คน Like เพจเพียบ แต่โพสต์แล้วเงียบ ไม่มี Engagement เลย


หลังๆ มานี้ผู้ประกอบการ หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายท่านอาจจะเริ่มสังเกตเห็นถึงความเงียบแบบแปลกๆ ของ Facebook ทั้งๆ ที่ตัวเพจคุณเองก็มีคนไลค์เยอะมาก ทำการตลาดเรียกยอดไลค์มาได้ตามเป้า แต่กลับกันเวลาโพสต์อะไรแต่ละครั้ง กลับมีคนกดไลค์ หรือเข้ามาคอมเมนท์น้อยจนน่าตกใจ

ซึ่งเรื่องนี้น้อยคนนักที่จะรู้ว่า Facebook จะแสดงโชว์โพสต์ของเราให้ลูกเพจหรือคนที่กดไลค์มองเห็นไม่ถึง 10% เสียด้วยซ้ำ เข่น ถ้าคุณมีเพจที่มียอดไลค์หลัก 10,000 คุณโพสต์หนึ่งที จะมีคนเห็นเพียง 700-800 คน ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่น้อยมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ คุณต้องทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่จะทำให้ Facebook จัดอันดับโพสต์ของคุณให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น

Edgerank คะแนนความประพฤติที่ Facebook ใช้วัดคุณค่าโพสต์

ในการโพสต์แต่ละครั้งนั้น Facebook จะมีการจัดอันดับคะแนนความประพฤติอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากที่โพสต์ออกไปแล้ว Facebook จะทำการคำนวณจากปัจจัยต่างๆ เพื่อคัดกรองว่าโพสต์นั้นควรแสดงให้ใครเห็นบ้าง ซึ่งค่าคะแนนตรงนี้จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณไม่มีการเคลื่อนไหวเพจเป็นเวลานาน ยิ่งทำให้คะแนนต่ำลง จนเมื่อคุณห่างไกลการโพสต์ไปเป็นเดือน กลับมาโพสต์อีกครั้งคุณอาจจะมีคนกดไลค์เพจแค่หลักหน่วยก็ได้

3 ปัจจัยที่มีผลต่อ Engagement และทำให้คนกดไลค์ คอมเมนท์ น้อยลง

การจัดอันดับคะแนนความประพฤตินั้น Facebook ได้ใช้เกณฑ์ ตัวแปร 3 อย่างนี้เป็นหลัก ดังนี้

1. Affinity ความใกล้ชิดของคนคนนั้น ถ้าเขาเคยมากดไลค์ คอมมนท์ โพสต์คุณมากเท่าไหร่ เขาก็จะได้เห็นโพสต์ใหม่ๆ เยอะเท่านั้น
2. Weight วัดจากตัวโพสต์นั้นๆ ถ้าเป็นโพสต์ที่มีคนกดไลค์ คนคอมเมนท์สูง ก้มีโอกาสโชว์ให้ลูกเพจเห็นได้มากขึ้น
3. Time Decay สุดท้ายคือ เวลาที่ล่วงเลยไป ยิ่งโพสต์ไปนานเท่าไหร่ จำนวนคนเห็นก็จะน้อยลงเรื่อยๆ

ต้องโพสต์แบบไหนให้ถูกใจ คนเห็นเยอะ

แน่นอนว่าการทำคอนเทนต์ครั้งนึงนั้นใช้เวลา และทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นต้องทำอย่างตั้งใจ และให้เกิดประโยชน์ คุ้มค่ากับเวลาและสิ่งที่เสียไปมากที่สุด ซึ่งเทคนิคการสร้างโพสต์แบบที่ Facebook ชอบมีดังนี้

1. ให้ความรู้มากกว่าขายของ
ลูกค้าที่เข้ามาดูเพจนั้นส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยชอบคอนเทนต์ขายตรง ที่พยายามยัดเยียดข้อดีของสินค้าออกมาให้เห็นกันโต้งๆ แต่เขาต้องการสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเขากลับไป เช่น การให้ความรู้ในสิ่งที่ช่วยเหลือลูกค้าได้ สมมติคุณขาย น้ำยาขัดรองเท้า คุณไม่จำเป็นต้องโพสต์แต่น้ำยาของคุณ แต่คุณสามารถให้ความรู้ถึงการดูแลรองเท้าในรูปแบบต่างๆ การเลือกรองเท้าให้เหมาะกับสถานการณ์ การเลือกใส่รองเท้าตามราศี หรือแม้แต่การน้ำเสนอแบรนด์รองเท้ายอดฮิตที่เซเล็บนิยมใส่กัน
2. แชทหาลูกค้าก็มีผล
ถึงแม้รอบตัวเราจะมีเครื่องมือสื่อสารมากมาย แต่ Chat Application ที่จะส่งผลต่อการมองเห็นโพสต์ของเพจคุณได้โดยตรงก็คือ Messenger นั่นเอง ซึ่งการแชทหาลูกค้าผ่านระบบของเฟซบุ๊ก จะช่วยในการสร้างความใกล้ชิด สนิทสนมกับ User นั้นๆ ซึ่งถ้าคุณโพสต์อะไรในครั้งต่อไป มันก็จะเด้งโชว์หน้า Feed เขาอย่างแน่นอน
3. โพสต์ให้ถูกที่ถูกเวลา
การจะโพสต์ให้ประสบความสำเร็จ ต้องคาดเดาช่วงเวลาในการโพสต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเวลาที่แนะนำและดีที่สุดในการโพสต์คือ
ช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.00 – 8.00 น.
ช่วงบ่าย เวลาประมาณ 11.00 – 14.00 น.
ช่วงเย็น เวลาประมาณ 18.00 – 21.30 น.
4. โพสต์คำถามปลายเปิด
การที่มีคนมาคอมเมนท์นั้น จะได้คะแนนมากกว่าการกดไลค์ กดแชร์เสียอีกครับ ดังนั้นการโพสต์แต่ละครั้งคุณอาจจะถามเป็นคำถามปลายเปิดก็ได้ เช่น คุณโพสต์ข่าวรองเท้าแบรนด์นึง แล้วคุณปิดท้ายด้วยคำว่า “เป็นเพื่อนๆ จะเลือกใส่ Nike หรือ Adidas กัน” ซึ่งก็จะเรียกแขกให้เข้ามาคอมเมนท์กันมากขึ้น ยิ่งเป็นคำถามที่ตอบง่าย ตอบสั้น ยิ่งมีคนอยากเข้ามาตอบ มาคอมเมนท์เยอะ ส่งผลให้โพสต์ของคุณมีประสิทธิภาพ
5. สอนวิธีกดติดดาว
สิ่งที่มีประสิทธิภาพที่สุดและทำให้ลูกค้ามองเห็นโพสต์ของคุณทุกโพสต์แบบไม่พลาดเลยสักอัน ก็คือ การติดดาว หรือการกด “รับการแจ้งเตือน” ซึ่งตรงนี้เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก (ในความคิดของลูกค้า) แต่ถ้าคุณสอนเขาเป็นประจำ อย่างต่อเนื่อง ร้องขอให้เขาติดดาวเพจคุณไว้ และที่สำคัญต้องมีคอนเทนต์ที่ดีมีประโยชน์ให้เขาตลอดเวลา รับรองว่าจะช่วยให้โพสต์ทุกโพสต์ของคุณมีคนเห็นเพิ่มมากขึ้นได้ทันตา