่อมใช้เงินทุนจำนวนมาก
รวมทั้ง คู่แข่งขันที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ๆ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากอดีตที่สินค้าที่เคยรุ่งเรื่อง แต่อาจจะไม่เวิร์ก ไม่ถูกจริต ไม่โดนใจและรสนิยม สำหรับยุคสมัยปัจจุบันก็เป็นไปได้สูง และความเสี่ยงที่จะทำให้แบรนด์จมลึกลงไปอีกก็เป็นไปได้สูงเช่นกัน
อย่างไรก็ดี หากผู้ประกอบการ ตั้งธง โดยมองว่า ยอมรับได้กับการเป็นเบอร์รอง เป็นรายเล็ก ๆ แต่เพื่อขอทดลองตลาด ขอเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วงชิง Market Share ได้ตลอด
หรือมีความต้องการผลิตสินค้าออกมา เพื่อให้เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ได้สัมผัสและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ การได้มีทางเลือกใหม่ ๆ บ้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แม้ในเรื่องของรายได้ และผลกำไรจะได้รับกลับมาไม่มากนัก แต่หากมีฐานลูกค้าที่ยังคงเหนียวแน่น เป็นกลุ่ม Unique จริง ๆ ยังไงเสีย.. สินค้าก็ยังขายได้ และธุรกิจก็ยังเดินต่อไปได้
หากผู้ประกอบการธุรกิจท่านใด ที่ชื่นชอบและมีแนวความคิด อยากทำธุรกิจแบบย้อนยุค Retro Brand สิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณมีลูกค้าต่อเนื่อง กิจการเดินต่อได้ยาว ๆ คุณต้องไม่ลืมตระหนักและทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
ต่อยอดธุรกิจเดิม สู่ธุรกิจใหม่ กล่าวคือ..
• โลกหมุนเปลี่ยนไปแล้ว ต้องปรับตัวให้เร็ว
• ปรับความคิดใหม่ และหาความรู้เพิ่มเติม
• ลองอะไรใหม่ ๆ ให้เร็วที่สุด
หัวใจการทำธุรกิจคือ “ใส่ใจลูกค้า” ไม่หยุดพัฒนาแม้ความต้องการเปลี่ยนไป คุณก็ต้องพร้อมเปลี่ยน เพราะโลกธุรกิจไม่มีสูตรสำเร็จ มีแต่ต้องปรับตัวและพัฒนาต่อไปเท่านั้น