วิธีเริ่มธุรกิจอย่างชาญฉลาด ไม่มีคำว่า “ล้มเหลว” ในพจนานุกรม


การทำธุรกิจในช่วงเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งที่ยากมากที่สุดแล้วล่ะครับ คุณแทบจะยังไม่ต้องโฟกัสกับความสำเร็จเสียด้วยซ้ำ ขอเพียงแค่คุณไม่ล้มเหลวก่อนก็เป็นอะไรที่ดีมากแล้ว ซึ่งการทำธุรกิจนั้นถึงแม้คุณจะวางแผนมาดีแค่ไหน แต่สุดท้ายการลงมือทำจริงๆ ย่อมต้องเกิดปัญหาในจุดใดจุดหนึ่งขึ้นเสมอ

โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่รีบร้อนวิ่งเข้าหาความสำเร็จ จนอาจลืมไปว่ากว่าที่คนรุ่นเก่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ เขาต้องผ่านอะไรมาแล้วบ้าง ซึ่งถ้าคุณไม่อยากพลาดในการใช้เงินเก็บทั้งชีวิตอุทิศให้กับธุรกิจครั้งนี้ 5 ข้อนี้แหละที่คุณต้องรู้

ทำแผนธุรกิจก่อนการลงทุน

การลดโอกาสความล้มเหลว คือการเตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จให้มากที่สุด โดยคุณต้องหาสินค้าที่จะขายให้ได้ก่อน โดยการวิเคราะห์สินค้าตัวนั้นว่าคุณจะขายอะไร จุดแข็ง จุดอ่อนของสินค้าชิ้นนี้คืออะไร อุปกรณ์ที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง รายได้แต่ละเดือนเท่าไหร่ ค่าใช้จ่าย กำไร ขาดทุน ทุกอย่างต้องถูกคำนวณออกมาให้เห็นเป็นภาพทั้งหมด ถึงจะช่วยบอกได้ว่าธุรกิจคุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน และควรพัฒนาด้านใดต่อไปด้วย ซึ่งสุดท้ายมันจะนำไปสู่ขั้นตอนการทำตลาดอีกมากมายเลยล่ะครับ

รู้จักและเข้าใจลูกค้า

เมื่อได้สินค้าแล้ว รู้ถึงโอกาสความสำเร็จแล้ว คุณเองก็ต้องรู้จักลูกค้าที่คุณจะเข้าไปขายด้วย ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาพร้อมจะจ่ายเงินให้กับสินค้าคุณรึเปล่า สินค้าของคุณจำเป็นกับเขามากน้อยแค่ไหน ลองวิเคราะห์และศึกษาดูให้ดี พฤติกรรมผู้บริโภคทั้งหมดเป็นยังไง ใช้งานโซเชียลมีเดียใดเป็นหลัก มักจะออนไลน์ช่วงเวลาไหน ยิ่งคุณรู้จักลูกค้ามากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คุณขายได้มากเท่านั้น

เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้คุณรู้จักเขาได้ก็คือ จำลองลูกค้าปลอมๆ ขึ้นมาเลยครับ สร้างเขาให้มีบุคลิกเหมือนคนมากที่สุด ว่ากลุ่มเป้าหมายคุณเป็นเพศอะไร นิสัยใจคอเป็นยังไง มีความชอบแบบไหน ไลฟ์สไตล์อะไร สิ่งนี้จะสะท้อนให้คุณเห็นภาพรวมเลยว่าคุณต้องทำตลาดยังไงต่อไป

ทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เห็นชัดเจน

เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะการเป็นเจ้าของธุรกิจมือใหม่ ส่วนใหญ่แล้วจะอาศัยใช้เงินกระเป๋าตังค์เดียวกันกับธุรกิจ อยากได้เงินเท่าไหร่ไปใช้ก็หยิบได้ทันที พอรู้ว่ามีเงินเหลืออยู่ในบัญชีก็ใช้เลย ซึ่งผิดมาก คุณต้องทำการให้เงินเดือนตัวอย่างทุกเดือน และใช้จ่ายเหมือนอย่างมนุษย์เงินเดือนทั่วไป เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้มาปะปนกัน การทำรายรับรายจ่ายจะทำให้คุณเห็นว่าธุรกิจคุณลงทุนไปเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ตรงนี้เองที่คุณจะสามารถลดต้นทุนลงได้

ลดต้นทุนให้น้อยที่สุด

การลดต้นทุนสำหรับธุรกิจใหม่เป็นอะไรที่สำคัญมากไม่แพ้กัน คุณไม่ควรลงทุนแบบหมดหน้าตักเพื่อการเริ่มต้นครั้งนี้ แต่ให้ใช้เงินกับเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าออฟฟิศ ค่าพนักงานบางตำแหน่ง ตรงไหนที่คุณพอจะลงมือทำเองได้ก่อนก็อาจจะยังไม่ต้องจ้าง เพราะธุรกิจเริ่มต้นยิ่งลงทุนน้อย คุณก็จะได้เห็นกำไรเยอะ และช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนให้น้อยลงอีกด้วย

บริการหลังการขายต้องดีๆ

สุดท้ายแล้วการจะมัดใจลูกค้าได้ ทำให้ลูกค้าบอกต่อธุรกิจคุณ และอยากใช้บริการมากขึ้นก็คือเรื่องบริการหลังการขายนั่นเอง เพราะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะช่วยสร้างประสบการณ์และภาพจำให้ลูกค้าจดจำคุณในรูปแบบนั้นตลอดไป
เช่น ถ้าสินค้าคุณดี ลูกค้าสั่งซื้อ ใช้งานเรียบร้อย แต่ติดปัญหานิดหน่อย ทักมาหาคุณแต่คุณกลับไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ตอบ ลูกค้าจะจำคุณว่าร้านคุณไม่ดีทันที ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาจะชื่นชอบสินค้าคุณแค่ไหนก็ตาม

กลับกัน ถ้าสินค้าคุณทั่วไป ราคาไม่ต่างจากเจ้าอื่นมาก แต่เมื่อลูกค้าซื้อไปใช้แล้วคุณมีบริการทักไปสอบถามความพึงพอใจ ทักไปพูดคุยขอฟีดแบคจากเขาว่าควรปรับปรุงตรงไหน ให้ความร่วมมือทุกเรื่อง ลูกค้าจะรู้สึกว่าร้านของคุณดีมากและจดจำภาพนี้ตลอดไป นำไปบอกต่อกับคนอื่นให้มาใช้บริการคุณแน่นอน