จากหนี้สินเกือบ 100 ล้านพลิกสู่เจ้าของธุรกิจร้านสเต็กของคนไทย “Santafe”


สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจคือ ต้องลงมือทำ เมื่อลงมือทำแล้วล้มเหลวก็ต้องกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ใหม่ ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่ดีในการทำธุรกิจ แต่เชื่อได้ว่ามีอีกหลายคนที่คิดว่าแนวคิดเหล่านี้จะสามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้จริง แต่ยังมีนักธุรกิจใจแกร่งที่เริ่มและล้มในการทำธุรกิจถึง 4 ครั้ง มีหนี้สินเกือบ 100 ล้าน แต่กลับลุกขึ้นสู้จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจร้านสเต็กของคนไทย ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศกับคุณสุรชัย ชาญอนุเดช เจ้าของธุรกิจ Santafe

ถ้าย้อนไปเมื่อสมัยก่อนที่จะมาเป็น Santafe แล้วนั้นเริ่มจากที่ครอบครัวที่ประกอบธุรกิจขายของและขายอาหาร และมีเด็กน้อยอย่างคุณสุรชัยเป็นคนคอยซื้อวัตถุและทำอาหารตามสั่ง จากจุดเริ่มต้นในวันนั้นก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้เขาได้ทำธุรกิจร้านเสต็กของคนไทย ภายใต้ชื่อร้าน Santafe ในวันนี้

โดยก่อนที่คุณสุรชัยจะมาทำธุรกิจอาหารเขาได้ทำงานประจำเป็นพนักงานแบงค์มาก่อน แต่ด้วยภาพจำในวัยเด็กติดภาพการขายของจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานแบงค์แล้วไปสมัครงานในบริษัท SCP ซึ่งได้ทำในตำแหน่ง Project Manager จัดสรรหาทำเล การทำร้านอาหารให้คนเข้า การทำตลาดซึ่งถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่า ซึ่งคุณสุรชัยได้บอกกับเราว่า “ถ้าคุณไม่มีเงินทุน คุณต้องมีอย่างอื่นที่พิเศษมากกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ความตั้งใจ ที่ต้องขวนขวายมากกว่าคนอื่น” ด้วยโชคชะตาที่เข้าข้างหลังจากออกจาก SCP มาแล้วทางเจ้าของโรงพยาบาลพญาไท2 ได้ให้พื้นที่เปิดร้านอาหารให้ และทางคุณสุรขัยเองต้องหาเงินมา 30,000 บาทเพื่อนำมาซื้ออุปกรณ์ในการทำร้านอาหาร โดยในตอนนั้นใช้ชื่อว่า “ครัวไทย” ซึ่งแน่นอนว่าการเปิดร้านอาหารติดแอร์ในโรงพยาบาลสมัยนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปธุรกิจค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ หุ้นส่วนค่อยๆหนีหาย จนทำให้คุณสุรชัยต้องบริหารคนเดียวมีหนี้เกือบ 100 ล้านบาทแต่สิ่งที่ได้มาคือมูลค่าบริษัทที่มากขึ้นจากแต่เดิม 100 ล้าน แต่เมื่อปิดบริษัทมูลมากขึ้นเป็น 1,000 ล้าน จึงทำให้มีเงินใช้หนี้ตรงส่วนนี้ และอีกความโชคดีหนึ่งคือ 4 ปีก่อนที่ครัวไทยจะปิดตัวลงร้านเสต็ก Santafe ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อรองรับเทรนด์อาหารที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากสมรภูมิรบในการทำร้านอาหารของคุณสุรชัยนั้น เราได้เห็นสิ่งที่ต้องใช้ในการทำธุรกิจ คือ 1.ใจที่รัก 2.ความมุ่งมั่น 3.การแสวงหาความรู้ให้เพียงพอกับสิ่งที่เราต้องทำ 4. การลงมือทำอย่างเป็นระบบ 5. การจัดระบบความคิดที่ยอดเยี่ยมที่ไม่ได้มองแต่ปัญหาแต่มองถึงหนทางที่จะไปต่อ  ด้วยความรู้และประสบการณ์ในการทำร้านอาหารทำให้คุณสุรชัยรู้ว่าสิ่งแรกที่จะต้องคิดก่อนที่จะสร้างแบรนด์คือต้องคิดว่าชื่อที่เราตั้งจะสามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างไร และทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้าใจเรื่องราวของเราผ่านชื่อร้าน โลโก้ รวมไปถึงการวางคอนเซปในร้านให้เรื่องราวเหล่านี้สอดคล้องกัน

วันแรกของการเปิดร้านนั้นเรียกได้ว่าได้รับผลดีเกินความคาดหมาย ด้วยองค์ประกอบต่างๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดทำให้ยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ จากประสบการณ์ที่สะสมมาทำให้รู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของการทำร้านอาหารทำให้ร้านอาหาร Santafe ประสบความสำเร็จได้ในเวลาไม่นาน โดยในตอนนี้ Santafe มีขยายสาขาออกไปทั่วประเทศและยังมีแฟรนไชส์อีกหลายสาขาที่กระจายกันอยู่ ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของคุณสุรชัย ล้มแล้วลุกขึ้นสู้จึงทำให้ Santafe ประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไป และมีแนวโน้มการขยายตัวของตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมของคุณสุรชัย ชาญอนุเดช เจ้าของธุรกิจ Santafe ที่น่ายกย่องให้เป็นอีก 1 นักธุรกิจที่ฝ่าฟันปัญหาแล้วลุกขึ้นสู้ไม่ยอมแพ้จนมีทุกวันนี้