10 มหาเศรษฐีไทย ไปดูกันว่าพวกเขาเหล่านั้นรวยด้วยธุรกิจอะไรกัน


ความรวย ใครๆก็อยากรวย! ปฏิเสธไม่ได้ว่ามหาเศรษฐีส่วนใหญ่นั้นรวยได้จากการทำธุรกิจ ไปดูกันว่า 10 มหาเศรษฐีไทย ที่รวยจนต้องร้องขอชีวิตพวกเขาเหล่านั้นรวยจากธุรกิจอะไร จากการจัดอันดับของ “Forbes Thailand” (ข้อมูลปี 2014) เราจะมาไล่กันตั้งแต่อันดับ 10 ไปจนถึงอันดับที่ 1 กันเลย มูลค่าทรัพย์สินแต่ละคนจะมากน้อยขนาดไหน ไปดูกันเลย

อันดับที่ 10 “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” มีมูลค่าทรัพย์สิน 53,781 ล้านบาท

อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 ของประเทศ ไม่เพียงแค่ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นนักธุรกิจใหญ่ มีเครือข่ายธุรกิจหลายแสนล้านบาทเข้าสู่วงการธุรกิจอย่างเต็มตัวด้วยวิธีคิดแบบนักธุรกิจ กล้าได้กล้าเสีย กล้าตัดสินใจ ทั้งยังเคยเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคมและการสื่อสารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน อดีตเคยเป็นข้าราชการตำรวจ อดีตเจ้าของและประธานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแห่งประเทศกัมพูชา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน และอดีตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา เรียกได้ว่าเป็น 1 ในนักธุรกิจที่มองการไกล จึงไม่แปลกที่เขาจะมีมูลค่าทรัพย์สินมากขนาดนี้

อันดับ 9 นายวิชัย มาลีนนท์ และครอบครัว” มีมูลค่าทรัพย์สิน 55,410 ล้านบาท

“วิชัย มาลีนนท์” ผู้ก่อตั้ง “ช่อง3” จากอดีตเด็กรับรถสองแถวก้าวสู่การเป็นหัวหน้าคุมวิน และก่อร่างสร้างตัวเป็นเจ้าของธุรกิจอีกสารพัด ไม่ว่าจะเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมัน เจ้าของสัมปทานสลากกินแบ่ง เจ้าของบริษัทก่อสร้างและธุรกิจที่ดิน จนกลายเป็นตระกูลมหาเศรษฐี เจ้าของสถานีโทรทัศน์ ที่ถือครอง ”หุ้นในตลาดหลักทรัพย์” มากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นเรื่องของฝีมือบวกความมานะอดทนล้วนๆที่กว่าจะมีวันนี้ได้ก็ต่อสู้มาแยอะเลยทีเดียว

อันดับที่ 8 “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” มีมูลค่าทรัพย์สิน 74,968 ล้านบาท 

“นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ เจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นผู้วางยุทธศาสตร์และสร้างความยิ่งใหญ่ในธุรกิจโรงพยาบาล จนกระทั่งปัจจุบันสามารถขยายเครือข่าย “โรงพยาบาลกรุงเทพ” ผลิตและจำหน่ายวัสดุภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยมียอดการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย และได้เข้าซื้อกิจการกับอีกหลายโรงพยาบาลเช่น โรงพยาบาลพญาไท เปาโล และอีกหลายโครงการ คุณหมอปราเสริฐ มีความตั้งใจอย่างสูงในการขยายเครือข่ายโรงพยาบาล ด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั้งในและนอกประเทศเพื่อก้าวเป็นเบอร์ 1 ใน 3 ของโลกในอนาคต ปัจจุบันมีเครือข่ายกว่า 30 แห่ง เห็นไหมหล่ะคะว่าเขาเป็นสุดยอดนักธุรกิจอีกคนที่น่ายกย่องและน่าปรบมือให้กับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของเขาคนนี้

อันดับที่ 7 “นายสันติ ภิรมย์ภักดี และครอบครัว” มีมูลค่าทรัพย์สิน 91,226 ล้านบาท 

ตระกูลเบียร์ที่ได้ความนิยมที่สุดอย่างภายใต้แบรนด์ เบียร์สิงห์ เบียร์ลีโอ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี จำกัด “นายสันติ ภิรมย์ภักดี” เข้าสู่ธุรกิจ ในช่วงที่บุญรอด บริว เวอรี่ ซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูลกำลังขยายตัวออกไปในแนวตั้ง เพื่อให้ธุรกิจมีความครบวงจร โดยการขยายโรงงานแห่งที่ 2 ที่ปทุมธานี มีการจัดตั้งบริษัทบางกอกกลาส ซึ่งเป็นโรงงาน ผลิตขวดเบียร์ โรงงานพลาสติกไทย ผู้ผลิตลัง พลาสติก บรรจุขวดเบียร์ และบริษัทเชียงใหม่ มอลท์ติ้ง ผลิตข้าวมอลท์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ ในการผลิตเบียร์ ปัจจุบันธุรกิจเบียร์เป็นธุรกิจที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยคู่แข่งสำคัญที่สุดคือเบียร์ช้าง ของเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมีฐานเงินทุนที่แน่นหนา และพยายามใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทุกวิถีทาง เพื่อที่จะเบียดเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจากบุญรอดบริวเวอรี่ แต่ถึงอย่างไรมูลค่าทรัพย์สินของบุญรอดบริวเวอรี่ก็สามารถการันตีความสำเร็จของธุรกิจได้แล้วใช่ไหมหล่ะคะ

อันดับที่ 6 “นายวาณิช ไชยวรรณ” มีมูลค่าทรัพย์สิน 127,120 ล้านบาท 

ถ้าเอ่ยถึง “ไทยประกันชีวิต” ต้องนึกถึงคนๆนี้ ถือได้ว่าเป็นบุคคลเก่าแก่ในวงการประกันของไทยผ่านเส้นทางอันยาวนานกว่า 70 ปี ธุรกิจประกันยังเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามากที่สุดของกลุ่ม ปัจจุบัน คุณวาณิช ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจที่เข้าไปถือหุ้นอีก 6 สาย ประกอบไปด้วยสายประกันภัย สายการเงิน สายอุตสหกรรมและเครื่องดื่ม สายประกันภัย และสุดท้ายสายอสังหาริมทรัพย์ “วาณิช ไชยวรรณ” เป็นผู้สร้างบริษัทประกันชีวิตของคนไทยดังสโลแกน “ไทยประกันชีวิตดูแลชีวิตคนไทย”

อันดับที่ 5 “นายกฤตย์ รัตนรักษ์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 166,234 ล้านบาท 

“กฤตย์ รัตนรักษ์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด(มหาชน) หรือ ปูนอินทรี ตระกูลรัตนรักษ์ ถือเป็นตระกูลรุ่นบุกเบิกตระกูลหนึ่งของสังคมธุรกิจไทย สามารถสร้างฐานธุรกิจอย่างมั่นคงในช่วงสงครามเวียดนาม มีเครือข่ายธุรกิจสำคัญ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์นครหลวง และเจ้าของสัมปทานเครือข่ายฟรีทีวีรายใหญ่ที่สุด (ช่อง7) นอกจาก 3 ธุรกิจที่เป็นเสาหลักแล้ว ตระกูลรัตนรักษ์ ภายใต้การนำของ “คุณกฤตย์” ยังลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาด โดยใช้การเข้าไปลงทุนแบบถือหุ้นร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ตระกูลรัตรักษ์ ยังคงเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดินจำนวนมากในประเทศไทยไม่แพ้ คุณเจริญและคุณธนินท์ เลยทีเดียว

อันดับที่ 4 “เฉลียว อยู่วิทยา และครอบครัว ” มีมูลค่าทรัพย์สิน 322,690 ล้านบาท 

“เฉลียว อยู่วิทยา (บิดา)” ในอดีตมีอาชีพเลี้ยงเป็ด และค้าขายผลไม้ จากนั้นเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำงานร้านขายยา เป็นเซลส์แมนขายยา “ออริโอมัยซิน” จากนั้นได้ลาออกมาเป็นตัวแทนนำเข้ายามาจำหน่ายเอง และต่อมาตั้งโรงงานผสมยาอยู่หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ราชดำเนิน จากนั้นตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน ในช่วงแรก ผลิตแป้ง”แทตทู” ยาเด็ก “เบบี้ดอล” ก่อนจะมาถึงเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” ด้วยการทำตลาดแบบถึงลูกถึงคน ทำให้กระทิงแดงตีตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาดและเป็นผู้บริหาร บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ได้ผลิตเครื่องดื่ม อาทิ เครื่องดื่มกระทิงแดง (โด่งดังไปทั่วโลก) ลูกทุ่ง สปอนเซอร์ กาแฟกระทิงแดง เรดบูลเอ็กตร้า เพียวลิคุ เป็นต้น

อันดับที่ 3 “นายเจริญ สิริวัฒนภักดี” มีมูลค่าทรัพย์สิน 368,323 ล้านบาท 

เจริญ สิริวัฒนภักดี ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทไทยเบฟเวอเรจ (ThaiBev) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน), ประธานกลุ่มบริษัท สุรามหาราษฎร จำกัด, ประธานกรรมการบริหาร บริษัททีซีซี กรุ๊ป (มีเครือข่ายลงทุนในต่างประเทศมากมาย) และประธานบริษัท มิลเลียไลฟ์ อินชัวรัส์ จำกัด มหาชน นายเจริญ สิริวัฒนภักดีเป็นนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ประกอบธุรกิจ หลากหลาย ทั้ง อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สุดที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย  เจ้าของบริษัทเบียร์ช้างและบริษัทในเครือ และเจ้าของกิจการ โรงแรม พลาซ่า แอททินี่ ในกรุงเทพมหานคร และในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

อันดับที่ 2 “นายธนินท์ เจียรวนนท์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 374,842.50 ล้านบาท 

“นายธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร “เครือเจริญโภคภัณฑ์ : CPF” เครือเจริญโภคภัณฑ์ก้าวสู่การเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับภาคชนบท และก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก เป็นผู้ผลิตกุ้งรายใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสัตว์ปีกใหญ่ที่สุดในโลก เป็นบริษัทที่ทำการเกษตรแบบทันสมัยและครบวงจร และยังทำธุรกิจค้าปลีกอย่าง 7-11 ภายใต้การบริหารงานของ CP ALL  ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เขาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไทยคนหนึ่ง

อันดับที่ 1 “ครอบครัว จิราธิวัฒน์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 413,956.50 ล้านบาท 

หากพูดถึงตระกูลนี้ก็จะนึกถึง “เซ็นทรัลกรุ๊ป” มีศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทยและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน ผ่านช่วงมรสุม ผ่านร้อน ผ่านหนาว จนในที่สุดชื่อ “เซ็นทรัล” ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของใครหลายๆคนและประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้  โดย “เซ็นทรัลกรุ๊ป” เป็นเจ้าของแบรนด์ศูนย์การค้าดังๆในประเทศไทยหลายแบรนด์ได้แก่ Robinson, Zen และ Central เป็นต้น และยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภท Office Building, Hotel (Centara Hotel) อีกด้วย เห็นตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินของครอบครัวจิราธิวัฒน์แล้วต้องยอมรับว่าครอบครัวนี้เป็นนักธุรกิจที่จับจุดความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด และต่อยอดธุรกิจจนสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับพวกเขาได้

เห็นมั๊ยหล่ะคะว่าการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลทำให้พวกเขาเหล่านี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งนักธุรกิจบางคนไม่ได้เริ่มต้นจากการมี แต่เริ่มจากความขยันและความอดทน ก่อร่างสร้างตัวเองจนมีมาถึงทุกวันนี้ สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่กำลังทำธุรกิจก็อย่าเพิ่งท้อกันนะคะ

สักวันคุณอาจได้เป็น 1 ใน 10 มหาเศรษฐีไทย ก็เป็นไปได้นะคะเพียงเรามองหาสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการให้เจอ กล้าที่จะลงมือทำ เมื่อนั้นความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วหล่ะค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Forbes Thailand 

https://www.facebook.com/smartsme/videos/849572595192763/

 

[บทความทั้งหมด] | [คลิปรายการทั้งหมด]