จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของสองเพื่อนสาว สู่เครื่องสำอางที่ผู้หญิงทุกคนต่างถามหา “Cosluxe”


เรื่องราวของ 2 เพื่อนสาวนักธุรกิจกับการเริ่มต้นทำอายไลน์เนอร์ขายตามบูธ วัตสัน จากธุรกิจที่ตั้งใจทำเป็นงานอดิเรก แต่ผลตอบรับดีเยี่ยมจนแตกไลน์ธุรกิจเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจผู้หญิงวัยทำงาน พบกับเส้นทาง 4 ปีของ เครื่องสำอางที่ทำโดยคนไทย “Cosluxe” กับผู้บริหารสองเพื่อนสาว คุณพี วิไลวรรณ สุชาติสุนทร และ คุณกิ๊ฟ ช่อทิพย์ ประสิทธิชัย

จุดเริ่มต้นเลยคือ ทางคุณพีทำงานประจำในสายเครื่องสำอางมาก่อนหน้านี้ 2 บริษัท โดยลักษณะของผลิตภัณฑ์ของ 2 บริษัทจะต่างกัน ที่แรกจะเป็นผลิตภัณฑ์ คอสเมติกส์ที่ค่อนข้างแมท ส่วนที่ 2 จะเป็นเกี่ยวกับสกินแคร์ ลักชูรี่ ซึ่งมันจะอยู่ในแฟชั่น เครื่องสำอาง ของความสวยความงามทั้งคู่ เราเริ่มต้นจากสิ่งที่เราชอบเป็น โปรดักส์ดีไซน์เนอร์ของทั้ง 2 แบรนด์ เราก็คลุกคลีอยู่กับเรื่องพวกนี้ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าตอนเรามีผลิตภัณฑ์ของเราออกมาวางบนชั้น เรารู้สึกภูมิใจ เราชอบ แล้ววันนึง ได้หยิบผลิตภัณฑ์ที่เราได้ใช้ตลอดแล้วคิดว่า ถ้ามีผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่ได้ใช้ทุกวันมาอยู่ตามห้างสรรพสินค้ามันคงน่าภูมิใจน่าดู ก็เลยเริ่มติดต่อ ค่อยๆคุยเอง มาเรื่อยๆ

กว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สักชิ้นนึงเรามีหลายกระบวนการเริ่มตั้งแต่ หา Suppliers ซึ่งโรงงานผลิตลิปสติก มีเป็นร้อย เป็นพัน เราก็ต้องมานั่งทดลองของแต่ละที่ ใช้ Sense บ้าง ดูจากผลงานเก่าที่เค้าเคยทำไว้บ้าง แล้วก็ต้องมาดัดแปลงให้เข้ากับบ้านเรา ซึ่งระยะเวลาขึ้นอยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ บางผลิตภัณฑ์ง่าย สมมุติลิปสติก ไม่ได้ยาก ทำได้เร็วมาก แต่ว่าบางผลิตภัณฑ์อย่างเช่น มาสคาร่า จะค่อนข้างยาก ขนาดเราใช้เวลามาเกือบ 5 ปี ยังไม่มีมาสคาร่าเลยสักแท่ง

จุดที่ทำให้เราตัดสินใจมาทำงานของตัวเองคือ ในตอนนั้นไม่ได้เสี่ยงที่จะลาออก แต่ทำควบคู่กับงานประจำ โดยพีจะเป็นคนออกจากงานก่อน แล้วบอกกับกิ๊ฟว่า “ไม่มีอะไรคือลงทุนกัน 2 คนหุ้นกัน ถ้าเจ๊งอย่างเก่งก็เอาของไปขายหน้าโรงงาน ขายราคาทุน ยังไงก็ไม่เข้าเนื้อ” แล้วกิ๊ฟก็คิดในใจว่า ไม่น่าเจ๊ง ซึ่งตอนนั้นพีคิดมาได้สักพักแล้ว คิดไปถึงชื่อแบรนด์  อายไลเนอร์ที่จะออก Packaging คิดมาหมดแล้ว แล้วมาบอกกับเราว่ามีโครงการประมาณนี้เอาไหม ลงทุนเท่านี้ แล้วเราก็ตกลงร่วมทุนกัน เพราะตอนนั้นได้มีการปรึกษาแม่ ซึ่งแม่ก็รู้จักพี ว่าพีเป็นคนทำงานทำจริง ถ้าไม่ใช่พีก็อาจจะไม่ทำ ดังนั้นกิ๊ฟเลยเริ่มจากการเชื่อมั่นในตัวเพื่อน

ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ออกเลยคือ อายไลเนอร์ สมัยก่อนคือต้องหาในวัตสันหรือบูทต่างๆ ถึงจะมีเพราะช่วงนั้นหาซื้อยาก ไม่มีช๊อปของตัวเอง เพราะตอนแรกคิดว่าจะขายออนไลน์ ขายตลาดที่เป็นตลาดล่าง ขายส่ง คือขายข้างนอกขายออนไลน์ต้นทุนมันต่ำ มันไม่มีค่าเช่าหน้าร้าน บริหารจัดการง่าย ซื้อมาขายไป จ่ายเงิน ส่งสินค้า หรือแม้ร้านขายเครื่องสำอางทั่วไปคือขายง่ายส่งของรับเงิน แต่หลังจากนั้นเริ่มมีห้างติดต่อมาบ้าง 80% ติดต่อมาเอง เพราะแผนกจัดซื้อส่วนใหญ่ของห้างใช้สินค้าเรา จึงติดต่อมาว่า “สนใจเอาของมาพรีเซ็นที่บริษัทเพื่อนำของมาขายไหมคะ” เราจึงไป แต่ก็มีคิดว่า เมื่อก่อนเราส่งตลาดใช้คน 5-6 คนก็อยู่ แต่พอเข้าห้างระบบมันเยอะมาก ต้องมีการทำบัญชี เงินก็ต้องขายเป็นเครดิตไปก่อน 60 วันได้เงิน ทั้งรับเช็ค วางบิล ส่งของ ซึ่งจากการขายแค่ออนไลน์แต่วันนึงการเข้าห้างมันจำเป็นต่อการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงมากขึ้น เพราะถ้าของเรายังอยู่ในตลาดเดิมมันก็จะไม่เติบโต แต่ถ้าเราต้องการทำการตลาดให้แบรนด์เราจริงๆ เราก็ต้องเริ่มจากการโปรโมทต่างๆ ลงแม็กกาซีน ลงโฆษณา แต่ด้วยราคาที่แพง เราจึงต้องมองว่าเราจะลงทุนทางไหนที่จะทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดีขึ้น แล้วคุ้มค่ากว่า ก็เลยคิดว่าเข้าห้างนี่น่าจะดีกว่า อีกอย่างเพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงความดูดีแล้วเป็นเหมือนการการันตีพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ว่าถ้าไม่ดีจริงก็เข้าวัตสันหรือห้างไม่ได้ ไม่ใช่แค่ของตามตลาดล่างที่ราคาถูก

หลังจากนั้นก็มีการคิดผลิตภัณฑ์ออกมาเรื่อยๆ โดยตามเทรนด์มาเรื่อยๆ อีกหลายไลน์ผลิตภัณฑ์ โดยที่เรามีความคิดว่า “ถ้าเทรนออกมาใหม่ๆ แล้วเราไม่กระโดดไปเรียนรู้ตามมัน เราจะเป็นแบรนด์ที่ล้าหลังไปเลย” แต่ก็ไม่ตามเทรนจนเกิดไป โดยจะอิงคาแลกเตอร์แบรนด์ไว้ และก็คอยดูคู่แข่งว่าไปถึงไหน ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นอย่างไร ที่สำคัญคือคุณภาพเราอยู่นิ่งไม่ได้ต้องแอ็คทีบตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เสียลูกค้าเดิมไป และได้ลูกค้าใหม่มา และไม่เดินตามตลาดแต่ต้องคิดมองมุมใหม่ผลิตอะไรใหม่ๆ แต่ต้องเป็นตัวของตัวเองอีกด้วย

 

หัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ที่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จนั้นมาจากการคิดค้นและทดลองใช้เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลงานออกมาให้คนที่ใช้แล้วอดที่จะบอกต่อไม่ได้แล้วทำให้เรายังเป็น “Cosluxe” อยู่แบบนี้ เป็นสินค้าคุณภาพดี ราคาไม่แพงมากแต่ตอบโจทย์คนไทย ทำให้เราอยู่ในใจทุกคน และสิ่งที่ยากที่สุดคือการรักษาการเป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภค

สุดท้ายการมีเงินทำธุรกิจได้ออกผลิตภัณฑ์มีแบรนด์ของตัวเองได้ไม่อยาก แต่เราเชื่อว่าการทำอะไรไม่จริงจังหรือหาข้อมูลที่ไม่แน่นพอ การเตรียมดำเนินการที่ไม่พร้อมทำให้เราเกิดปัญหาแล้วเราแก้มันไม่ถูก เจอปัญหา ทำให้เราถอดใจในการทำมันต่อไป แต่เรานั้นต้องคิดอยู่ตลอดแก้ปัญหาได้ มีการเตรียมตัวล่วงหน้า ใช้สติ เจอปัญหาอะไรจัดการให้ผ่อนไปให้ได้ ยิ่งถ้าทำในสิ่งที่เรารักมันสำคัญมาก เรารักมัน เรารักการแต่งหน้า ทำให้เรามี Passion และคิดต่อไปได้เรื่อยๆ เลือกสิ่งที่เราตื่นขึ้นมาแล้วอยากจะไปทำมันจะได้ไม่เหนื่อยกับงาน สิ่งเหล่านี้เองเป็นเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ “Cosluxe” เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ครองใจคนไทยจวบจนปัจจุบัน