Smart SME

How-To

มาแรง! ตลาดความงามจีนโตแซงหน้าสหรัฐฯ ภายในปี 2023 คาดหลายแบรนด์ได้รับอานิสงส์


ตามรายงานของ J.P. Morgan คาดการณ์ว่าจีนกำลังกลายเป็นตลาดที่จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับอุตสาหกรรมความงามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

J.P. Morgan ระบุว่า ตลาดความงามของจีนจะเติบโตแซงหน้าสหรัฐฯ ภายในปี 2023 โดยในปี 2018 ยอดขายสินค้าความงามในจีนเติบโต 12.9% เปรียบเทียบกับยอดขายในสหรัฐฯ ที่เติบโต 4.6% เท่านั้น และบริษัทความงามที่ได้รับประโยชน์คงหนีไม่พ้น L’Oreal, Estee Lauder และ Shiseido

Andrea Teixeira นักวิจัยอาวุโส J.P. Morgan กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้บริษัทเหล่านี้กลายเป็นที่ดึงดูดมากขึ้นมาจากการลงทุนในสื่อดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และผู้บริโภคในจีนส่วนใหญ่มักจะซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เช่น อาลีบาบา

“ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ความงามกลายเป็นที่นิยมในจีนมาจากความทะเยอทะยานที่พัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพเพื่อดึงดูดผู้บริโภค”

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ความงามเติบโตคงหนีไม่พ้นกำลังซื้อของชนชั้นกลาง และกลุ่มคนหนุ่ม-สาวที่ได้ค่าขนมจากครอบครัว จนเกิดการกระตุ้นให้เติบโต

Teixeira กล่าวต่อว่าสินค้าความงามที่มาแรงในจีน ณ ขณะนี้ คือ “สกินแคร์” ซึ่งมาจากพฤติกรรมของผู้หญิงชาวจีนที่นิยมบำรุงผิวพรรณเร็วกว่าประเทศตะวันตกที่มักใช้เครื่องสำอางก่อน

ที่มา: CNBC

Related Posts

SEO

6 เหตุผลที่เว็บไซต์ธุรกิจส่วนใหญ่ใช้ WordPress ในการทำ SEO

สำหรับมือใหม่ที่อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจคือการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ เรื่องนี้การเลือกใช้เครื่องมือก็สำคัญมาก อีกทั้งยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ค่อนข้างซับซ้อนด้านเทคนิค ทำให้การเลือกใช้บริการรับทำ SEO ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย  อีกเรื่องที่สำคัญก็คือเรื่องของการซื้อ VPS WordPress hosting ที่จะต้องพิจารณาผู้ให้บริการให้เหมาะสมกับธุรกิจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด สอดคล้องกับการทำ SEO เช่นกัน นอกจากนี้ความนิยมของ WordPress ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องพิจารณา ท่ามกลาง ตัวเลือกหลากหลาย แต่ทำไม WordPress ถึงได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งครั้งนี้ทางบทความก็ได้รวบรวมมาให้แล้วถึง 6 เหตุผลที่เว็บไซต์ธุรกิจส่วนใหญ่ใช้ WordPress ในการทำ SEO ดังนี้ 1.ใช้งานง่าย เหตุผลแรกที่เว็บไซต์ธุรกิจหรือเว็บ E-Commerce นิยมใช้ WordPress เพราะใช้งานง่าย เนื่องจากตัวโปรแกรมเป็นแบบสำเร็จรูป CMS (Contents Management System)  มีการออกแบบให้ใช้งานง่าย ซึ่งเหมาะกับนักทำ SEO ทั้งมือใหม่และบริษัทรับทำ SEO ในไทย หากใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ VPS WordPress hosting […]

คนรวย

ศึกษามา 26 ปี นี่คือ 8 เรื่องที่คนรวยมองต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

Steve Siebold มหาเศรษฐีคนรวยที่สร้างเนื้อสร้างตัวเองขึ้นมาได้ใช้เวลาถึง 26 ปี สัมภาษณ์บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ก่อนจะสรุปผลการค้นหาลงในหนังสือ “How Rich People Think” โดยขั้นต้นความลับการร่ำรวยนั้นไม่ได้อยู่ที่กลไกของเงิน แต่อยู่ที่ระดับความคิดที่สร้างขึ้นมาต่างหาก นอกจากเงินในบัญชีที่มีมากกว่าคนอื่น คนที่ร่ำรวยจะมีความเชื่อ ปรัชญา และกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน     นี่คือ 8 ประเด็นที่คนมั่งคั่งมองต่างจากคนธรรมดาทั่วไป 1.การร่ำรวยเป็นสิทธิ ในขณะที่คนทั่วไปมองว่าความร่ำรวยเป็นเรื่องของโชคชะตา ความโชคดีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ความแตกต่างในการคิดนี้ทำให้ชนชั้นกลางต้องเสี่ยงโชค และต้องทำงาน แต่สำหรับคนรวยพวกเขาเชื่อว่าหากทำให้ชีวิตของคนอื่นดีขึ้น หรือง่ายขึ้น พวกเขาก็มีสิทธิที่จะเป็นเศรษฐี 2.เริ่มต้นธุรกิจเร็ว ยิ่งสร้างรายได้เร็ว ในขณะที่คนทั่วไปมองว่าการเริ่มต้นธุรกิจเป็นความเสี่ยง แต่ความจริงคือการมีงานทำไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจ แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะดูขัดใจอยู่บ้าง เพราะการเริ่มต้นธุรกิจมีความเสี่ยง แต่คนร่ำรวยรู้ว่าความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการไม่ยอมเดิมพันกับตัวเอง ช่วงเวลาที่คนมั่งคั่งเริ่มต้นธุรกิจ และแสวงหากำไร แต่คนธรรมดากลับพอใจกับเงินเดือนคงที่ และพลาดโอกาสที่จะทำให้ชีวิตก้าวหน้า 3.ความฉลาดที่มากกว่า หากใช้เกณฑ์สร้างความมั่งคั่งโดยวัดจากผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม หรือการได้รับเกียรตินิยม ว่าจะทำให้ร่ำรวย อย่างไรก็ตาม แท้จริงความมั่งคั่งเกิดจากความฉลาดในการใช้ชีวิตมากกว่าการจดจำข้อมูล และทำข้อสอบได้ดีเยี่ยม 4.สร้างความมั่งคั่งต้องอาศัยทีมงาน เรื่องนี้สวนทางกับคนธรรมดาที่มองว่าการสร้างความมั่งคั่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่บุคคลที่ร่ำรวยจะรู้ดีว่าต้องมีทีมงานถึงจะสร้างความมั่งคั่งได้ นอกจากนี้พวกเขายังทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการค้นหาบุคลากรที่เหมาะสมเพื่อยกระดับการทำงาน และแนวคิดของพวกเขา 5.การหาเงินเป็นเรื่องง่าย คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าคนที่ฐานะรวยฉลาดกว่า […]

Zero Waste Cooking

5 เทคนิค Zero Waste Cooking สู่การลดขยะเสียทิ้งอย่างยั่งยืนในธุรกิจอาหาร

จากปัญหาขยะอาหารหรือ Food Waste เพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ้นเปลืองทรัพยากรในธุรกิจอาหาร ทำให้แนวคิด “Zero Waste Cooking” แนวทางการทำอาหารที่มุ่งลดปริมาณขยะอาหารให้เหลือศูนย์ ด้วยการใช้วัตถุดิบทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ให้เหลือเศษอาหารทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่หลายองค์กรทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ     Cogistics ผู้ให้บริการจัดหาวัตถุดิบ ผัก-ผลไม้แช่แข็ง ได้แนะนำ 5 เทคนิค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้วัตถุดิบและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดังนี้ 1. วางแผนการซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าให้เพียงพอต่อการใช้ การวางแผนรายการและปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้ในแต่ละครั้งล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากเกินไปจนเหลือทิ้งเพราะหมดอายุก่อนนำมาใช้ โดยการคำนวณปริมาณที่ต้องใช้เพื่อให้เพียงพอและเหมาะสมกับการปรุงอาหาร 2. เลือกซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ หลีกเลี่ยงการเกิดขยะอาหาร การเลือกซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สดใหม่ ปลอดสารพิษ หรืออยู่ในฤดูกาล นอกจากจะได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพแล้วยังส่งผลต่ออายุการเก็บรักษาวัตถุดิบ ลดการเน่าเสีย และป้องกันการเกิดขยะอาหารได้อีกด้วย 3. กำหนดสต๊อกขั้นต่ำทำ FIFO และจัดเก็บด้วยวิธีที่ถูกต้อง การกำหนดสต๊อกขั้นต่ำที่ต้องจัดเก็บให้เพียงพอต่อการใช้งาน โดยไม่สั่งวัตถุดิบในปริมาณมากเกินไป รวมถึงใช้วิธีการจัดการสต๊อกแบบ First In-First Out (FIFO) หรือ “มาก่อนใช้ก่อน” เพื่อให้วัตถุดิบที่ใกล้หมดอายุได้ถูกนำมาใช้ก่อน และควรจัดเก็บวัตถุดิบแต่ละชนิดในอุณหภูมิที่เหมาะสม ดีต่อการยืดอายุเก็บรักษาวัตถุดิบ 4. เลือกใช้ส่วนประกอบของวัตถุดิบทุกส่วนอย่างคุ้มค่า […]