ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ที่ไม่สามารถจะเอาแน่เอานอนอะไร เพราะอยู่ดี ๆ อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งมาจากปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องตื่นตระหนกกันมากเกินไป
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเหล่านี้มักจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตามมา หากร้ายแรงก็อาจถึงขึ้นฉุดให้ดิ่งลงเหวเลยก็ว่าได้ ดังนั้น ในมุมมองของนักลงทุนพวกเขาจะมองไปที่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยที่เรียกว่า Safe Haven เนื่องจากมีความผันผวนน้อยสอดรับกับสถานการณ์ถึงแม้ว่าจะเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม
สำหรับ Safe Haven ที่จะนำเสนอมี ตัวเลือกด้วยกัน ดังต่อไปนี้
1.ทองคำ
“ทองคำ” กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่นักลงทุนมักนึกถึง โดยราคาทองคำจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของธนาคารกลางจากอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีความผันผวนมากเพียงใด แต่ “ทองคำ” ยังคงรักษามูลค่าของตัวเองได้อยู่ตลอดเวลา
2.พันธบัตรรัฐบาล
“พันธบัตรรัฐบาล” ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เพราะเป็นตราสารหนี้ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล ดังนั้นนักลงทุนสามารถอุ่นใจได้ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เรียกได้ว่า “พันธบัตรรัฐบาล” ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินต้นลงทุนเมื่อครบกำหนดอายุ
3.หุ้นตั้งรับ
“หุ้นตั้งรับ” ในที่นี้หมายถึง หุ้นสาธารณูปโภค, สุขภาพ, เทคโนโลยีชีวภาพ และบริษัทสินค้าบริโภค เหล่านี้เป็นหุ้นที่ไม่คำนึงสถานะของตลาด โดยผู้บริโภคจำเป็นต้องซื้ออาหาร, สินค้าสุขภาพ และของใช้พื้นฐานที่มีไว้ติดบ้าน ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ หรือเศรษฐกิจตกต่ำ แต่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มที่กล่าวมายังคงดำเนินการเพื่อรักษามูลค่าของตัวเอง
4.เงินสด
อาจจะกล่าวได้ว่า “เงินสด” เป็นสินทรัพย์เดียวที่มีความปลอดภัยมากที่สุด หากต้องเผชิญกับสถานการณ์ตลาดชะลอตัว อย่างไรก็ตาม “เงินสด” ไม่มีผลตอบแทนกลับมา และมีผลทางลบในกรณีเงินเฟ้อ
ที่มา: investopedia