การสร้างเว็บไซต์ถูกพัฒนาในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ เว็บไซต์ E-commerce เพื่อขายสินค้าออนไลน์ ที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จากการใช้ตารางสู่แฟลชแอนิเมชั่น ทำให้เว็บไซต์ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองกับอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย เน้นสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ไม่ได้มีแค่เพียงการออกแบบเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ออกแบบเว็บไซต์ยังสร้างทางเลือกในการพัฒนาเว็บไซต์ตามแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งแต่ก่อนคุณต้องมีความรู้ ความเข้าใจด้านโปรแกรมเมอร์ เพื่อสร้างสรรค์เว็บไซต์ขึ้นมา แต่ปัจจุบันหลายบริษัทได้มอบหมายเว็บไซต์ของตนเองให้กับบริษัทที่รับทำงานด้านนี้โดยตรง ซึ่งดูจากราคาค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว สู่การสร้างแบรนด์ให้กับคุณเอง
ความท้าทายที่แท้จริงอยู่การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม ตอบสนองความต้องการของธุรกิจคุณ และนี่คือเคล็ดลับเล็ก ๆน้อย ๆที่จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ในการสร้าง เว็บไซต์ E-Commerce ของคุณเอง
ค่าใช้จ่าย : ผู้สร้างเว็บไซต์จะเสนอราคาค่าใช้จ่ายในระดับปกติและระดับพรีเมียม หากเป็นระดับพรีเมี่ยมจะมีราคาสูงกว่าปกติ และเมื่อคุณประเมินดูแล้วไม่ความสะดวกมากพอที่จะตัดสินใจให้ลงทุน การสร้างแบบ DIY อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่
ง่ายต่อการใช้งาน : คนที่สร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่มักไม่มีความรู้ด้านเทคนิคในการออกแบบเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้น จึงมีข้อแนะนำว่าควรหาบริษัทที่มีความรู้เฉพาะด้านมาดำเนินการ โดยดูจากความสะดวกสบาย สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบบนหน้าเว็บไซต์ได้ รวมถึงใช้งานได้อย่างง่ายได้สำหรับผู้เข้าชม
นอกจากนี้ หากคุณทำเว็บไซต์เอง คุณอาจจะเสียเวลาในอนาคตเมื่อต้องการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆลงบนเว็บไซต์ E-Commerce รวมถึงการย้ายเว็บไซต์ของคุณไปยังเซฟเวอร์อื่น เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงาน ซึ่งการมีบริษัทที่คอยดูแลเว็บไซต์ให้กับคุณจะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว
การออกแบบ : ต้องยอมรับว่าในตลาดออนไลน์ มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ดังนั้นร้านค้า E-Commerce ต้องมองตามเทรนด์และพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค จำไว้เลยว่าคุณมีเวลาเพียง 7 วินาทีเท่านั้นที่จะทำให้ผู้บริโภคที่เข้ามาดูบนหน้าเว็บไซต์คุณให้เกิดความประทับใจ ก่อนที่พวกเขาจะปิดเว็บไซต์คุณไป
เมื่อพูดถึงการออกแบบเว็บไซต์ ไม่ได้มีแค่เพียงโฮมเพจหรือการใส่สี รูปภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกองค์ประกอบทั้งระบบ ความง่ายต่อการใช้งาน และการวางรูปแบบเว็บไซต์ในอนาคต ซึ่งทุกวันนี้เว็บไซต์ในลักษณะ DIY จะมีรูปแบบค่อนข้างเป็นมืออาชีพ ใช้งานค่อนข้างง่าย มีรูปแบบหลากหลาย ปรับแต่งง่าย จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
การทำ SEO : ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเว็บไซต์ของคุณต้องมีการตั้งค่า ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเห็นหน้าเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งการทำ SEO จึงมีความสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นหา อย่างไรก็ตาม SEO ถูกพัฒนาไปอย่างมาก เกิดความจู้จี้จุกจิกในการจัดลำดับหน้าเว็บ หากคุณต้องการอยู่ในเทรนด์ ไม่อยากตกกระแส ทางที่ดีที่สุดคือคุณควรหาผู้ทำ SEO เพื่อทำหน้าเว็บไซต์ของคุณให้อยู่ลำดับต้นๆในเวลาค้นหา
รองรับการใช้งานจากโทรศัพท์มือถือ : ปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่ายุคของโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในตลาด E-Commerce เป็นอย่างมาก เว็บไซต์ของคุณต้องสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับกับโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงของผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้กับอีกด้วย
[บทความทั้งหมด] | [คลิปรายการทั้งหมด]
