ช่วงปลายปีแบบนี้หลายท่านคงเตรียมทำหน้าที่พลเมืองที่ดีด้วยการยื่นเสียภาษีประจำปีประจำปี 2561 โดยในแต่ละปีทางรัฐบาลก็จะการออกมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเพื่อให้ประชาชนจับจ่ายซื้อสินค้ากันมากขึ้น ตลอดจนการปรับโครงสร้างทางภาษีที่เราทุกคนต้องปฏิบัติตาม
ดังนั้น Smartsme เราจะมาอัพเดทรายการลดหย่อนภาษีประจำปี 2561 กันว่ามีหมวดหมู่อะไรบ้างที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้ดังต่อไปนี้
ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัว
- ค่าลดหย่อนส่วนบุคคลสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนจากคู่สมรสสามารถลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบุตร คนละ 30,000 บาท
- ค่าลดหย่อนภาษีเลี้ยงดูบิดา-มารดา หักได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าอุปการะคนพิการหรือคนทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร นำมาหักค่าใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนภาษีตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- เที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด นำค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2561)
ค่าลดหย่อนภาษีจากการบริจาค
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง โดยเงินบริจาคต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคให้สถานพยาบาลของรัฐ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนจ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคเข้ากองทุนวิจัย สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนจ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังลดหย่อนภาษี (มีผลถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562)
- เงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนจ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคทั่วไป สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามที่บริจาคจริง เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักภาษี
ค่าลดหย่อนจากประกันชีวิตและเงินออม
- เงินประกันสังคม ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 9,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 13,200 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ ไม่เกิน 15,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดา-มารดา ไม่เกิน 15,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ 15% ของเงินได้พึงประกันไม่เกิน 200,000 บาท
- ค่าซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีไม่เกิน 500,000 บาท
- ค่าซื้อกองทุนรวมเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินสะสม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กบข./กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีไม่เกิน 500,000 บาท
โดยท่านที่สนใจอยากจะศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปได้ที่กรมสรรพากร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง