สงครามโปรโมชั่นของ Grab Uber และTaxi สุดท้าย “คนขับ” เจ็บ


การแข่งขันค่าโดยสารระหว่างแท็กซี่ และบริษัทแอพพลิเคชั่นบริการเรียกรถแท็กซี่อย่าง Grab และ Uber ในเวียดนามกลายเป็นความรุนแรง ขัดแย้งมากยิ่งขึ้น สุดท้ายผลกระทบตกมาอยู่กับ “คนขับ”

Grab และ Uber เริ่มออกโปรโมชั่นส่วนลด เพื่อแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดจากแท็กซี่แบบดั้งเดิมที่ออกมาให้บริการตั้งแต่แรก ซึ่งปัจจุบันพวกเขามีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 25 – 30% น้อยกว่าแท็กซี่

ภายใต้การแข่งขันด้านโปรโมชั่นที่รุนแรงของ Grab และ Uber ทำให้บริษัท รถแท็กซี่ จำนวนมากเปลี่ยนต้องเปลี่ยนนโยบายการบริหาร โดยปัจจุบันทั้ง Grab Uber และบริษัทแท็กซี่ ปรับเป็นให้เช่ารถแทนการเซ็นสัญญาว่าจ้าง ซึ่งทำให้คนขับรถเสียผลประโยชน์ด้านประกันสังคม

Vinasun หนึ่งในบริษัทแท็กซี่ยักษ์ใหญ่ในเวียดนาม เริ่มต้นเซ็นสัญญาเช่ารถแท็กซี่กับผู้ขับ ซึ่ง Nguyen Hung Tuan กล่าวว่า ตนรู้สึกกังวล เมื่อต้องเซ็นสัญญาเช่ารถกลับบริษัท โดยทุกวันตนจ่ายเงินค่าเช่า 800,000 ดอง (35 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ทั้งหมดคือความกดดันของผู้ขับ

“ผู้ขับที่เช่ารถในเดือนพฤษภาคมจะจ่ายค่าเช่าเพียง 100,000 ดอง (4.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อวันให้กับบริษัท คนขับจะไม่สามารถซื้อประกันอุบัติเหตุได้”

Ta Long Hy ผู้อำนวยการ Vinasun ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Tuoi Tre (Youth) ว่า Vinasun มีผลประกอบการลดลง 30% เพราะว่า Grab และ Uber ตัดราคา จึงทำให้รายได้ของคนขับลดลง 30% ตามไป ทำให้มีผู้ขับลาออกไปถึง 20%

ด้าน Mai Linh อีกหนึ่งบริษัทแท็กซี่ของเวียดนาม ออกมากระตุ้นให้ผู้ขับซื้อรถยนต์คันใหม่ และวิ่งให้บริการภายใต้ในนามบริษัท

ทั้งนี้ จำนวนรถยนต์ที่ลงทะเบียนกับ Grab และ Uber มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้คนขับแท็กซี่สูญเสียรายได้อย่างมาก ซึ่งการเข้ามาของ Grab และ Uber ในเวียดนาม ทำให้ผู้คนกู้เงินจากธนาคารเพื่อไปซื้อรถยนต์และลงทะเบียนกับแอพพลิเคชั่นดังกล่าว