Smart SME

How-To

ใช้ชีวิตอย่างไรในเมืองที่ Lockdown จากการแพร่ระบาดของไวรัส


ความหวาดกลัวในการแพร่ระบาดของไวรัสว่าหนักหนาแล้ว ความระแวงในการใช้ชีวิตในช่วงที่เมืองทำการ Lockdown ดูเหมือนจะมีมากกว่า ตอนนี้เรามีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะวิกฤตที่ตอบคำถามที่พวกเราอยากรู้ อย่างน้อยก็เป็นแนวทางในการเตรียมตัวรองรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับเรา

Judith Matloff ผู้สอนเกี่ยวกับ crisis reporting ที่ Columbia Graduate School of Journalism เธอเคยมีประสบการณ์จากการถูกขังอยู่ในโรงแรมช่วงสงครามกลางเมืองในแองโกลา เธอบอกว่ามีบางอย่างที่เอามาปรับใช้ได้กับการเก็บตัวอยู่ในนิวยอร์ก

นี่คือบางส่วนของบทสนทนาที่เธอพูดคุยกับ New York Times ซึ่งทาง Smart SME นำมาเรียบเรียงใหม่เพื่อความเหมาะสม

คุณคาดการณ์ว่าสองสัปดาห์ถัดไปจะเป็นอย่างไร?

นี่คงไม่เหมือนกับพายุทอร์นาโดที่คุณทำเพียงการรออยู่ที่ชั้นใต้ดินเพื่อให้พายุพัดผ่าน การ Lockdown เมืองเจ้าหน้าที่มีการทบทวนและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ฉันคิดว่านิวยอร์กจะทำสิ่งที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนีย เราควรจะได้รับอนุญาตให้พาสุนัขไปเดินเล่น หรือทำการเล่นฟุตบอลในสวน หลัก ๆ คือการไม่รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ และคุณไม่ควรไปปาร์ตี้ร่วมกับคน 20 คน

คุณเรียนรู้อะไรบ้างจากประสบการณ์เรื่องความวิตกกังวลที่ผ่านมา?

ฉันว่าฉันยืดหยุ่นและปรับตัวได้มากกว่าที่ฉันคิด และเชื่อว่าคนนิวยอร์กที่วิตกกังวลก็สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ผิดปกตินี้ได้

เราจะอยู่อย่างไรในที่พักของเราช่วง Lockdown?

เรายังมีน้ำและไฟฟ้าที่ใช้งานได้ดี เราอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอุปกรณ์ครบครัน มันจะเป็นเพียงแค่การจำกัดอิสระในการออกไปข้างนอก คุณใช้เวลาส่วนใหญ่ในที่พักมีพื้นที่ใช้สอยน้อยลง แต่คุณก็ยังมีห้องน้ำที่ยังใช้การได้ปกติ

สิ่งที่สำคัญที่ต้องมีเพื่อความอยู่รอดมีอะไรบ้าง?

ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นควรจะถูกนำมาเช็คว่าคุณยังมียาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอยู่ครบหรือเปล่า หากพบว่ามันหมดอายุก็คงต้องเตรียมชุดใหม่เข้ามา ไฟฟ้าก็น่าจะมีใช้แต่ก็ควรจะชาร์จแบตเตอรี่สำรองและไฟฉายเอาไว้บ้าง เงินสดก็เป็นสิ่งจำเป็นมันอาจจะต้องมีเก็บไว้มากกว่าสถานการณ์ปกติสองเท่า

แล้วก็อย่าลืมหาสิ่งที่จะช่วยไม่ให้คุณหมกมุ่นอยู่กับความเครียดจนเกินไป หาวิดีโอเกม, เกมกระดาน และอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายเอาไว้บ้าง

ในตู้เย็นต้องมีอะไร?

เนื้อสัตว์, เนื้อปลา, ไอศกรีม และชีส รวมถึงผักผลไม้แช่แข็งที่เก็บเอาไว้ได้เป็นเวลานาน เผื่อเอาไว้บ้างแต่ก็ภาวนาอย่าให้ต้องใช้พวกมันเลย

คุณวางแผนในแต่ละวันของคุณอย่างไรบ้าง?

ฉันก็ตื่นนอนอาบน้ำแต่งตัว ฉันต้องการทำให้ตัวเองมีความรู้สึกว่าพร้อมสำหรับการทำงาน ฉันจัดระเบียบเกี่ยวกับมื้ออาหาร กำหนดเวลาออกกำลังกาย ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นฉันเชื่อว่าเรายังออกไปเดินในสวนสาธารณะหรือปั่นจักรยานได้ ติดต่อผู้คนในช่องทางที่เราทำได้ และเข้านอนในเวลาปกติ อย่าทำให้ชีวิตประจำวันของคุณเสียไป

เราควรแต่งตัวอย่างไร?

มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้ตัวเองรู้สึกดี หากคุณได้แต่งตัวแต่งหน้าเหมือนวันปกติที่คุณจะออกไปทำงาน มันจะช่วยคุณไม่ให้รู้สึกหดหู่จนเกินไป ทำตัวตามปกตินั่นแหละดีที่สุด

อะไรคือคำแนะนำส่วนตัวที่คุณอยากบอก?

ระวังอย่าเสพข่าวร้ายมากเกินไป และถ้าหากมีบางคนที่ทำให้คุณวิตกกังวลมากเกินไป ให้ถอยห่างออกไปจากพวกเขา อารมณ์ขันเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลาแบบนี้ ลองหาภาพยนตร์ตลกมันเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ดีในแต่ละวัน

มีด้านบวกของเรื่องนี้หรือไม่?

นี่อาจจะเป็นการปฏิวัติเรื่องสถานที่ทำงานของคนทั้งโลก เพราะจากนี้ไปการทำงานนอกสถานเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้แล้ว บางคนอาจจะได้เปลี่ยนวิธีการทำงานแบบถาวรแม้ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม

สิ่งนี้สามารถสอนให้คุณปรับตัวและสร้างสรรค์มากขึ้น และคุณอาจค้นพบสิ่งใหม่ที่น่าสนใจเมื่อคุณพยายามต่อสู้กับความเบื่อหน่าย การเชื่อมต่อกับเพื่อนเก่าและครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีมาก นี่คือช่วงเวลาที่เราจะได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ

อ้างอิง:

Related Posts

Social Media

9 เทรนด์ Social Media ปี 2025 แบรนด์ต้องปรับตัวอย่างไร

ทุกวันนี้ Social Media กลายเป็นช่องทางที่ผู้คนใช้งานอยู่เป็นประจำในทุก ๆ วัน นับวันยิ่งมีความสำคัญเป็นพื้นที่มากกว่าการโพสต์รูปภาพ หรือแชร์ข้อความอย่างที่มีมา หากมองในมุมธุรกิจนี่เป็นเวทีสำคัญที่แบรนด์ต่าง ๆ สร้างหรือสูญเสียความภักดีต่อลูกค้าเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ทำให้ต้องมีการอัปเดตเทรนด์อยู่ตลอดเวลา เทรนด์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปเสมอในแต่ละปี หากตามไม่ทันย่อมเสียโอกาสที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก     นี่คือ 9 เทรนด์ Social Media ปี 2025 แบรนด์ต้องปรับตัว เรียนรู้ และก้าวตามให้ทัน 1.Augmented Reality เปลี่ยนจินตนาการให้กลายเป็นความจริง AR ไม่ใช่แนวคิดเชิงอนาคตอีกต่อไป ตอนนี้เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้บริโภคในการโต้ตอบกับแบรนด์ โดยไม่ใช่แค่ขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ช่วยให้ลูกค้ามองเห็นสินค้าในสภาพแวดล้อมของตัวเองได้ เช่น การลองสวมแว่นกันแดดเสมือนจริง, การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่น ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยลดความลังเลใจที่เกิดขึ้นจากการซื้อของออนไลน์ได้อย่างมาก 2.วิดีโอสั้น: ดึงดูดความสนใจใน 30 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น วิดีโอสั้นกำลังครอบงำทุกแพลตฟอร์ม เพราะรวดเร็ว น่าดึงดูด และเป็นสิ่งที่ผู้ชมต้องการในปัจจุบัน โดยช่วงความสนใจของผู้ใช้โซเชียลมีเดียมีอัตราเฉลี่ยลดลง ดังนั้น เนื้อหาที่กระชับ สร้างอิมแพคจึงตอบโจทย์ ดังนั้น แบรนด์ควรมุ่งเน้นการสร้างวิดีโอที่ดึงดูดสายตา และเข้าถึงผู้ชมได้อย่างรวดเร็วเพื่อบอกเล่าเรื่องราวภายในเวลาไม่ถึง […]

ทักษะ Empathy

ทักษะ Empathy คืออะไร? เกี่ยวข้องอย่างไรกับความเป็นผู้นำ

HREX.asia แพลตฟอร์มข้อมูลความรู้สำหรับ HR เผยถึงแนวคิดทักษะ Empathy หรือความสามารถในการเข้าใจคนอื่นถึงความคิด อารมณ์ หรือความรู้สึกของอีกฝ่ายโดยไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายสถานการณ์     โดยเฉพาะทางธุรกิจที่เป็นทักษะในการเข้าใจลูกค้า เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและบริการให้ตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นด่านแรกของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) พร้อมสร้างความสุขในการทำงาน และส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน Empathy VS Sympathy • Empathy – ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น • Sympathy – ความเห็นอกเห็นใจ, ความสงสาร หลายคนมีข้อสงสัยในความแตกต่างระหว่าง Empathy กับ Sympathy แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ Empathy เป็นความรู้สึกร่วมต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็รู้สึกไปด้วยกัน เป็นความสามารถในการมองจากสายตาของอีกฝ่าย ขณะที่ Sympathy เป็นเพียงความรู้สึกเห็นใจและเข้าใจของเราที่มีต่อสถานการณ์ของคนอื่น ไม่ได้รู้สึกร่วมไปด้วยกับอีกฝ่าย ฉะนั้นการมีทักษะ Empathy จะทำให้เราอยากเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหากับอีกฝ่ายมากกว่า สรุปคือ Empathy มีความสำคัญในการสร้างความจงรักภักดี (Loyalty) การมีส่วนร่วม (Engagement) และการรักษาพนักงาน (Retention) ในระยะยาวนั่นเอง […]

เงินเก็บ

7 กฎของคนที่ไม่ได้เกิดมาร่ำรวย แต่ช่วยให้มีเงินเก็บ 1 ล้านบาท

“เงินเก็บ” เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมีอยู่ในชีวิต โดยมีประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ใช้ในยามฉุกเฉิน, ทำสิ่งที่ตนเองต้องการ ตลอดจนเก็บไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณ “ทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้” เรามักจะคุ้นชินกับประโยคเหล่านี้ แน่นอนว่าหากเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมมีความได้เปรียบกว่าคนอื่นเวลาจะทำอะไรสักอย่าง หรือหากมีข้อผิดพลาดก็ไม่เจ็บหนักกว่าคนอื่น แต่หากอยู่ในสถานะอื่น ๆ ก็ต้องดิ้นรนกันไป     ถ้าเป็นอย่างนี้คนที่ไม่เกิดมาร่ำรวย ไม่ได้เริ่มธุรกิจของตัวเอง ไม่ได้มีมรดกจากครอบครัว จะมีวิธีไปถึงเป้าหมายกับการมีเงินเก็บสัก 1 ล้านบาทอย่างไร Smartsme จะพาไปหาคำตอบจากผู้ที่เคยทำสำเร็จมาแล้วอย่าง Steve Adcock ที่เป็นคนมีอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่อายุ 35 โดยเจ้าตัวใช้กฎง่าย ๆ ถึงขั้นที่บอกคนธรรมดาก็ทำได้จนมีเก็บกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนี้ มองข้ามความฝันตัวคุณเอง “แพชชัน” มักจะเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งไม่อาจจ่ายเป็นเงินได้เสมอไป จุดแข็งของตัวเราต่างหากที่ควรให้ความสำคัญ เช่น แพชชัน คือการถ่ายภาพ แต่จุดแข็ง คือวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่ให้เงินเดือนมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เปรียบเทียบหากเลือกทำตามแพชชันก็ไม่แน่ใจว่าสร้างรายได้มากเท่านี้หรือไม่ เรียนรู้จากมหาเศรษฐี การได้ร่วมงานกับบุคคลที่ฐานะร่ำรวย ไม่ใช่เป็นความอิจฉา แต่ควรเรียนรู้จากพวกเขา ตัวอย่าง Brian ที่เคยร่วมงานหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย […]