ณ ไบเทคบางนา ภายในงาน iCreator Conference 2023 งานมหกรรมที่รวบรวมกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชั้นนำไว้ครั้งใหญ่ที่สุดในไทย ทั้งเหล่าครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ตัวแทนจากแบรนด์ และเอเจนซีชื่อดัง รวมถึง คุณนาม – สุรนาม พานิชการ จาก Tofusan และคุณรัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น จาก บ๊วยรัศมีเเข ก็ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ในหัวข้อ “From Brand to Creator ต่อยอดคอนเทนต์แบรนด์จากการคิดแบบครีเอเตอร์ Powered by เซเว่น อีเลฟเว่น” โดยสรุปได้ดังนี้
ปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีผลต่อการทำธุรกิจมากขนาดไหน?
คุณนาม: มองว่าถ้ามีคนอยู่ที่ไหนเยอะ ที่นั่นย่อมขายของได้ อย่างในอดีคตมีคนดูทีวีเยอะ สื่อโฆษณาที่ลงในทีวีก็มักจะขายของได้ อย่างยุคปัจจุบันเองโซเชียลมีเดียก็สำคัญมาก แต่สิ่งสำคัญมากกว่าคือเราจะเลือกโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มไหนให้เหมาะสมกับฐานลูกค้าแต่ละกลุ่ม และแคมเปญทางการตลาดในแต่ละแคมเปญ ในฐานะผู้ประกอบการ SME เราจึงต้องอัพเดทเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
คุณรัศมีแข: หลังธุรกิจมากมายได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่ต่างปรับตัวเข้ามาสู่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบายตอบโจทย์พฤติกรรมคนยุคปัจจุบัน ซึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยังเป็นโอกาสที่จะช่วยสร้างตัวตนให้คนรู้จัก เพื่อนำไปต่อยอดต่อการค้าขายได้มากขึ้น
เราควรเลือกใช้โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอย่างไร?
คุณนาม: 1. ผู้ประกอบการควรต้องประเมินตัวเองก่อน ว่าเรามีศักยภาพมากพอแค่ไหน 2. ต้องเข้าใจตัวเอง เพราะ SME มักมีเงินทุนไม่เยอะ จึงต้องหาจุดเด่นให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินค้า และการดีไซน์แพ็กเกจจิ้ง อย่างในช่วงแรกของ Tofusan เราขายเรื่องราวมากกว่าฟังก์ชั่นของสินค้า ทำให้เราเขียนลงไปในแพ็กเกจจิ้งว่า เชื่อเถอะว่าน้ำเต้าหู้ที่เราทำ เรากล้าให้คนที่เรารักกิน ซึ่งส่วนนี้จะทำให้แบรนด์มั่นคงขึ้น 3. เข้าใจลูกค้า เพราะคนต่างใช้โซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์มต่างกัน เช่น คนที่ใช้ X หรือ Twitter มักจะชอบวิจารณ์ คนที่ใช้ Facebook ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ 4. สุดท้ายคือทดลองทำเพื่อหาทางที่ใช่ เมื่อเจอทางที่ใช่แล้วให้ลงทุนกับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอย่างจริงจัง
ทำไม Tofusan และ บ๊วยรัศมีเเข ไม่ลงทุนกับการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ?
คุณรัศมีแข: เราต้องการวางกลยุทธ์การตลาดบนแนวทางของเราก่อน เนื่องจากเรามีเพื่อที่อยู่ในวงการบันเทิงมากมาย ซึ่งโดยปกติก็จะส่งสินค้าแลกกันเพื่อช่วยโปรโมทให้กันและกันอยู่แล้ว และเราจะพกสินค้าติดตัวไปทุกที่กับเรา เพื่อคอยแนะนำแบรนด์ให้คนที่เราเจอได้รู้จัก นอกจากนี้เรายังใช้แพลตฟอร์มอื่น ๆ ของเราเองด้วย ทั้ง IG, Facebook, Tiktok เพื่อช่วยโปรโมทสินค้า ซึ่งฐานผู้ชมแต่ละช่องทางจะแตกต่างกัน อย่างเวลาเราโพสต์ใน IG ก็จะโพสรูปที่น่ารัก ๆ Facebook ก็จะเน้นไลฟ์พูดคุยสนุกสนาน ส่วนใน Tiktok ก็จะไลฟ์อิสระแบบตัวเรา สิ่งสำคัญคือการใส่ตัวตนของเราลงไป พร้อมใส่คุณภาพมาตรฐานและความอร่อยของสินค้า เพื่อให้คนที่รักเราแล้วมาซื้อผลิตภัณฑ์เรามีฟีดแบคกลับมาดีที่สุด เพราะเรายังต้องใช้ชื่อเสียงทำงานอยู่วงการนี้
มีวิธีการคิดอย่างไร เมื่อต้องเลือก Collab กับแบรนด์ หรือ ครีเอเตอร์?
คุณนาม: ในการเลือก Collab ระหว่างแบรนด์กับแบรนด์ เราเชื่อว่าควรเลือกระดับที่ใกล้เคียงกันหรือเล็กกว่าเราลงมาหน่อย เนื่องจากการ Collab กันเราจะเจาะตลาดคนละกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ดังนั้นการ Collab ในระดับที่ใกล้เคียงกันจะออกมาดูสนุกมากกว่า และยังได้ในเรื่องของ Brand Awareness อีกด้วย ส่วนการ Collab ระหว่างแบรนด์กับครีเอเตอร์ แบรนด์ต้องไม่ยัดเยียดให้ครีเอเตอร์ใส่ Key Message หรือทำทุกอย่างเพื่อนำเสนอสินค้าของเราจนครีเอเตอร์ดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะเมื่อปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเอง แบรนด์ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
คุณรัศมีแข: สำหรับการเลือก Collab ระหว่างแบรนด์กับครีเอเตอร์ เรามองถึงความสะดวกสบายและการพรีเซนต์สินค้าว่าออกมาแล้วได้รับผลตอบรับดีมากแค่ไหน โดยการเลือก Collab ของเราบางรายอาจมองในแง่ของรายได้และบางรายอาจมองเรื่องชื่อเสียงของแบรนด์
เรื่องความสะดวกสบาย คำนี้ช่วยทำให้คนอยากทำคอนเทนต์กับแบรนด์ของเราหรือไม่?
คุณนาม: สำคัญมาก แต่เราอยากให้ผู้ประกอบการมองถึงขีดความสามารถของเราด้วยว่าเป็นอย่างไร อย่าง Tofusan เราเลือกเข้าเซเว่น เพราะเราเชื่อว่าคนอยากซื้อทันทีแล้วกินเลย เราจึงพัฒนาให้สินค้ามีความสะดวกและมีคุณภาพสูง เพราะเมื่อคนเห็นว่าสินค้าเราดีก็จะมีคนอยากรีวิวสินค้าเรา เพราะเขาต้องการบอกกลุ่มเพื่อน ๆ ว่าอะไรดีบ้าง เพื่อเพิ่มยอดการติดตามของเขาให้มากขึ้น
คุณรัศมีแข: การช่วยรีวิวสินค้าและการที่ลูกค้าฟีดแบคกลับมามีความสำคัญมาก ในตอนแรกเราขายออนไลน์แล้วมีคนเข้ามาถามเยอะมากว่าเวลาอยากกินทันทีมีขายตามร้านบ้างมั้ย เราจึงติดต่อเซเว่นเพื่อขอนำสินค้าเข้าขายตามเซเว่นที่ตั้งอยู่ในปั้มน้ำมัน ซึ่งในช่วงแรกทำแบบกะปุก ซึ่งลูกค้าฟีตแบคมาว่าเวลาขับรถเปิดแล้วหก เราจึงปรับเป็นรูปแบบซองเพื่อความสะดวกและง่ายต่อการกิน พร้อมพัฒนารสชาติให้มีความหลากหลาย ขณะเดียวกันก็ได้กระจายสินค้าไปในเซเว่นที่อื่น ๆ เพิ่มขึ้น
เซเว่น มีส่วนช่วยพัฒนาสินค้ายังไงบ้าง?
คุณนาม: เซเว่นเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีความเข้าใจตัวเอง มีทีมช่วยพัฒนาสินค้าโดยเฉพาะ และพร้อมรับฟังผู้ประกอบการที่ต้องการนำสินค้าเข้ามาวางขาย เพื่อการเติบโตไปพร้อมกัน
คุณรัศมีแข: การได้รับโอกาสนำสินค้าเข้าไปวางขายในเซเว่น ถือเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้เราได้โปรโมทสินค้า เนื่องจากมีสาขามากมาย แต่กว่าเราจะเข้าไปได้ก็ยากมาก เพราะการคัดสินสินค้าของเซเว่น ต้องมีคุณภาพมาตรฐานสูง เราจึงต้องใสใจเรื่องการพัฒนาสินค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง
คิดว่าอะไรที่ทำให้แบรนด์ของเราอยู่รอดบนโลกออนไลน์ได้?
คุณรัศมีแข:เราต้องซื่อสัตย์ต่อทั้งตัวเองและลูกค้า เพราะเมื่อเราซื่อสัตย์แล้วเราก็จะมีความมุ่งมันตั้งใจพัฒนาธุรกิจในทุก ๆ แง่มุม
คุณนาม:แบรนด์ต้องซื่อสัตย์ และยึดมั่นต่อสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร อย่าโลเลเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แล้วสิ่งนี้จะทำให้แบรนด์เราอยู่ได้ยาวนานขึ้น
สุดท้ายคุณนามและคุณรัศมีแข ฝากแนวคิดถึงคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเองว่า โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว การทำธุรกิจอย่างมองเพียงแค่ภาพลักษณ์เท่านั้น เพราะทุก ๆ การเริ่มต้นธุรกิจไม่ว่าจะเล็ก ๆ อยากการขายผักริมทาง ก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยโอกาสเสมอ เพียงแค่เราต้องค้นหาตัวตนเองเองให้เจอ จริงอยู่ที่เงินสำคัญ แต่การทำธุรกิจหรือการเป็นครีเอเตอร์ไม่ควรเริ่มจากการนำเงินเป็นที่ตั้ง สิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข