จับตา ศก. ฟิลิปปินส์ หลัง “โรดี้” คว้าเกาอี้ประธานาธิบดี


ดุเดือด! ตลอดการหาเสียงที่ผ่านมา สำหรับการเลือกตั้งในฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และไม่พลิกโผจากหลายสำนักในประเทศต่างพากันยกให้ “โรดริโก ดูเตอร์เต” เป็นผู้กำชัยในการเลือกตั้งเก้าอี้สูงสุดในฟิลิปปินส์

โรดริโก ดูเตอร์เต (Rodrigo Duterte) หรือ โรดี้ โกยคะแนนเสียงจากชาวฟิลิปปินส์ไป 14.4 ล้านเสียง โดยมีประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 54 ล้านคน ซึ่งคะแนนเสียงของ ดูเตอร์เต ทิ้งห่างคู่แข่งคนสำคัญอย่าง มาร์ โรซัส (Mar Roxas) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และมีผู้สนับสนุนอย่างประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง เบนิกโน อาคีโน ที่ 8.6 ล้านเสียง โดยภายหลังจากที่ผลคะแนนเสียงออกมา ส่งผลให้สกุลเงินเปโซของฟิลิปปินส์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดปิดลบลงมา 25.52 จุด ตามการคาดการณ์ของเหล่านักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้

ว่าที่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ วัย 71 ปี เอาชนะคู่แข่งได้จากกระแสนโยบายขจัดความยากจน กวาดล้างธุรกิจคอรัปชั่นและอาชญากรรมแบบแข็งกร่าว โดยไม่คำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมาย อีกทั้งบุคลิกภาพอันโผงผางและดุดัน แต่กลับโดนใจมหาชนชาวฟิลิปปินส์เข้าอย่างจัง จนสื่อต่างชาติหลายสำนักให้สมญานาม “โรดี้” ว่าเขาคนนี้แหละคือ “โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งเอเชีย” ซึ่งปัญหาขาดแคลนบริการสาธารณะของประชาชน และความไม่สงบในพื้นที่ด้อยพัฒนา ทำให้ชาวฟิลิปปินส์ในประเทศต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด จนทำให้ โรดริโก ดูเตอร์เต ครองใจมวลชนทั้งประเทศได้

นอกจากนี้บรรดานักวิเคราะห์ยังมีการคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงผู้นำทางการเมืองในฟิลิปปินส์ครั้งนี้ ไม่น่าจะเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เนื่องจากการเมืองภายในฟิลิปปินส์แข็งแกร่ง ซึ่งเหล่านักลงทุนต่างชาติก็กำลังจับตามองเพราะ ดูเตอร์เต ยังไม่เปิดเผยนโยบายที่ชัดเจนทางเศรษฐกิจออกมา และยังขาดประสบการณ์ด้านการกำหนดนโยบาย แต่ว่าที่ประธานาธิบดีอาจจะสานต่อนโยบายทางเศรษฐกิจเดิมของ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง เบนิกโน อาคีโน ที่ 3

จากการจัดอันดับประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ โดย ธนาคารโลก (Worldbank) ให้ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีความเติบโตด้านเศรษฐกิจที่ 6.2% เฉลี่ยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา และจะขยายตัวถึง 6.4% ในปีนี้ (2016) ภายใต้นโยบายทางเศรษฐกิจอันเข้มข้นของประธานาธิบดีอาคีโน อีกทั้ง ดูเตอร์เต ยังได้มีการให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาผ่อนปรนกฎระเบียบทางการค้าสำหรับการถือหุ้นในธุรกิจภายในประเทศของชาวต่างชาติ และจะเดินหน้าเจรจาการค้ากับต่างประเทศ เพื่อเพิ่มการค้าการลงทุนให้กับฟิลิปปินส์ รวมถึงแก้ไขปัญหากับกลุ่มกบฏภายในประเทศ

อย่างไรก็ตามบรรดานักวิเคราะห์อย่าง The Economist แรนดี้ เดวิด และธนาคารมิตซูโฮก็ยังแสดงความเป็นกังวลอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ทำให้ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อมั่นจนทำให้นักลงทุนอาจเทขายทรัพย์สินในตลาดทุนฟิลิปปินส์ และค่าเงินเปโซที่กำลังอ่อนค่า ในระยะไม่กี่สัปดาห์ จนทำให้เศรษฐกิจที่กำลังโตอาจชะงัก กลายเป็นสัญญาณเตือนว่าจะเกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนครั้งใหญ่อีกด้วย

By : กุลจิรา มุทขอนแก่น

เครดิตภาพ : CNN