“Thailand Plus One” จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุม   “2017 WTTC Annual Global Summit” ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพมหานครว่า ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ที่เรียกว่า “Thailand Plus One” โดยใช้กรุงเทพฯเป็นประตูสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ในภูมิภาคอาเซียน

“Thailand Plus One” มีเป้าหมายเชื่อมโยงกับประเทศต่างในภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มประเทศ CLMV  อีกทั้งด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของไทยสามารถเป็นประตูให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังประเทศอื่นๆได้

ตามที่พลเอกประยุทธ์ กล่าวไว้ว่า ประเทศไทยมีการลงทุนอย่างมากเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมยาคมให้เชื่อมโยงกับประเทศในกลุ่ม CLMV ทั้งทางพื้นดิน อากาศ และทะเล ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวในอาเซียนให้ดียิ่งขึ้น โดยคาดการณ์ว่าประเทศสมาชิกจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางรวม 121 ล้านคนภายในปีนี้

สำหรับประเทศไทย การทำถนนทางหลวงกำลังอยู่ระหว่างการต่อขยายเส้นทางไปยังทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่การเชื่อมต่อด้วยรถไฟความเร็วสูงจะมีดำเนินการสร้างจากกรุงเทพฯ ไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้เชื่อมโยงกับ สปป.ลาว

ด้านการเชื่อมโยงการขนส่งทางทะเล มีการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ส่วนทางอากาศ อาเซียนมีนโยบายจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการบินมากขึ้น โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ เพื่อให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศอาเซียนได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน โดยการท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความยากจนในกลุ่มประชากรในอาเซียนที่มีรายได้ต่ำ

นอกจากนี้  David Scowsill ประธานและซีอีโอของ WTTC กล่าวว่า การท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก โดยสามารถสร้างรายได้มากกว่า 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างงานมากกว่า 292 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งการที่รัฐบาลมีการสนับสนุนนโยบายการท่องเที่ยวจะช่วยให้มีความยั่งยืน

“การตั้งภาษีทางการค้าและการก่อการร้ายคือสิ่งเลวร้ายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พวกเราต้องการให้ผู้คนมีอิสระในการเดินทางที่มีความปลอดภัย”

David Scowsill กล่าวต่อว่า รัฐบาลควรจะปฏิรูปกระบวนการขอวีซ่า โดยแนะนำว่าให้มีการดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

เรียบเรียงจาก : nationmultimedia