“ดูไบ” เตรียมสร้างเมืองแห่งอนาคต รับการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ


เมืองดูไบ ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางของธุรกิจและการขนส่งเชิงพาณิชย์ในภูมิภาคที่เรียกกันว่าตะวันออกกลาง อีกทั้งยังปราศจากสงคราม,ความขัดแย้ง รวมถึงความวุ่นวายทางการเมือง อย่างไรก็ตามสภาพภูมิประเทศของ “ดูไบ” จะเป็นทะเลทราย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะมีการจัดสร้างภาพลักษณ์ที่มีเสน่ห์ให้ผู้คนเกิดความหลงใหลขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิมของเมือง ,สถานบันเทิงยามค่ำคืน และร้านอาหารที่มีความอร่อย

สิ่งต่างๆที่กล่าวมาจึงกลายเป็นจุดดึงดูดให้กับนักธุรกิจที่มีความร่ำรวยที่กำลังมองหาศูนย์กลางทางการค้า เช่นเดียวกับระดับการศึกษาที่สูงจากผู้คนทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีการเติบโตสูงเหมือนอย่างสิงคโปร์

หาก “ดูไบ” ต้องการปรับตัวเองให้เป็นฮับแห่งการเติบโต พวกเขาต้องเริ่มบูรณาการอย่างต่อเนื่องและคงความเป็นผู้นำด้านการแข่งขันเอาไว้ ซึ่งมีคู่แข่งที่สำคัญในภูมิภาคเดียวกัน ได้แก่ โดฮาห์,คูเวต และริยาด

ภาพวาดในอนาคต

หนึ่งในหนทางที่จะทำให้ “ดูไบ” ก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ คือ  Dubai Future Accelerators (DFA) ที่ทำหน้าที่จับคู่บริษัทต่างๆชั้นนำของโลกให้กับรัฐบาลของดูไบ โดยหนึ่งในเป้าหมายนั่นคือการปรับปรุงบุคลากรด้านตำรวจให้มีการรักษาความปลอดภัยที่มีจำนวนมากขึ้นด้วยการใช้โดรน ซึ่งสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการเกิดอาชญากรรมได้ดีกว่า โดย DFA วางแผนที่จะจับคู่ทางธุรกิจให้กับบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ “โดรน” คล้ายกัน หากบริษัทเหล่านั้นยอมรับเงื่อนไขได้ก็จะสามารถใช้บริการพื้นที่สำนักงาน , ที่พักอาศัย เป็นระยะเวลาฟรี 12 สัปดาห์

นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับด้านอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องถนนและการขนส่งที่ต้องการพัฒนาให้มีทางเลือกขนส่งาสาธารณะ รวมถึงการลดปริมาณขยะให้ได้ร้อยละ 75

ดังนั้น โปรเจคเหล่านี้จึงเป็นโอกาสอย่างแท้จริงในการลงนามร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับรัฐบาล หากทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่าพวกเขาสามารถทำงานร่วมกันได้

ด้าน Vera Futorjanski หัวหน้าฝ่ายสื่อสาร DFA กล่าวว่า ดูไบ 1.0 ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการค้าและไข่มุก มาถึง 2.0ให้ความสำคัญเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง และโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจุบัน ดูไบ เข้าสู่ 3.0 ที่มีเป้าหมายอยู่ที่พื้นฐานด้านเศรษฐกิจ

ล่าสุด DFA กำลังอยู่ในช่วงการบ่มเพาะ คัดเลือกบริษัทในครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกยอมรับผู้สมัครจำนวน 30 ราย จากทั้งหมด 2,000 ราย โดยมี 19 รายที่ได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลของดูไบ ไม่ว่าจะเป็น Darkmatter บริษัทความปลอดภัยด้านโลกไซเบอร์ที่ตกลงเซ็นสัญญากับตำรวจดูไบ , Pixelbug บริษัทเกี่ยวกับ virtual reality ที่ปัจจุบันทำงานให้ความรู้และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้กับดูไบ และ Medativ สิ่งพิมพ์ 3 มิติแบบจำลองทางกายวิภาคด้านร่างกายของมนุษย์ และจับมือร่วมทำงานกับสำนักงานสาธารณสุขดูไบ  เหล่านี้คิดเป็นมูลค่ารวม 33.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“รัฐบาลดูไบไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการยอมรับบริษัทแต่อย่างใด แต่เรากำลังจะบอกกับโลกให้รู้ว่า สิ่งที่ท้าทายในอนาคตจะเป็นอย่างไร หากคุณคือบริษัทหรือ Start up ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความท้าทายเหล่านั้น”