ข้อดีที่ยังพอมีให้เห็นของ SMEs สมัยเก่าที่ทำงานกันแบบครอบครัว


          ผศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดี คณะบริหารธุรกิจ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ธุรกิจที่ใช้ลักษณะการบริหารและจัดตั้งในรูปแบบครอบครัวนั้น ถือว่าเป็นวิธีการทำธุรกิจที่ได้รับความนิยมกันมายาวนาน เพราะมีจุดเริ่มต้นที่คุ้มค่าและต้นทุนต่ำกว่าการทำธุรกิจในรูปแบบที่ดำเนินการทุกอย่างด้วยตนเองทั้งหมดค่อนข้างมาก ซึ่งธุรกิจที่ดำเนินการบุกเบิกด้วยตนเองทั้งหมดมีโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ค่อนข้างสูงและเมื่อเกิดปัญหาขึ้นทางเลือกที่ใช้ในการแก้ปัญหาก็มีค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจรูปแบบครอบครัว

ด้วยเหตุนี้ การทำธุรกิจในลักษณะที่เป็นของครอบครัว จึงเป็นรูปแบบที่ผู้ประกอบการรุ่นเก่าๆนิยม และมักจะเป็นตัวเลือกของความมั่นคงในชีวิตอันดับต้นๆ ซึ่งการทำธุรกิจในรูปแบบครอบครัวจะมีจุดเด่นเฉพาะตัวดังนี้

          1.ได้ความร่วมมืออย่างเต็มที่จากทุกฝ่าย

ขึ้นชื่อว่าธุรกิจครอบครัวเพียงชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าสมาชิกทุกคนของครอบครัวมีส่วนร่วมและมีความเป็นเจ้าของในอัตราที่อย่างน้อยก็เท่าๆกัน สำนึกในความเป็นเจ้าของจึงเกิดและจะเป็นสิ่งนำพาให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวทำหน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุด เพื่อความสำเร็จของธุรกิจที่ทุกคนต่างมีจุดร่วมเดียวกันในอนาคตนั่นเอง

          2.มีทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่หลากหลาย 

แน่นอนว่าทุกคนในบริษัทต่างก็มีที่มาจากต้นตระกูลเดียวกัน ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาจึงมีทางออกมากขึ้นกว่าเดิมเป็นพิเศษ เพราะทุกคนต่างมุ่งแสวงหาทางออกที่ดีที่สุดเพราะทุกคนต่างก็มีสามัญสำนึกถึงความมีส่วนร่วมในองค์กร ความช่วยเหลือจึงหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศภายในบริษัท ซึ่งมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับธุรกิจที่มีรูปแบบกิจการเป็นแบบการดำเนินงานด้วยคนเพียงคนเดียวซึ่งพอมีปัญหาเกิดขึ้นความช่วยเหลือที่ดีที่สุดก็กลายเป็นการพึ่งตนเอง

          3.มีวัฒนธรรมในองค์กรเฉพาะตัว 

เพราะความที่คณะผู้บริหารหรือพนักงานฝ่ายอื่นๆในบริษัทต่างเป็นคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้วัฒนธรรมการทำงานในองค์กรจึงเกิดขึ้นโดยปริยายซึ่งมันก็ถือเป็นผลดีต่อการทำงานในบริษัทด้วย เพราะทุกคนจะรู้หน้าที่และมารยาทของการทำงานในหน้าที่ของตนว่าควรที่จะอยู่ ณ จุดไหนจึงจะเหมาะสม อีกทั้งการว่ากล่าวตักเตือนเมื่อทำงานผิดพลาดก็สามารถกระทำได้โดยง่ายกว่า ทั้งผู้บริหารในระดับบนขององค์กรสามารถลงมาบังคับบัญชาลูกน้องได้ด้วยตนเอง ซึ่งข้อดีตรงนี้ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทมีประสิทธิภาพและใช้เวลาในการทำงานน้อยลงอีกด้วย

          4.ความลับในบริษัทไม่มีวันรั่วไหล 

ผู้ประกอบการทุกคนต่างรู้ดีว่าความลับในการทำธุรกิจถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนภายในบริษัทจะต้องช่วยกันเก็บรักษาเอาไว้ไม่ให้เรื่องรั่วไหลออกไปสู่ภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการรั่วไปอยู่ในมือของคู่แข่งซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายมากที่สุด แต่ถ้าหากผู้ประกอบการเลือกวิธีทำธุรกิจในลักษณะครอบครัวปัญหาดังกล่าวก็จะมีโอกาสเกิดน้อยกว่า เพราะบุคคลในครอบครัวคือผู้ที่ผู้ประกอบการสามารถไว้วางใจและเชื่อได้ว่าพวกเขาจะไม่นำเอาความลับของบริษัทไปเปิดเผยสู่ภายนอกอย่างเด็ดขาดเพราะถือเป็นการบ่อนทำลายธุรกิจของครอบครัวตนเอง