“ปากน้ำประแสร์” ต้นแบบการพลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชนและกระจายรายได้สู่รากหญ้าอย่างยั่งยืน


“ชุมชนปากน้ำประแสร์” ตั้งอยู่ในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง จัดเป็นตำบลที่สุข สงบ มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่ควรต่อการหวงแหนไว้อย่างมากมาย โดยคำว่า “ประแสร์” มาจากภาษาชอง ที่แปลว่าทุ่งนา, ป่าทุ่งนา และบางความหมายยังแปลว่ากระแสน้ำจืดที่ไหลมารวมกับน้ำทะเลจนกลายมาเป็นปากน้ำประแสร์แห่งนี้ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อว่า “ตำบลปากน้ำกระแส” แต่ผู้คนก็ยังเรียกติดปากว่า “ประแสร์” อยู่เช่นเดิม

นายไชยรัตน์ เอื้อตระกูล นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำประแสร์ กล่าวว่า “ปากน้ำประแสร์” เป็นตำบลเล็กๆมีประชากรเกือบ 6 พันคนใน 1,600  ครัวเรือน ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นเมืองท่าแห่งการค้าขายและขนส่งสินค้า คนส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง ทำนา แต่เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมานาย ปิยะ ปิตุเตชะ นายก อ.บ.จ.ระยอง ได้เริ่มต้นพัฒนาชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวขึ้น เพราะมองว่าป่าใน “ตำบลประแสร์” ยังคงสภาพสมบูรณ์มาก โดยมีแนวคิดให้สร้างสะพานไม้เพื่อเป็นจุดชมวิวและเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งมีไฮไลท์อย่าง “ทุ่งโปร่งทอง” สีเหลืองเขียว ดูสดชื่นงดงามละลานตาตลอดสองฝั่งทางที่นำไปบรรจบสู่ “อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส” โดยมีนกนางนวลแกลบหงอนใหญ่โบยบินในช่วงฤดูวางไข่

ไฮไลท์อีกอย่างคือด้านการพัฒนาตลาด โดยเริ่มต้นจากการคัดแยกขยะในครัวเรือนซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือจากคนทั้งชุมชนจนประสบผลสำเร็จ ต่อมาได้งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐฯ 1 ล้านบาท เพื่อใช้ในการศึกษาดูงานการคัดแยกขยะจากที่ต่างๆ  โดยงบประมาณที่เหลือได้นำมาสร้างเป็นถนนคอนกรีตในชุมชนและพัฒนาให้เป็นถนนคนเดิน ซึ่งได้เปิดให้คนทั้งในและนอกพื้นที่เข้ามาซื้อสินค้าในชุมชนในวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ของทุกต้นเดือนจนกระทั่งปี 2558 เริ่มมีคนรู้จักและมาเที่ยวชมตลาด, ทุ่งโปร่งทองและเรือรบหลวงประแส เนื่องจากคนในชุมชนได้มีการพัฒนาพื้นที่ภายในบ้านให้เป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ ซึ่งปัจจุบันมีรองรับนักท่องเที่ยวกว่า 20 หลัง

เนื่องจากคนใน “ชุมชนประแสร์” ส่วนมากยังคงประกอบอาชีพประมงอยู่  ดังนั้นสินค้าขึ้นชื่อและของฝากที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจชุมชน จึงเป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทะเล โดยมีจำหน่ายทั้งแบบสดๆและการจำหน่ายแบบที่ผ่านการแปรรูปด้วยกรรมวิธีถนอมอาหาร เช่น กะปิ เคยแห้ง น้ำปลา ปลาตากแห้ง ปลาแดดเดียว และนอกจากอาหารทะเลแล้ว ยังมีชาใบขลู่และกางเกงเลที่เป็นสินค้าเด่นประจำตำบล

ปัจจุบันการท่องเที่ยวใน “ประแสร์” เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีนายทุนจากข้างนอกเข้ามาลงทุนและยากต่อการควบคุม เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลและควบคุมจึงได้จัดระเบียบผังเมืองใหม่ โดยใช้ความร่วมมือจากชุมชนให้คอยดูแล  ทั้งนี้ก็เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้สมบูรณ์คงเดิมโดยได้รับความร่วมมือจากเอกชนในการเข้าร่วมปลูกป่าชายเลนเพิ่มมากขึ้นด้วย

สรุปได้ว่าปัจจัยที่ทำให้ “ชุมชนปากน้ำประแสร์” เป็นที่รู้จักและเติบโตอย่างรวดเร็วคือการเริ่มต้นสร้างสะพานไม้เพื่อเชื่อมโยงเรื่องราวไปถึงประวัติของตำบลที่เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและเป็นเมืองท่าแห่งการค้าขายและส่งสินค้าอย่างอนุสรณ์เรือรบหลวง พร้อมนำเอาการท่องเที่ยวเชิงวิถีธรรมชาติอย่าง “ทุ่งโปร่งทอง” ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ยังหลงเหลือและยังคงสมบูรณ์อยู่มาช่วยสร้างบรรยากาศให้เรื่องราวมีชีวิตมากขึ้น โดยมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ พร้อมทั้งอนุรักษ์โดยการดูแลรักษาและปลูกทดแทนอยู่สม่ำเสมอ เป็นกิจกรรม CSR ที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการบอกต่อให้นักท่องเที่ยวแห่แหนเข้ามาลิ้มรสการท่องเที่ยวที่กำลังนิยมอยู่ในปัจจุบันหรือที่เรารู้กันว่า “การท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ที่เกิดขึ้นจากความต้องการและยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวของคนทั้งชุมชน

สุดท้าย นายไชยรัตน์ เอื้อตระกูล นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำประแสร์ ขอเรียนเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านให้เดินทางมาเที่ยวที่ “ปากน้ำประแสร์”  โดยทุกคนจะสัมผัสและเรียนรู้ถึงการท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนบนความรื่นรมย์ในธรรมชาติอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีอาหารขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดอย่าง ก๋วยเตี๋ยวผัดปู, ทอดมันประแส, ปลาฮื้อแซและผักกระชับที่เป็นผักพื้นบ้านของจังหวัดระยอง  ซึ่งหาทานได้ยากมากมีที่เดียวในประเทศไทย พร้อมบรรยากาศสงบในแบบริมน้ำในบ้านพักโฮมสเตย์ เดินทางสะดวกสบายไม่ไกลจากกรุงเทพ เต็มไปด้วยประเพณีอันงดงาม เช่นในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีการจัดทอดผ้าป่ากลางน้ำซึ่งตรงกับวันลอยกระทง จัดงานจำลองทอดผ้าป่าประกวด การประกวดภาพถ่าย 4 มิติจากประชน รวมถึงการเปิดตัวเรือรบหลวงประแสที่มีการปรับปรุงขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวสุดประหยัด ตอบโจทย์ชีวิตสโลว์ไลฟ์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย

ชุมชนไหนต้องการพลิกฟื้นชุมชุนให้กลับมามีชีวิตชีวา พร้อมสามารถสร้างรายได้สู่รากหญ้าอย่างยั่งยืนแบบนี้ โทรปรึกษาหรือขอคำแนะนำได้ที่ คุณสุดารัตน์ 092024468