ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
ในธุรกิจเรา ชื่อบริษัทก็ไม่ดัง สินค้า บางคนก็ไม่เคยเห็น…
บางทีเราก็ทำธุรกิจใหม่ สวัสดิการ หรือ office ก็ไม่ได้สวยหรู เช่าห้องแถว หรือ ใช้บ้านเป็น Office เงินเดือนก็จ้างแพงไม่ได้ ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้ธุรกิจนี้จะทำให้หาคนดีๆ มาทำงานด้วยยากมาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่สมัยนี้ มักจะมองหาบริษัทที่ได้เงินเดือนเยอะๆ โบนัสดีๆ ตัวงานนะไม่ค่อยถาม มักจะเอาเงินและชื่อเสียงบริษัท นำหน้า
ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจกับเด็ก Gen Z หรือ Gen Y ว่าสอง Gen นี้เค้าเกิดมากับเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ไมโครเวฟ มือถือ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ทำให้ เด็กมักจะไม่อดทน สู้งานหนัก เปลี่ยนงานบ่อย
ขณะเดียวกัน เราต้องทำความเข้าใจข้อจำกัดของ ธุรกิจของเราและข้อจำกัดของเด็กที่จบใหม่ให้ดี ว่านอกจากเครื่องอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้น ระบบการศึกษาต่างๆ ก็ต่างจากสมัยก่อน เด็กรุ่นหลังๆ จะเรียนโดยไม่เน้นเนื้อหาตรงๆ เหมือน พวก Gen X และ Baby boomer เรียน เช่น วิชาศีลธรรม วิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เด็กสมัยนี้จะเรียนรวมเป็นวิชาเดียวกัน เช่น ภาษาไทย สังคม ดังนั้นอย่าคาดหวังมากเกินไป
อย่างไรก็ดี คุณชยางกูร แก้วบัณฑิต ผู้เชี่ยวชาญด้านงานทรัพยากรบุคคล มี Tips ง่ายๆ เกี่ยวกับประเด็นนี้ที่จะช่วยผู้ประกอบการหาคนมาทำงานอย่างเหมาะสม ดังนี้
1. อย่าคาดหวังว่าเด็กจบใหม่จะรู้เยอะ รู้รอบ
เอาแค่ว่าพื้นฐานดี สอนง่าย เป็นคนดี ทัศนคติดีต่อองค์กรก็พอแล้ว ข้อนี้อยากวางไว้ข้อแรกเลยครับจะได้ไม่คาดหวังสูง ท่องไว้ว่า Gen Y และ Z ผ่านอะไรหลายๆ อย่างไม่เหมือนเรา
2. ถ้ารับไม่เยอะ แนะนำให้ใช้วิธี Employee referral program
ทำได้โดยการให้คนในหน่วยงานที่ต้องการหาให้ คือให้เค้าแนะนำคนรู้จัก หรือ ใช้ words of mouth จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเราอาจจะมี รางวัลเป็นตัวล่อ เช่น package ไปเที่ยวกับคนรักหรือ ครอบครัว ใครหาคนให้บริษัทได้จะมีสิทธินี้ พอสิ้นปีก็จับฉลากจากพนักงานที่แนะนำเพื่อนมาทำงานกับเรา ซึ่งข้อแนะนำคือไม่อยากให้แจกเป็นเงิน เพราะพนักงานอาจจะเอาเวลาไปหาคนแทนที่จะทำงานหลัก
3.ใช้ social media
วิธีนี้เสียเงินน้อย คนเห็นเยอะ แต่บริษัทเราควรจะมี Website หรือ Facebook เป็นอย่างน้อยจะทำให้มีความน่าเชื่อถือสำหรับผู้สมัครเข้ามาดู กิจการ หรือ Product รวมไปถึงที่ตั้งของบริษัทที่ชัดเจน
4.อย่าสร้างภาพของบริษัทให้ดีเกินจริง
เจ้าของธุรกิจควรพูดตรงไปตรงมาในทุกเรื่อง เช่น ควรนัดมาสัมภาษณ์ที่บริษัทเพื่อให้ผู้สมัครเห็นสิ่งที่เราเป็นเรา ถ้าเขารับได้ เขาจะอยู่กับเราได้นาน
5. เจอเด็กเก่ง รีบจ้าง
เด็กที่ Potential ดี ต้องรีบจ้างและดูแลเขาเป็นพิเศษ เพราะ นานๆ ที จะหลุดมาถึงเรา
6. เลือกคนเหมาะกับเรามากกว่าเลือกคนเก่ง
เนื่องจากข้อจำกัดของขนาดและ Package ของเรา จึงไม่สามารถจะรั้งคนเก่งไว้ได้นาน ดังนั้นควรมองคนที่ทำงานได้อย่างที่เราอยากได้ก่อน ที่เหลือมาสอนกันเอง หากคุณเลือกเอาคนเก่งมาแล้วลาออกบ่อยๆ น่าจะเกิดความเสียหายมากกว่า
7. ถ้าจำเป็นต้องลง Ads ควรลงใน Website หางาน
หรือ ไป post ตามกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาชีพนั้น เช่น Web ของสายประกันภัย สายบัญชี สายพลังงานทางเลือก ฯลฯ ถ้าเป็นแบบหลังค่า Ads จะถูกกว่า หรือไม่เสียตังค์และตรงเป้าหมายกว่า
8. เด็กสมัยนี้เงินเดือนก่อนเป็นอย่างแรก
ดังนั้นต้องพยายามเปรียบเงินเดือนกะคู่แข่งอยู่บ่อยๆ ครับ อย่างน้อยเงินเดือนต้อง Competitive ตลอดเวลา
9. มีทางเลือกในเรื่องของการทำงานที่ Flexible (คล่องตัว) มากขึ้น
เช่น เวลาในการเข้าและออก จำนวนชม.ที่เข้า Office หรือ บางงานบางวัน Work@home ได้ แต่ควรจะบริหารจัดการตรงนี้ดีๆ ไม่ตึงและไม่หย่อนเกินไป ข้อนี้อาจจะทำให้คุณได้เปรียบองค์กรใหญ่ๆ ที่ให้เงินเดือนเยอะๆ
10. คุยเงื่อนไข รายละเอียดให้ชัด
ถ้าเป็นไปได้ CEO หรือเจ้าของธุรกิจที่บริษัทไม่ใหญ่มากนัก ควรจะสัมภาษณ์ทุกคนด้วยตัวเองเพื่อที่จะสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กร และสร้าง First Impression ให้กับพนักงานทุกคน
ข้อสรุปจากการที่เรามีข้อจำกัดมากมายเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ นั่นคือ คุณควรใช้ใจและ People skills ในการบริหารและรักษาคนให้อยู่กับเรานานๆ อย่ามีกฎเกณฑ์เยอะ ทำองค์กรให้สนุกและคล่องตัวในการบริหาร
หรือลองใช้ Technology มาช่วยในการบริหารจัดการให้เยอะขึ้น เช่น ประชุมผ่าน Line เพื่อไม่ต้องเข้า Office แต่ได้ผลเท่ากัน และ การใช้ Words of Mouth ในการบอกพนักงานให้ช่วยหาคน น่าจะดีที่สุดในการหาคนในจำนวนที่ไม่มาก
แต่ถ้ารับมากๆ ก็ควรใช้ Social media เข้ามาช่วยอีกทางหนึ่งนะครับ
