ฟาร์มหมู..ที่ไม่หมู!! จาก 2 มือของชายผู้คร่ำหวอดในธุรกิจกว่า 40 ปี


เส้นทางธุรกิจของฟาร์มสุกรครบวงจรอันดับต้น ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์ ในนาม “บจ.ฟาร์มพรประเสริฐ” ที่ได้ผู้บริหารอย่างคุณอภิศักดิ์ อังคสิทธิ์ ที่ใช้ความรู้ความสามารถในการบริหารกิจการจนได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากลูกค้า ด้วยประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจมานานกว่า 40 ปี กับระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และการแตกไลน์กิจการในเครือที่ช่วยเกื้อหนุนให้ธุรกิจโตอย่างมั่นคงและได้เปรียบจากคู่แข่ง

โดยถ้าย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเริ่มทำธุรกิจฟาร์มหมูนั้นทางคุณอภิศักดิ์เป็นช่างทองมาก่อน หลังจากนั้นก็ได้มาเป็นเอเย่นจำหน่ายอาหารสัตว์ของ CP ซึ่งทำในนามของกลุ่มปศุสัตว์ จนอายุได้ 20 ปีมีเงินเหลือจากการแต่งงานจึงได้เอาเงินส่วนนั้นไปซื้อที่ประมาณ 4 ไร่ และได้หมูพันธ์จากการสนับสนุนของกรมปศุสัตว์ แต่ในตอนนั้นเองพบกับปัญหาหมูที่เลี้ยงเป็นโรคอหิวาตกโรคจนทำให้หมูที่เลี้ยงมาตายหมด แต่ด้วยใจที่สู้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ทำให้คุณอภิสิทธิ์เริ่มศึกษาการทำฟาร์มหมูอย่างจริงจังจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลังจากจบการอบรมได้หมูจากรัฐบาลมา 2 ตัวจึงค่อยๆพัฒนาฟาร์มสุกรมาเรื่อยๆ และยังได้การสนับสนุนจากรัฐบาล คอยเข้าร่วมการอบรมต่างๆจนทำให้มีความรู้ที่แตกฉานจนทำให้ฟาร์มสุกรเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ

จากการที่ธุรกิจค่อยๆขยับขยายขึ้นมาเรื่อยๆนั้นทำให้จำนวนสุกรเพิ่มขึ้นจากแต่เดิม ซึ่งส่งผลให้คุณอภิสิทธิ์ต้องขยายเนื้อที่การทำฟาร์มเพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อขยายแล้วได้มีการจัดสรรเนื้อที่อย่างเป็นสัดส่วน โดยจะมีโรงเลี้ยงหมูแบบปิด บ่อจระเข้ บ่อเก็บน้ำเสีย แบ่งพื้นที่ปลูกพืชเพื่อดับกลิ่น และยังใช้ไบโอแก๊สเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในฟาร์มอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นฟาร์มครบวงจรที่สามารถจัดสรรพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างลงตัว

โดยการเลี้ยงหมูของฟาร์มพรประเสริฐนั้นจะแบ่งแยกโรงเลี้ยงออกเป็นหลายส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นโรงคลอดหมูโดยจะมีแม่หมูและลูกหมูอยู่ โดยลูกหมูที่คลอดออกมาจะอยู่กับแม่หมู 21-23 วัน จากนั้นจะย้ายลูกหมูไปที่คอกอนุบาลประมาณ 43 วัน  หลังจากนั้นลูกหมูจะถูกย้ายไปสู่คอกหมูเนื้ออีก 100 วัน ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของน้ำและอาหาร รวมไปถึงการวางระบบจัดการที่ทำให้หมูมีสุขภาพที่ดี

เคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ฟาร์มพรประเสริฐประสบความสำเร็จนั้นทางคุณอภิศักดิ์ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของอาหารที่ต้องได้คุณภาพ สด ใหม่ ไม่เน้นสต็อคของไว้เพราะจะทำให้รสชาติและกลิ่นอาจเปลี่ยนไป ตุนแต่พืชที่มีตามฤดูกาลเท่านั้น และอีกสิ่งที่สำคัญคือ ความสะอาดของฟาร์ม สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อมภายในฟาร์ม รวมไปถึงโรคของหมูที่ต้องตรวจดูแลเป็นอย่างดี โดยกุญแจแห่งความสำเร็จที่สำคัญ คือ การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ฟาร์มพรประเสริฐประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนจวบจนถึงทุกวันนี้