Smart SME

How-To

ฟาสต์ฟู้ดในจีนพากันเปลี่ยนมาทำการเสิร์ฟแบบ “ไร้สัมผัส” สู้กับการระบาดของ COVID-19


จากการระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทจีนที่ยังไม่มีท่าทีจะหยุดความรุนแรงลง ทำให้ธุรกิจอาหารในจีนอย่าง McDonald, Starbucks และ KFC รวมถึงอาหารฟาสต์ฟู้ดอื่น ๆ ต้องงัดเอารูปแบบใหม่ของการเสิร์ฟมาให้บริการ เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งของพนักงานและลูกค้า

McDonald

McDonald นำเอาการเสิร์ฟแบบไม่สัมผัสมาใช้ทั่วทั้งประเทศจีน เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสยังไม่ลดลง โดยบริการรูปแบบใหม่นี้ ลูกค้าจะทำการสั่งซื้อจากระยะไกลผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรือจะใช้ผ่านคอมพิวเตอร์ในร้านก็ได้ หลังจากพนักงานเตรียมอาหารเสร็จจะมีการบรรจุลงถุงและวางเอาไว้ในจุดบริการพิเศษ ซึ่งจุดนี้ลูกค้าจะต้องทำการเดินไปรับสินค้าด้วยตนเอง จะไม่มีพนักงานคอยส่งให้

สำหรับคำสั่งซื้อที่ต้องจัดส่งถึงบ้าน พนักงานจะวางห่ออาหารเอาไว้ที่ทางเข้าออกของอาคาร ลูกค้าจะต้องมาหยิบสินค้าและอาหารเองเช่นกัน นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนรูปแบบงานบริการของ McDonald

Starbucks

Starbucks แนะนำให้ลูกค้าทำการสั่งกาแฟผ่านทางแอปพลิเคชัน แล้วให้ทำการรออยู่ข้างนอกร้านรอจนกว่าจะได้รับการแจ้งเตือน จึงคอยเดินเข้ามาหยิบเอารายการเครื่องดื่มที่สั่งเอาไว้จากโต๊ะที่เตรียมเอาไว้

และถ้าหากลูกค้าต้องการเข้าไปนั่งรอเครื่องดื่มในร้าน ลูกค้าจะต้องถูกวัดอุณหภูมิจากพนักงานของร้านเพื่อความปลอดภัยจากการติดเชื้อ และบาริสต้าทั้งหมดในร้านจะต้องสวมหน้ากาก

นอกจากนี้พนักงานในร้านจะต้องทำความสะอาดร้านเพื่อทำการฆ่าเชื้อทุก ๆ 2 ชั่วโมง อีกทั้งพนักงานต้องทำการล้างมือทุก ๆ 30 นาทีอีกด้วย

มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำการขายอาหารบนความรู้สึกปลอดภัยของลูกค้า

KFC

บริษัท Yum China Holdings Inc ได้เริ่มการส่งมอบสินค้าแบบไร้สัมผัสไปแล้วเช่นกัน ทำให้รูปแบบใหม่ของการเสิร์ฟถูกถ่ายทอดไปยัง KFC และ Pizza Hut โดยพนักงานที่ให้บริการจัดส่งสินค้าจะวางสินค้าไว้ที่ประตูห้องของผู้บริโภคหรือจุดที่เตรียมไว้ของอาคารต่าง ๆ ลูกค้าจะเป็นผู้ลงมารับสินค้าด้วยคัวเอง

การรับมือกับวิกฤติดังกล่าวได้เร่งการเปิดตัวบริการของการติดต่อแบบไร้สัมผัสในประเทศจีน บริการเหล่านี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าและมีบทบาทสำคัญในการทำให้มั่นใจว่าธุรกิจการจัดส่งอาหารยังคงดำเนินต่อไปได้แม้ในช่วงเวลาแบบนี้

อ้างอิง:

Related Posts

Social Media

9 เทรนด์ Social Media ปี 2025 แบรนด์ต้องปรับตัวอย่างไร

ทุกวันนี้ Social Media กลายเป็นช่องทางที่ผู้คนใช้งานอยู่เป็นประจำในทุก ๆ วัน นับวันยิ่งมีความสำคัญเป็นพื้นที่มากกว่าการโพสต์รูปภาพ หรือแชร์ข้อความอย่างที่มีมา หากมองในมุมธุรกิจนี่เป็นเวทีสำคัญที่แบรนด์ต่าง ๆ สร้างหรือสูญเสียความภักดีต่อลูกค้าเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ทำให้ต้องมีการอัปเดตเทรนด์อยู่ตลอดเวลา เทรนด์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปเสมอในแต่ละปี หากตามไม่ทันย่อมเสียโอกาสที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก     นี่คือ 9 เทรนด์ Social Media ปี 2025 แบรนด์ต้องปรับตัว เรียนรู้ และก้าวตามให้ทัน 1.Augmented Reality เปลี่ยนจินตนาการให้กลายเป็นความจริง AR ไม่ใช่แนวคิดเชิงอนาคตอีกต่อไป ตอนนี้เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้บริโภคในการโต้ตอบกับแบรนด์ โดยไม่ใช่แค่ขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ช่วยให้ลูกค้ามองเห็นสินค้าในสภาพแวดล้อมของตัวเองได้ เช่น การลองสวมแว่นกันแดดเสมือนจริง, การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่น ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยลดความลังเลใจที่เกิดขึ้นจากการซื้อของออนไลน์ได้อย่างมาก 2.วิดีโอสั้น: ดึงดูดความสนใจใน 30 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น วิดีโอสั้นกำลังครอบงำทุกแพลตฟอร์ม เพราะรวดเร็ว น่าดึงดูด และเป็นสิ่งที่ผู้ชมต้องการในปัจจุบัน โดยช่วงความสนใจของผู้ใช้โซเชียลมีเดียมีอัตราเฉลี่ยลดลง ดังนั้น เนื้อหาที่กระชับ สร้างอิมแพคจึงตอบโจทย์ ดังนั้น แบรนด์ควรมุ่งเน้นการสร้างวิดีโอที่ดึงดูดสายตา และเข้าถึงผู้ชมได้อย่างรวดเร็วเพื่อบอกเล่าเรื่องราวภายในเวลาไม่ถึง […]

ทักษะ Empathy

ทักษะ Empathy คืออะไร? เกี่ยวข้องอย่างไรกับความเป็นผู้นำ

HREX.asia แพลตฟอร์มข้อมูลความรู้สำหรับ HR เผยถึงแนวคิดทักษะ Empathy หรือความสามารถในการเข้าใจคนอื่นถึงความคิด อารมณ์ หรือความรู้สึกของอีกฝ่ายโดยไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายสถานการณ์     โดยเฉพาะทางธุรกิจที่เป็นทักษะในการเข้าใจลูกค้า เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและบริการให้ตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นด่านแรกของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) พร้อมสร้างความสุขในการทำงาน และส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน Empathy VS Sympathy • Empathy – ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น • Sympathy – ความเห็นอกเห็นใจ, ความสงสาร หลายคนมีข้อสงสัยในความแตกต่างระหว่าง Empathy กับ Sympathy แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ Empathy เป็นความรู้สึกร่วมต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็รู้สึกไปด้วยกัน เป็นความสามารถในการมองจากสายตาของอีกฝ่าย ขณะที่ Sympathy เป็นเพียงความรู้สึกเห็นใจและเข้าใจของเราที่มีต่อสถานการณ์ของคนอื่น ไม่ได้รู้สึกร่วมไปด้วยกับอีกฝ่าย ฉะนั้นการมีทักษะ Empathy จะทำให้เราอยากเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหากับอีกฝ่ายมากกว่า สรุปคือ Empathy มีความสำคัญในการสร้างความจงรักภักดี (Loyalty) การมีส่วนร่วม (Engagement) และการรักษาพนักงาน (Retention) ในระยะยาวนั่นเอง […]

เงินเก็บ

7 กฎของคนที่ไม่ได้เกิดมาร่ำรวย แต่ช่วยให้มีเงินเก็บ 1 ล้านบาท

“เงินเก็บ” เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมีอยู่ในชีวิต โดยมีประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ใช้ในยามฉุกเฉิน, ทำสิ่งที่ตนเองต้องการ ตลอดจนเก็บไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณ “ทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้” เรามักจะคุ้นชินกับประโยคเหล่านี้ แน่นอนว่าหากเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมมีความได้เปรียบกว่าคนอื่นเวลาจะทำอะไรสักอย่าง หรือหากมีข้อผิดพลาดก็ไม่เจ็บหนักกว่าคนอื่น แต่หากอยู่ในสถานะอื่น ๆ ก็ต้องดิ้นรนกันไป     ถ้าเป็นอย่างนี้คนที่ไม่เกิดมาร่ำรวย ไม่ได้เริ่มธุรกิจของตัวเอง ไม่ได้มีมรดกจากครอบครัว จะมีวิธีไปถึงเป้าหมายกับการมีเงินเก็บสัก 1 ล้านบาทอย่างไร Smartsme จะพาไปหาคำตอบจากผู้ที่เคยทำสำเร็จมาแล้วอย่าง Steve Adcock ที่เป็นคนมีอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่อายุ 35 โดยเจ้าตัวใช้กฎง่าย ๆ ถึงขั้นที่บอกคนธรรมดาก็ทำได้จนมีเก็บกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนี้ มองข้ามความฝันตัวคุณเอง “แพชชัน” มักจะเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งไม่อาจจ่ายเป็นเงินได้เสมอไป จุดแข็งของตัวเราต่างหากที่ควรให้ความสำคัญ เช่น แพชชัน คือการถ่ายภาพ แต่จุดแข็ง คือวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่ให้เงินเดือนมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เปรียบเทียบหากเลือกทำตามแพชชันก็ไม่แน่ใจว่าสร้างรายได้มากเท่านี้หรือไม่ เรียนรู้จากมหาเศรษฐี การได้ร่วมงานกับบุคคลที่ฐานะร่ำรวย ไม่ใช่เป็นความอิจฉา แต่ควรเรียนรู้จากพวกเขา ตัวอย่าง Brian ที่เคยร่วมงานหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย […]